สำรวจบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป 4 แบรนด์ใหญ่ เจ้าไหนทำผลงานได้ดีในตลาด
สำรวจสมรภูมิบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป 4 แบรนด์ใหญ่ เจ้าไหนทำผลงานได้ดี ท่ามกลางภาวะกำลังซื้อหด สองผู้นำในตลาด “มาม่า-ไวไว” แท็กทีม Collaboration ปลุกตลาดให้ตื่น
ตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในไทยกลับมาคึกคักอีกครั้ง หลังจากสองยักษ์ใหญ่อย่าง 'มาม่า' และ 'ไวไว' ที่ร่วมกันสร้างกระแสไวรัลผ่าน Facebook จนกลายเป็น Talk of the Town
ทั้งหมดเริ่มจาก 'มาม่า' เปลี่ยนรูปโปรไฟล์เป็นโลโก้ 'ไวไว' พร้อมแคปชั่นแซว "แวะกินยี่ห้ออื่นบ้าง" ก่อนที่ 'ไวไว' จะตอบกลับขอบคุณพร้อมโพสต์ภาพโปรโมตร่วมกันของแบรนด์ มาม่า OK และ ไวไว WOW
แม้ผู้บริโภคจำนวนไม่น้อยจะสงสัยว่าทั้งสองแบรนด์กำลังควบรวมกิจการหรือไม่ แต่สุดท้ายผู้บริหารจากฝั่ง 'มาม่า' ได้ออกมายืนยันว่าเป็นเพียงแคมเปญ Collaboration เพื่อกระตุ้นตลาดในช่วงที่กำลังซื้อซบเซา พร้อมส่งสารสำคัญว่า 'การแข่งขันวันนี้ไม่ใช่แค่หั่นราคา แต่ต้องช่วยกันสร้างสีสันให้ผู้บริโภคกลับมาสนใจสินค้า'
หากย้อนดูตลาดรวมบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในประเทศไทยที่มีมูลค่าราว 20,000 ล้านบาท/ปี โดยคนไทยบริโภคเฉลี่ย 54–55 ซองต่อคนต่อปี จะเห็นว่าการแข่งขันยังคงดุเดือด โดยเฉพาะในกลุ่มผู้นำตลาดที่มีส่วนแบ่งรวมกันกว่า 85%
- สำรวจรายได้แบรนด์บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป
ข้อมูลจากบริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TFMAMA ผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป 'มาม่า' เปิดเผยว่า ปี 2567 ตลาดบะหมี่และเส้นหมี่กึ่งสำเร็จรูปในประเทศไทยยังคงแสดงถึงศักยภาพการเติบโตที่แข็งแกร่ง
โดยมีอัตราการบริโภคเฉลี่ย 54 ซองต่อคนต่อปี ด้วยมูลค่าตลาดรวมประมาณ 22,778 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.9 จากปี 2566
'โพสต์ทูเดย์' สำรวจรายได้ของแบรนด์บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป 4 แบรนด์ใหญ่ในตลาด จากข้อมูลของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า พบว่า
มาม่า จากบริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟู้ดส์ จำกัด (มหาชน) ยังคงรั้งตำแหน่งแชมป์ด้วยรายได้รวมในปี 2567 สูงถึง 19,166 ล้านบาท กำไรสุทธิ 3,565 ล้านบาท หรือครองส่วนแบ่งตลาดเกือบ 50% ตอกย้ำความนิยมจากผู้บริโภคไทยอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ ไวไว จาก บริษัท โรงงานผลิตภัณฑ์อาหารไทย จำกัด ตามมาเป็นอันดับ 2 ด้วยรายได้รวม 8,834 ล้านบาท และกำไรมากกว่า 1,114 ล้านบาท โดยมีจุดแข็งที่เส้นเหนียวนุ่ม และรสชาติหมูสับ-ต้มโคล้ง ที่มัดใจผู้บริโภคได้ตลอดกาล
ส่วน ยำยำ จากบริษัท วันไทยอุตสาหกรรมการอาหาร จำกัด รายได้รวมอยู่ที่ 7,527 ล้านบาท กำไร 727 ล้านบาท โดดเด่นด้วยรสชาติที่เข้มข้น และการนำเสนอทางเลือกใหม่ๆ อย่าง 'ยำยำช้างน้อย' สำหรับเด็ก
ด้าน นิสชิน จาก บริษัท นิสชิน ฟู้ดส์ (ไทยแลนด์) จำกัด แม้จะมีขนาดธุรกิจเล็กกว่า แต่ยังทำรายได้รวม 2,178 ล้านบาท และมีกำไร 231 ล้านบาท โดยมีจุดขายคือบะหมี่ญี่ปุ่นคุณภาพดี รสชาติเข้มข้นตามแบบฉบับต้นตำรับ
- สองแบรนด์ใหญ่เปลี่ยนคู่แข่งเป็นพันธมิตร
จากข้อมูลจะเห็นว่า ทั้งมาม่า และไวไว เป็นผู้นำในตลาด ซึ่งล่าสุด ทั้งสองแบรนด์ยังเดินเกมใหม่ด้วยการเปิดตัวแบรนด์ย่อยในตลาดพรีเมียม โดยมาม่าเปิดตัว MAMA OK แบบซอง กับ 2 รสชาติทงคตสึ และกิมจิซีฟูด ในขนาด 85 กรัม ราคาซองละ 15 บาท
ขณะที่ไวไวส่ง Wai Wai WOW วางกลยุทธ์ราคาเข้าถึงได้ที่ซองละ 11 บาท พร้อมตั้งเป้ากวาดยอดขาย 300 ล้านบาทภายในปีแรก ในตลาดรวม Premium ที่มีสัดส่วน 10-15% หรือประมาณ 3,000-4,500 ล้าน พร้อมตั้งเป้า 3 ปีโกยแชร์ 25%
แม้การแข่งขันจะแน่นขนัด แต่ภาพการจับมือกันของสองแบรนด์ใหญ่ กำลังสะท้อนแนวโน้มใหม่ของตลาด ที่เน้นเติบโตไปด้วยกัน มากกว่าจะห้ำหั่นกันเองในวันที่ผู้บริโภคมีทางเลือกหลากหลายกว่าเคย


