ทักษิณ ชี้ SME น่าห่วง เร่งจัดระเบียบสินค้าจีนรุกตลาดไทย

ในการเสวนา “55 ปี NATION : ผ่าทางตันประเทศไทย” เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2568 ดร.ทักษิณ ชินวัตร ชี้ว่า SME ไทยกำลังเผชิญแรงบีบจากหลายทิศ ทั้งหนี้ครัวเรือนที่พุ่งสูง สินค้านำเข้าราคาถูกที่ไร้มาตรฐาน ไปจนถึงแพลตฟอร์มดิจิทัลต่างชาติที่เข้ามาแย่งตลาดโดยไม่ต้องเสียภาษี

 

หนึ่งในปัญหาเร่งด่วนที่รัฐบาลต้องเร่งแก้ไขคือภาระหนี้สินของประชาชนที่กำลัง “ท่วมหัว” จนกลายเป็นอุปสรรคสำคัญในการดำรงชีวิต โดยเฉพาะกลุ่มที่มีรายได้น้อย

 

นอกจากนี้ยังแสดงความเป็นห่วงกรณี สินค้าจากจีนที่ไม่ได้มาตรฐาน และแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างชาติ ที่เข้ามาตีตลาดไทยโดยไม่เสียภาษีและไม่มีการควบคุมด้านคุณภาพ ทำให้ผู้ประกอบการรายย่อย และ SME ไทย “โดนฆ่า”

 

“เราต้องไล่ให้ครบทุกเม็ด ไม่งั้น SME ไทยไปไม่รอด ของจีนที่ไม่มีมาตรฐานเข้ามาฆ่า SME เราอยู่ทุกวัน”
 

ดร.ทักษิณยังมองถึงผลกระทบจากการนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าแบบ 100% โดยไม่มีกลไกคุ้มครองอุตสาหกรรมในประเทศ ซึ่งอาจทำลายระบบนิเวศของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยที่เคยแข็งแรง

 

ทั้งนี้ ในแง่ของภาษีสหรัฐ ที่โดนัลด์ทรัมป์ประกาศขึ้นไทย 36% ดร.ทักษิณ มองว่าไทยยังมีเวลาต่อรองภาษีสหรัฐฯ 20 วัน อย่าตกใจ แต่ต้องเลือกปกป้องผลประโยชน์ SME-เกษตร ไม่แลกทุกอย่าง เพราะอาจกระทบต่อเศรษฐกิจในภาพรวม โดยเฉพาะภาคการผลิตและเกษตรกรรม

 

โดยสินค้าส่งออกของไทยไปสหรัฐฯ แบ่งได้เป็น 3 กลุ่มใหญ่ ได้แก่

 

• สินค้าผลิตโดยบริษัทสหรัฐฯ ที่มาตั้งฐานในไทย หรือจ้างผลิตจากไทย แล้วส่งกลับไปขายที่อเมริกา กลุ่มนี้หากเจอภาษีเพิ่มขึ้น 36% ก็อาจกระทบต้นทุนฝั่งสหรัฐฯ เอง เพราะการย้ายฐานการผลิตไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะสายการผลิตที่ไทยทำมานาน ฝีมือไทยเทรนมานานกว่า 10 ปี

 

• กลุ่มสินค้าประกอบในไทย แต่ใช้ชิ้นส่วนนำเข้าจากจีน ซึ่งอาจถูกตีว่าเป็นสินค้าจีน และเสี่ยงโดนภาษีเพิ่มเติมในฐานะสินค้าจีนแปลงร่าง เขาย้ำว่า กลุ่มนี้ต้องตรวจสอบต้นทางอย่างรอบคอบ และพิจารณาว่าคุ้มค่าหรือไม่หากจะเสียสิทธิประโยชน์ในฝั่งอเมริกา เพื่อรักษาดุลการค้ากับจีน

 

• สินค้าเกษตรจากไทย ซึ่งเป็นกลุ่มที่ไทยจะได้รับผลกระทบโดยตรง หากเสียสิทธิ์การเข้าถึงตลาดสหรัฐฯ

 

“กลุ่มนี้เราต้องปกป้อง เพราะเป็นของไทยแท้ ๆ ถ้าเราจะยอมอะไรเพื่อให้สินค้าเกษตรเข้าไปได้ ก็ต้องดูดี ๆ ว่าคุ้มไหม อย่าให้เขามาเหยียบหัวเรากลับได้ของแค่นิดเดียว”

 

ดร.ทักษิณยังเตือนว่า การเจรจาครั้งนี้มีความเชื่อมโยงกับภูมิรัฐศาสตร์ ไม่ใช่แค่เรื่องภาษีเพียงอย่างเดียว โดยสหรัฐฯ ต้องการรู้ว่าไทยมีจุดยืนห่างจากจีนมากแค่ไหน หากไทยเอนเอียงไปทางจีนมากเกินไป ก็อาจไม่ให้สิทธิประโยชน์ด้านภาษีกับไทย ขณะเดียวกันจีนก็จับตาเช่นกัน

 

“นี่คือศิลปะของการต่างประเทศ เราอยู่ตรงกลาง ต้องบาลานซ์ดี ๆ ประเทศเล็กอย่างเราอย่เพิ่งตกใจ อย่าให้ความกลัวทำให้เสียสติ แล้วยอมอะไรที่เกินไป เราไม่อยากกลายเป็นเหมือนยูเครนที่ต้องตกเป็นสมรภูมิ เพราะความขัดแย้งของมหาอำนาจ”

 

นอกจากนี้ ดร.ทักษิณ ยังท้วงเรื่องการเก็บภาษีบริการจากต่างประเทศ โดยเฉพาะแพลตฟอร์มออนไลน์ ว่าไทยยังมีช่องโหว่ที่ควรเร่งอุด เพราะ “สินค้า” ต้องเสียภาษีนำเข้า แต่ “บริการ” อย่างดิจิทัลหรือแพลตฟอร์มกลับไม่ถูกเก็บภาษีอย่างเป็นธรรม

 

“เราไม่ได้ขอสู้ แค่ขอให้แฟร์ ๆ เราเสียอะไรให้คุณตั้งเยอะ คุณก็ต้องเสียอะไรให้เราบ้าง”