“อัลติเมทเดสตินี่” สตาร์ทอัพสายมู พรหมลิขิตในมือคุณสร้างได้ด้วย AI
อัลติเมทเดสตินี่ ผสานโหราศาสตร์และเทคโนโลยี AI เสริมพลังบวกในชีวิตและการทำธุรกิจ ชูจุดเด่นเข้าถึงบริการทุกที่ ทุกเวลา ไม่ต้องรอคิว พร้อมขยายตลาดต่างประเทศตั้งเป้าระดมทุน 10 ล้านบาท
KEY
POINTS
- การโคจรมาพบกันของทายาทธุรกิจแอร์และนักการตลาดที่หลงใหลในโหราศาสตร์สู่บริษัทสตาร์ทอัพสายมู
- ชูจุดเด่นผสานองค์ความรู้ด้านโหราศาสตร์คู่เทคโนโลยี AI ปั้นบริการเข้าถึงทุกที่ ทุกเวลา ไม่ต้องรอคิวหมอ
- วาดฝันสู่ยูนิคอร์นตัวใหม่ ปักธงบุกตลาดต่างประเทศ ตั้งเป้าระดมทุน 10 ล้านบาท
คุณเชื่อเรื่องโชคชะตา และ พรหมลิขิต หรือไม่ ทำไมคนบางคนทำงานด้วยกันได้ บางคนไม่ถูกกันแต่ทำงานด้วยกันได้ บางคนไม่ได้ จนธุรกิจพัง หรือ แม้แต่การนั่งทำงาน เราจะปิดการขายได้อย่างไร เพียงแค่ปรับฮวงจุ้ยในที่ทำงาน
เชาวนนท์ คลังเปรมจิตต์ ทายาทรุ่นที่ 2 บริษัท สยามมิตซุย จำกัด บริษัทเครื่องปรับอากาศของคนไทย คือ คนหนึ่งที่เชื่อเรื่องนี้ ทำให้เขามาโคจรพบกับ อันธิกา ลิมปิอนันต์ชัย (ซินแสมาสเตอร์อลิซ) ผู้คร่ำหวอดในวงการโหราศาสตร์ ทั้งโหราศาสตร์ไทย ไพ่ยิปซี ศาสตร์ตัวเลข การดูฮวงจุ้ย โหงวเฮ้ง จนตกผลึกกลายเป็น “ศาสตร์แห่งเมจิก” สร้างพลังบวกในการใช้ชีวิต และการทำงาน
แค่ลูกค้าดูดวง สู่สตาร์ทอัพสายมู
ย้อนกลับไปเมื่อ 3 ปีที่แล้ว เชาวนนท์ สนใจเรื่องการดูดวง แต่เมื่อเจอ อันธิกา หรือ ซินแสมาสเตอร์อลิซ กลายเป็นเห็นโอกาสทางธุรกิจร่วมกัน ซึ่ง มาสเตอร์อลิซ กล่าวเสริมว่า เธอเห็นโหงวเฮ้ง ของ เชาวนนท์ และความโดดเด่นในการเป็นนักธุรกิจที่มีคอนเน็คชั่น ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ที่สำคัญคือประสบการในการบริหารงานองค์กรแบบมืออาชีพ จึงเชื่อว่า ธุรกิจสายมู ไปได้ไกล อย่างแน่นอน
เชาวนนท์ และ อันธิกา 2 ผู้บริหาร อัลติเมท เดสตินี่
ก่อให้เกิดการก่อตั้ง บริษัท อัลติเมท เดสตินี่ จำกัด แพลตฟอร์มบริการด้านที่ปรึกษาโหราศาสตร์ E-Learning และฝึกอบรมองค์กรด้วยศาสตร์โหงวเฮ้ง อ่านใบหน้าบุคคล ฮวงจุ้ย ดวงจีน และโหราศาสตร์สากล โดยมี เชาวนนท์ นั่งเป็น ประธานกรรมการ และมี อันธิกา เป็นคลังข้อมูล เปรียบเสมือนสินค้าที่เป็นหัวใจของธุรกิจ
ทำไมถึงกลายเป็นแพลตฟอร์มสายมู ขับเคลื่อนด้วย AI
หลังจากเริ่มก่อตั้งบริษัท งานหลักของบริษัท คือ การเปิดคอร์สอบรมให้กับหน่วยงานต่างๆ ด้วยการนำศาสตร์แห่งเมจิก คอร์สเรียนด้านโหราศาสตร์ ด้านการตลาด จิตวิทยา คอร์สโหงวเฮ้งกับการจ้างงาน สำหรับผู้บริหาร เจ้าของกิจการ และฝ่ายบุคคล เพื่อเพิ่มพลังบวกในการทำงาน รู้เข็มทิศในการใช้ชีวิต โดยมีองค์กรชื่อดังเป็นลูกค้าอย่างต่อเนื่อง รวมถึงมีการทำงานร่วมกับสินค้าแบรนด์ดังในการนำศาสตร์สายมูสร้างความพิเศษให้กับสินค้าต่างๆอีกด้วย
แน่นอนว่า การทำงานของบริษัทมีทั้งการออกงานในประเทศและต่างประเทศ จนกระทั่งบริษัทไปออกงาน Thai festival ที่ญี่ปุ่น ปรากฎว่า มีต่างชาติต่อคิวดูดวงเยอะมาก เป็น 100 คิว ขณะที่ปกติแล้ว มาสเตอร์อลิซ ดูดวงแค่วันละ 1-2 คนเท่านั้น “จึงเกิดเป็น Pain Point ” ทำอย่างไร คนจะสามารถเข้าถึงการดูดวงที่เป็นเฉพาะของตนเองได้ทุกที่ ทุกเวลา โดยไม่ต้องรอคิวหมอดู
เชาวนนท์ เล่าว่า ถ้าไม่เกิด Pain Point สำคัญ และยังไม่ถึงเวลาของเทคโนโลยี AI ที่เหมาะสม คงไม่เกิดแพลตฟอร์ม U Destiny ขึ้นมา ซึ่งย้อนไปเมื่อปี 2566 บริษัท บิทคับ มูนช็อท จำกัด มีเทคโนโลยี AI และต้องการให้บริษัทเป็นยูสเคสในการปั้น AI Astrology แพลตฟอร์มที่จะทำให้รู้จักคาแรกเตอร์ตัวเอง ผ่านการใช้วันเกิดและศาสตร์การอ่านใบหน้า ศาสตร์ฤกษ์งามยามดี มีดวงรายวันของตนเอง เพื่อเป็นแนวทางในการสร้างความมั่นใจในการดำเนินชีวิต ซึ่ง U Destiny จะเริ่มเปิดให้บริการเดือน มี.ค.2568
ทำไมเราต้องดูดวงกับ U Destiny
ถามว่า U Destiny หรือ การดูดวงกับ มาสเตอร์อลิซ มีความต่าง และแม่นกว่าสำนักอื่นอย่างไร ทำไมถึงดึงดูดความสนใจจากทั้งคนไทยและต่างชาติ มาสเตอร์อลิซ หรือ อันธิกา เล่าว่า เธอ คือ นักการตลาด ที่หลงใหลในวิชาโหราศาสตร์ โดยเน้นการให้คำปรึกษา สร้างแรงบันดาลใจ สร้างพลังบวกในการใช้ชีวิตให้ประสบความสำเร็จ
มาสเตอร์อลิซ จากนักการตลาดสู่นักโหราศาสตร์
เธอ เล่าถึงที่มาก่อนจะมาเป็น มาสเตอร์อลิซ ว่า เมื่อเธอเรียนจบปริญญาตรีด้านสื่อสารมวลชน และปริญญาโทสาขาวิชาโฆษณา เธอตัดสินใจไปเรียนต่อปริญญาโทใบที่ 2 ที่อังกฤษ ในสาขาการตลาด แต่เรียนได้เพียงเทอมเดียวก็ต้องมีเหตุกลับไทย โดยแม่ของเธอบอกว่า เธอปีชง ซึ่งเธอก็ป่วยเป็นระยะๆ
จากนั้นชีวิตการทำงานจึงเริ่มต้นในสายการตลาด ทั้งการทำงานกับ ซัมซุง หัวเว่ย เลอโนโว โตชิบา สิงคโปร์ แกร็บ แคนนอน และเทสโก้ โลตัส จนสุดท้ายคือที่ จ็อบส์ดีบี ไทยแลนด์ ซึ่งระหว่างที่ทำงาน เธอก็หลงใหลในโหราศาสตร์ และอยากรู้ว่า ปีชง คืออะไร
ทำให้เธอศึกษาโหราศาสตร์อย่างจริงจังทั้งในประเทศและต่างประเทศ สิงคโปร์ ฮ่องกง มาเลเซีย โดยได้รับใบประกาศนียบัตรกว่า 43 ใบ ซึ่งปัจจุบันมีลูกค้าและนักเรียนกว่า 23 ประเทศทั่วโลก เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และไต้หวัน
เป็นเวลากว่า 8 ปี ที่ มาสเตอร์อลิซ ได้ทำงานด้านโหราศาสตร์ควบคู่กับการทำงานประจำ และตัดสินใจทิ้งงานประจำที่ทำมา 17 ปี เพื่อมาเป็น มาสเตอร์อลิซ จนถึงทุกวันนี้ เธอยังจำได้ว่า ลูกค้าคนแรกของเธอที่มาขอคำปรึกษาในการดูฮวงจุ้ยเปิดร้านอาหาร คือเพื่อนของเธอที่มาปรึกษาในขณะที่เธอยังทำงานประจำอยู่ จนปัจจุบันเพื่อนของเธอทิ้งงานประจำและเปิดร้านอาหารหลายสาขาในประเทศไทยแล้ว
จุดเด่นของ U Destiny ที่ต่างจากการดูดวงที่อื่นคือ เป็นการนำองค์ความรู้ทั้งหมดของ มาสเตอร์อลิซ ที่นำศาสตร์โหราศาสตร์จีน อย่างโหงวเฮ้ง และฮวงจุ้ยมาผสานกับ เทคโนโลยี AI เพื่อให้บริการที่สามารถเข้าถึงผู้คนได้ในทุกที่ทุกเวลา ทุกคนจะมีดวงรายวัน รายสัปดาห์ ดวงรายปี เป็นของตนเอง สามารถสร้างโหงวเฮ้ง เคล็ดลับฮวงจุ้ย ดวงด้านความรัก วอลเปเปอร์มงคล
รวมถึงการค้นหาคาแรกเตอร์ที่ซ่อนอยู่ในตัว ซึ่งแต่ละคนจะมีธาตุเป็นของตนเอง จะทำอย่างไรให้ชีวิตราบรื่น การงานรุ่งเรือง ก็สามารถให้ U Destiny เป็นเพื่อนคู่คิดประจำตัวเราได้ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับ AI จะเหมือนการไปดูดวงกับ มาสเตอร์อลิซ โดยตรง
U Destiny มีแผนไปต่างประเทศอย่างไร
ในมุมของลูกค้าองค์กร เชาวนนท์ เเล่าว่า ภายในปีนี้ บริษัทจะตั้ง เคพีไอ เพื่อให้มีเป้าหมายในการเจาะกลุ่มบริษัทท็อป 50 หรือ ท็อป 100 ให้เป็นลูกค้าอย่างยั่งยืน ไม่ใช่ใช้บริการแค่ครั้งเดียว
ตัวอย่างการทำการตลาดร่วมกับแบรนด์สินค้า
ขณะที่แพลตฟอร์ม U Destiny จะเป็นการทำตลาดคอนซูเมอร์ ให้ทุกคนสามารถเข้าถึงบริการได้ ไม่เพียงแต่ในประเทศไทย แต่ เขามองถึงการขยายบริการในตลาดต่างประเทศด้วย ซึ่งจะมีการพัฒนาแพลตฟอร์มเป็นภาษาอังกฤษ และภาษาญี่ปุ่น ในอนาคต
เขาขยายความถึงแผนในการบุกตลาดต่างประเทศว่า บริษัทมีแผนต้องการระดมทุนให้ได้ 10 ล้านบาท และตอนนี้ “เราถูกคัดเลือกให้เป็น 1 ใน 12 สตาร์ทอัพ ” เพื่อไปโค้ชชิ่งที่สวีเดน ประเทศที่ขึ้นชื่อในการผลิตยูนิคอร์น ระดับโลก
แม้ว่า เขายังเป็นเพียงสตาร์ทอัพในขั้น เออรี่ สเตท ก็ตาม แต่ก็นับเป็นโอกาสที่ดีในการขยายและฝันไปให้ไกลถึงการเป็นยูนิคอร์น ซึ่งสิ่งสำคัญในการบุกตลาดต่างประเทศคือการมีพาร์ทเนอร์ในประเทศนั้นๆ
เชาวนนท์ ผสานจุดเด่นบริหารธุรกิจคู่คอนเน็คชั่น
การทำธุรกิจ ไม่ใช่เก่ง อย่างเดียว จังหวะ และความเฮง ถือว่าสำคัญ นอกจากนี้การพาตัวเองไปสู่คอนเน็คชั่นที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจจะทำให้มองภาพการทำธุรกิจได้กว้างขึ้น
ต้องคิดใหญ่ พาแบรนด์ตัวเองไปสู่ตลาดโลกอย่างไร เพราะตลาดเมืองไทยแค่ 70 ล้านคน ถ้าไปต่างประเทศมันคือ 8,000 ล้านคน
การเป็นสตาร์ทอัพ แบบเรา คือ IP Base ข้อดีคือ ขยายไว ขณะที่ประสบการณ์ทำงานในธุรกิจของ เชาวนนท์ ช่วยเสริมให้ธุรกิจยั่งยืน และทำงานอย่างเป็นระบบ
ทำให้สตาร์ทอัพในแบบของ อัลติเมทเดสตินี่ ไม่ใช่แค่แพลตฟอร์ม ที่เกิดและดับไป หรือทำเท่ห์แบบสตาร์ทอัพที่ต้องการแค่เงินระดมทุนแล้วจากไป เท่านั้น


