กรุงศรี ฟินโนเวต ปั้น สตาร์ทอัพ ระดับ Seed โตสู่ Series A

จากแนวโน้มและศักยภาพของคนรุ่นใหม่ที่มีความคิดสร้างสรรค์ในการทำธุรกิจ แต่ไม่มีเงินทุนและศูนย์บ่มเพาะที่จะช่วยสนับสนุนให้เติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้สตาร์ทอัพ เกิดใหม่น้อยลง และ สตาร์ทอัพ ใหญ่ๆที่มีคุณภาพก็ลดน้อยลงเช่นกัน  "Krungsri Finnovate (กรุงศรี ฟินโนเวต)" โดย "แซม ตันสกุล" กรรมการผู้จัดการ บริษัท กรุงศรี ฟินโนเวต จำกัด จึงได้จับมือกับ "ป้อม - ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ" นักธุรกิจและนักลงทุนสตาร์ทอัพแนวหน้าของไทย เปิด "Accelerator program" โรงเรียนสอนสตาร์ทอัพ เพื่อติดสปีดให้ธุรกิจ ระดับ Seed ถึง Pre-series A เติบโตสู่ Series A ได้อย่างมีคุณภาพ ในชื่อ “Finno Efra Accelerator  (FINE Accelerator)”

สำหรับโปรแกรมดังกล่าวจะเปิดรับ 10 ทีม โดยมองหาสตาร์ทอัพไทยที่มีรายได้แล้ว และอยู่ในธุรกิจเกี่ยวกับ Impact และ Digital Transformation พร้อมกับความพิเศษที่ "แซม ตันสกุล" และ "ป้อม ภาวุธ" จะรับบทบาทเป็น Director พร้อมกับคว้า "ทิวา ยอร์ค" อดีต CEO, Kaidee ที่ Exit ไปเป็นที่เรียบร้อย และ "บอย - สุวัฒน์ ปฐมภควันต์" อดีต Co-founder, Skootar ที่ได้ Exit ไปแล้วเช่นกัน โดยทั้ง 2 ท่านจะมานั่งแท่นเป็นครูใหญ่ เพื่อให้คำแนะนำเหล่า สตาร์ทอัพ พร้อมกับ Mentor ผู้คร่ำหวอดในการทำธุรกิจ อีก 10 ท่าน ได้แก่

1.    อริยะ พนมยงค์ Founder & CEO, Transformational

2.    โปษะกฤษณะ ถิระพัฒน์ Partner, UTC & Creative Ventures

3.    ณัฐวุฒิ อมรวิวัฒน์ Board Director, True Corporation 

4.    ธีระชาติ ก่อตระกูล CEO, Stockradars

5.    แชนนอน กัลยาณมิตร CEO, 5G Catalyst Technologies 

6.    เจษฎา สุขทิศ Co-founder & CEO, Finnomena

7.    อรนุช เลิศสุวรรณกิจ Co-founder & CEO, Techsauce

8.    กล้า ตั้งสุวรรณ CEO, Wisesight

9.    อภิชัย สกุลสุรียเดช CEO, Radiant1  

10.    เอเดรียน สจ๊วต CEO, Sokochan 

กระบวนการทำงานนั้น เหล่าครูใหญ่แต่ละท่านจะเลือก สตาร์ทอัพ 1 ทีม เข้าทีมตัวเองพร้อมให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด และทั้ง 10 ทีมนี้จะได้เข้าร่วม Bootcamp  เข้มข้นเป็นเวลา 4 เดือน ซึ่งนอกจากการให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิดของ Mentor ประจำทีมตัวเองแล้ว ใน Bootcamp ทุกทีมจะได้เข้าร่วม Workshop และ Sharing session จากผู้สอนที่เป็น Top Tech Leader ในประเทศไทย ที่จะมาสอนตั้งแต่เรื่อง Mindset ความเป็นผู้นำ, การทำให้ธุรกิจโตอย่างรวดเร็ว, การพัฒนาโปรดักส์, การตลาด, การระดมทุน และอีกหลากหลายประเด็นที่คนทำธุรกิจควรรู้  ซึ่งทั้ง 10 ทีมต้องเข้าร่วม Session ทุกสัปดาห์ๆ ละ 1 ครั้ง นอกจากนี้ทางโปรแกรมยังได้รวบรวมโค้ชผู้เชี่ยวชาญในแต่ละด้านกว่า 100 คน มาให้ สตาร์ทอัพ ทั้ง 10 ทีมสามารถลงเวลาเพื่อขอคำปรึกษาและคำแนะนำจากประสบการณ์ของผู้ที่เรียกว่าประสบความสำเร็จ ได้ครั้งละ 1 ชั่วโมงด้วย 

ปิดท้ายด้วยวัน Demo day ที่ทุกทีมจะต้องขึ้น Pitching เพื่อนำเสนอธุรกิจของตนเองให้เข้าตานักลงทุนที่มาร่วมงาน พร้อมชิงรางวัลไป Innovation Trip ที่ต่างประเทศด้วย และนอกจากรางวัลใหญ่ๆ แล้ว ทางโปรแกรมยังสนับสนุนทั้งเรื่องของ Co-working space ให้นั่งทำงานได้ตลอดปี รวมทั้ง Technology perks ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Cloud system, HR, Accounting และ Marketing Tool นอกจากนี้เรายังมีในส่วนของ Legal สนับสนุนด้านกฎหมาย และ PR ให้ธุรกิจของทั้ง 10 ทีมเป็นที่รู้จักในวงกว้าง เพื่อช่วยเพิ่มฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ สร้างแบรนด์และเพิ่มโอกาสในการทำงานมากขึ้นตลอดโปรแกรม โดยในส่วนนี้ทุกทีมจะได้รับการสนับสนุนตั้งแต่เริ่มเข้าโปรแกรม และที่สำคัญเมื่อทุกทีมผ่าน Finno Efra Accelerator  เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็มีโอกาสได้รับเงินทุนสูงสุด 40 ล้านบาท จากกองทุน "Finno Efra Private Equity Trust"  พร้อมทั้ง Fast track เพื่อรับ grant จากทั้ง NIA และ Depa ด้วย หากเข้าเงื่อนไขตามที่กองทุนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประกาศกำหนด