"ทอฝัน” ร้านผ้าเล็ก ๆ ของชาวอาข่า ที่รอวันเฉิดฉายบนเวทีโลก
ทอฝัน ร้านผ้าเล็ก ๆ ของชาวอาข่า เมืองลำพูน เกิดขึ้นจากความตั้งใจของ ‘พรทิพย์ อินจาย’ ผู้ที่อยากสร้างโอกาสให้กับคุณในชนเผ่า ได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นผ่านการทอผ้า
KEY
POINTS
- ทอฝัน ร้านผ้าเล็ก ๆ ของชาวอาข่า เมืองลำพูน เกิดขึ้นจากความตั้งใจของ ‘พรทิพย์ อินจาย’
- ผู้ที่อยากสร้างโอกาสให้กับคุณในชนเผ่า ได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นผ่านการทอผ้า
- ทั้งยังเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้ทอผ้าไหมยกดอกลำพูนลาย “พานจักรพรรดิ” ที่ลิซ่า เคยสวมใส่ในมิวสิกวิดิโอเพลง "LALISA”
ในหมู่บ้านแม่เหล็ก อำเภอแม่ทา จังหวัดลำพูน มีร้านผ้าเล็ก ๆ ที่ชื่อว่า “ทอฝัน” ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางขุนเขา
ถือกำเนิดขึ้นจากน้ำพักน้ำแรงและความตั้งใจของ พรทิพย์ อินจาย หญิงชนเผ่าผู้เคยทำงานกับมูลนิธิช่วยเหลือเด็กกำพร้าในเชียงราย
ด้วยประสบการณ์วันนั้นทำให้เธอตระหนักถึงความสำคัญของระบบประกันสังคมที่เธอได้รับจากการทำงาน แต่เมื่อมองย้อนกลับมายังชุมชนบ้านเกิด กลับพบว่า คนในชุมชนโดยเฉพาะกับผู้หญิงแทบไม่ได้รับโอกาสในการเข้าถึงสิทธิต่าง ๆ บางรายต้องเผชิญกับภาระทั้งการทำงานและดูแลครอบครัวโดยไร้หลักประกันใด ๆ
“เด็กผู้หญิงบางคนตั้งครรภ์อยู่ ก็ยังต้องทำงาน ไม่สามารถหยุดได้ เพราะต้องหาเงินมาเลี้ยงชีพตัวเอง ถ้าไม่ทำก็จะไม่มีเงิน ซึ่งมองว่าหนักเกินไป เราจึงอยากให้เขามีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่านี้ จึงก่อตั้งกลุ่มทอผ้าขึ้นมาในหมู่บ้าน เนื่องจากตนเองเป็นคนถนัดเรื่องการทอผ้า เพราะคลุกคลีมาตั้งแต่วัยเด็ก” พรทิพย์กล่าว
เธอชวนคนในชุมชนรวมกลุ่มทอผ้า ซึ่งเป็นความถนัดของชุมชน เพื่อส่งขาย ทำมาสักพักใหญ่ๆ ถึงเริ่มเปิดร้านทอฝันขึ้นมาในช่วงหลัง
จากจุดเริ่มต้นเล็ก ๆ ที่รวมกลุ่มกันทอผ้าเพื่อเลี้ยงชีพ ทอฝันได้กลายเป็นพื้นที่แห่งความหวังและโอกาส ไม่เพียงสำหรับชาวอาข่า แต่ยังรวมถึงชาวกะเหรี่ยงในพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งมีข้อจำกัดในการเข้าถึงโอกาสทางเศรษฐกิจ มีการรวมกลุ่มกันหลาย ๆ ราย
ผ้าไหมยกดอกลำพูน เอกลักษณ์เมืองลำพูน ได้รับ GI
พรทิพย์ เล่าว่า สนับสนุนชาวบ้านทอผ้าหลากหลายรูปแบบ หนึ่งในนั้นคือการทอผ้าแบบผ้าไหมยกดอกลำพูน ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของเมืองลำพูน ที่ได้รับตราสัญลักษณ์สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หรือ GI (Geographical Indication) โดยเป็นลักษณะการทอผ้าให้มีลายดอกยกนูนสูง
ผ้าไหมยกดอกลำพูน ได้รวมเอาความประณีตของชนเผ่าอ่าข่าและความหนาแน่นของชนเผ่ากะเหรี่ยงมาใช้เสริมในการพัฒนาทอผ้าไหมยกดอกลำพูน เพื่อเสริมสร้างผ้าไหมที่ไม่เพียงแค่สวยงามและมีคุณภาพสูง แต่ยังคงรักษาวัฒนธรรมของชนเผ่าได้ด้วย โดยการนำความละเอียดจากชนเผ่าอ่าข่าและความแน่น-นูนจากชนเผ่ากะเหรี่ยงมาใช้ในการพัฒนาฝีมือทอผ้าไหมยกดอกลำพูน
ผ้าทุกชิ้นร้านทอฝัน ทอแบบพรีเมี่ยม
ไม่เพียงเท่านั้นผ้าทุกชิ้นเน้นทอแบบพรีเมี่ยม เน้นคุณภาพของผ้า และลวดลาย ผสาน เทคนิคการทออันละเอียด หนาแน่น และทนทานของชาวอาข่า เข้ากับความอ่อนช้อยของศิลปะล้านนา
พรทิพย์ บอกว่าเธอให้ความสำคัญกับการรักษาคุณภาพอย่างเข้มงวด โดยเลือกผู้ทอที่มีอายุระหว่าง 30-45 ปี เพื่อให้ได้งานที่มีความละเอียดและพลังพอเหมาะ
“ทั้งครั้งที่มีการทอผ้าเราต้องหารือกัน พูดคุยและหากเผชิญปัญหา ก็ต้องร่วมแก้ไขกันทุกขั้นตอน” เธอกล่าว
จนวันนี้มีช่างทอในชุมชนเพียง 5 คนที่สามารถผลิตผ้าระดับพรีเมี่ยมได้ ซึ่งพรีเมี่ยมหมายถึงผ้าคุณภาพดี ราคาสูง
แต่ขณะเดียวกันเธอก็มีชุมชนร่วมทอผ้าชนิดอื่น ๆ ด้วย ส่งร้านทอฝัน อยู่ในชุมชน เป็นร้านเล็ก ๆ ท่ามกลางสวนลำไย รวมผ้าทุกรูปแบบ เช่น เสื้อกะเหรี่ยง ผ้าคลุม ราคา 200-300 บาท และผลิตภัณฑ์ทอมือราคาย่อมเยา เพื่อให้นักท่องเที่ยวสามารถเลือกซื้อ และร่วมสนับสนุนชุมชนได้ตามกำลัง เพื่อจำหน่ายให้กับนักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมเยือน ชุมชน ทำให้ร้านทอฝัน กลายเป็นศูนย์กลางของศิลปะ ภูมิปัญญา และพลังของชุมชนชาวอาข่า ที่ตั้งใจสืบสานมรดกวัฒนธรรมผ่านปลายเข็มและเส้นด้าย
โดยหลัก ๆ เป้าหมายของร้านคือต้องการสืบทอดมรดกโบราญ(ผ้าไหมยกดอกลำพูน) ซึ่งมีหลากหลายลาย ซึ่งที่ร้านจะทอลายพานจักรพรรดิ และลายขิดนารีรัตนราชกัญญา มีการอนุรักษ์และพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อคุณภาพที่ดีขึ้นเรื่อยๆทั้งนี้เพื่อให้ผ้าไหมยกดอกลำพูนเป็นมรดกที่มีคุณค่าอยู่แล้ว แต่ยังคงมีมากขึ้นและเพื่อสร้าง ความฝันของลูกค้าอย่างแท้จริง ทางร้านทอฝันพร้อมที่จะพัฒนาฝีมือให้ดีมากขึ้นต่อไป
ปัจจุบันร้านทอฝันสามารถสร้างรายได้พอเลี้ยงชีพให้กับคนในชุมชน เธอพยายามผลักดันจนคนที่ทำงานด้วยประจำสามารถเข้าถึงระบบประกันสังคม มีรายได้ที่มั่นคง
ลิซ่าสวมใส่ ผ้าไหมยกดอกลำพูน
พรทิพย์ เล่าต่อว่า ผลักดันการทอผ้ามาหลายปี ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย จุดเปลี่ยนสำคัญ ในช่วงที่ผ่านมา ร้านทอฝันเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้ทอผ้าไหมยกดอกลำพูนลาย “พานจักรพรรดิ” ซึ่งได้รับความสนใจอย่างมากหลังจากที่นักร้องชื่อดัง “ลิซ่า BLACKPINK” สวมใส่ในมิวสิควิดีโอเพลง “LALISA” ที่ออกแบบโดยดีไซเนอร์ชื่อดังคุณหมู อาซาว่า
นั่นกลายเป็นกระแสใหญ่ ทำให้ผ้าไหมยกดอกลำพูนได้รับความสนใจในระดับนานาชาติ ราคาผ้าไหมในตลาดพุ่งสูงขึ้น และเป็นจุดเริ่มต้นให้คนรุ่นใหม่หันมาให้ความสนใจผ้าไทยมากขึ้น
“ตอนนั้นเราทอผ้า แต่ยังไม่มีหน้าร้าน ก็ทอส่งไปยังร้านๆ หนึ่ง แล้วได้รับเลือก ไปตัดเป็นชุดตามที่เห็นอยู่ในมิวสิกวิดิโอของน้องลิซ่า ซึ่งดีไซเนอร์ที่ตัดชุดให้น้องนั้นเป็นดีไซเนอร์ชื่อดัง ยิ่งพอเห็นเอ็มวีวันนั้น น้ำตาจะไหลเลยมันเป็นช่วงเวลาที่พิสูจน์ว่าผ้าไทยมีคุณค่าและมีที่ยืนในเวทีโลกจริง ๆ" พรทิพย์เล่าด้วยรอยยิ้ม
ราคาผ้าหลักหมื่น
ผ้าไหมยกดอกลำพูนที่ร้านทอฝันทอขึ้นเอง ลายไม่ซ้ำใคร ราคาเริ่มต้นที่ 10,000 บาท บางชุด 20,000 บาท และบางชิ้นอยู่ที่ 49,000 บาท แล้วแต่ลวดลาย เธอเชื่อว่า “ถ้าลูกค้าได้สัมผัส จะรู้ว่าผ้ามันแตกต่างจากผ้าทั่วไปที่ขายท้องตลาด บางคนตั้งคำถามว่าทำไมราคาต้องแพง ซึ่งกระบวนการขั้นตอนการถักทอ พิถีพิถันจริง ๆ
ต้องยอมรับว่าการทำธุรกิจในยุคนี้ไม่ง่ายเลย และปีนี้ก็ยิ่งท้าทายขึ้นไปอีก โดยเฉพาะร้านทอฝัน ร้านเล็ก ๆ บนเขาในชุมชนที่ไม่พลุ่งพล่าน ไม่มีหน้าร้านในเมืองให้ผู้คนเข้าถึงง่าย ต้องอาศัยการรอคอยสั่งพรีออเดอร์ทอ และออกบูธ อีเว้นต์ต่าง ๆ
แม้จะพยายามทำตลาดผ่านออนไลน์แล้ว แต่ก็ยังต้องขบคิดตลอดเวลาว่าจะทำอย่างไรให้ร้านเล็ก ๆ แห่งนี้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง หรือแม้กระทั่งไปไกลถึงระดับโลก ความสำเร็จนั้นคงต้องอาศัยความพยายามอย่างสูง และนั่นก็คือความฝันที่เรายังคงมุ่งมั่นเดินตามอยู่
เธอกล่าวทิ้งท้ายอีกว่า สำหรับเธอ “ทอฝัน” ไม่ได้แค่หมายถึงการทอผ้า แต่คือการทออนาคตให้กับคนในชุมชน ทอศักดิ์ศรีให้กับผู้หญิงที่เคยไม่มีเสียง และทอความหวังให้กลายเป็นจริง บนเส้นด้ายที่เชื่อมโยงกันด้วยหัวใจ


