posttoday

ก.พาณิชย์ เล็งนำ SME ไทยบุกตลาดนมจีน ตั้งเป้านมแบรนด์ไทยไปตลาดโลก

29 เมษายน 2567

กระทรวงพาณิชย์ เปิดโครงการ "โคนมไทยก้าวไกล ขยายตลาดส่งออกได้ด้วย FTA" ติวเข้มสหกรณ์โคนม และผู้ประกอบการ เตรียมพร้อมใช้ประโยชน์จาก FTA ขยายส่งออกไปตลาดจีน พร้อมจับคู่ธุรกิจที่ นครเซี่ยงไฮ้ พ.ค.นี้

นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยหลังเป็นประธานในพิธีเปิดโครงการ “โคนมไทยก้าวไกล ขยายตลาดส่งออกได้ด้วย FTA” จัดโดยกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2567 ณ ห้องมโนปกรณ์นิติธาดา กระทรวงพาณิชย์ ว่า กระทรวงพาณิชย์มีนโยบายในการส่งเสริมพัฒนา และยกระดับขีดความสามารถและศักยภาพผู้ประกอบการ SME ให้มีความพร้อมในการแข่งขัน โดยมีเป้าหมายเร่งผลักดันธุรกิจ SME ให้มีมูลค่าทางเศรษฐกิจคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 40 ต่อ GDP ภายในปี 2570 เนื่องจากธุรกิจ SME เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจการค้าของไทย อีกทั้งกระทรวงพาณิชย์ได้ให้ความสำคัญกับสินค้านม

 

เนื่องจากเป็นหนึ่งในสินค้าที่ไทยจะต้องเตรียมความพร้อมรับมือกับการแข่งขันในโลกการค้าเสรี โดยเฉพาะที่ต้องเปิดตลาดให้กับออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ในปี 2568 จึงได้มอบหมายให้กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ดำเนินโครงการ “โคนมไทยก้าวไกล ขยายตลาดส่งออกได้ด้วย FTA” โดยจัดขึ้นตั้งแต่ปี 2561 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 เพื่อช่วยติดอาวุธความรู้ให้เกษตรกร สหกรณ์โคนมและผู้ประกอบการนมโคแปรรูป เตรียมความพร้อมใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรี (FTA) ที่ประเทศคู่ค้าส่วนใหญ่ได้ลดภาษีนำเข้าสินค้านมโคแปรรูปให้ไทยเหลือร้อยละ 0 แล้ว พร้อมทั้งผลักดันการส่งออกผลิตภัณฑ์นมไปตลาดจีน โดยใช้ FTA อาเซียน-จีน ลดต้นทุนผู้ประกอบการให้สามารถแข่งขันได้

 

การดำเนินโครงการในปีนี้ ได้ปรับรูปแบบกิจกรรมให้สอดรับกับยุค Digital Commerce ทั้งการทำตลาดออนไลน์และออฟไลน์ การทำ Live Sale การนำสินค้าวางจำหน่ายบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซเถาเป่าในตลาดจีน และการนำผู้ประกอบการเดินทางไปสำรวจตลาดและจับคู่ธุรกิจกับคู่ค้าที่ตลาดจีน สิงคโปร์ และกัมพูชา ถือเป็นอีกหนึ่งโครงการที่ช่วยพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการและสามารถขยายการส่งออกนมโคแปรรูปไปตลาดการค้าเสรี ซึ่งเห็นผลเป็นรูปธรรมด้วยมูลค่าการส่งออกมากกว่า 300 ล้านบาท และพัฒนาผู้ประกอบการเป็นผู้ส่งออกได้สำเร็จ รวมทั้งปักหมุดนมแบรนด์ไทยในตลาดต่างประเทศ โดยกรมฯ ได้คัดเลือกผู้เข้าร่วมโครงการ จำนวน 20 ราย อาทิ ผู้ผลิตสินค้านม UHT นมอัดเม็ด โยเกิร์ต และไอศกรีมที่มีศักยภาพ มีคุณภาพและมาตรฐานรับรอง อาทิ อย. ฮาลาล GMP Est.No. และ GACC จากผู้ประกอบการสนใจสมัครเข้าร่วมโครงการจำนวนมาก

 

โดยผู้ที่ได้รับคัดเลือกจะเข้าร่วมกิจกรรมอบรมบูธแคมป์ ติวเข้มเรื่อง FTA การค้าระหว่างประเทศ กฎระเบียบการค้ามาตรฐานสินค้าเพื่อส่งออก กลยุทธ์การสื่อสาร การทำตลาดออนไลน์และออฟไลน์ในจีน รวมถึงการเขียนแผนธุรกิจ และจะคัดเลือกผู้ประกอบการ 10 รายสุดท้าย ไปสำรวจตลาดและจับคู่ธุรกิจกับผู้นำเข้า ผู้กระจายสินค้า และโมเดิร์นเทรด ณ นครเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน ในเดือนพฤษภาคมนี้

 

ปัจจุบันไทยเป็นประเทศผู้ส่งออกสินค้านมและผลิตภัณฑ์นมอันดับ 1 ในอาเซียน และเป็นอันดับที่ 7 ของโลก ในปี 2566 ไทยส่งออกสินค้านมและผลิตภัณฑ์นมสู่ตลาดโลก มูลค่า 648.6 ล้านดอลลาห์สหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 9.3 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ตลาดส่งออกสำคัญ ได้แก่ อาเซียน กัมพูชา สปป.ลาว ฟิลิปปินส์ เมียนมา สิงคโปร์ จีน ฮ่องกง ญี่ปุ่น และกานา สินค้าส่งออกสำคัญ อาทิ นมและครีมจืด นมยูเอชที นมถั่วเหลืองที่มีนมผสม นมเปรี้ยวและโยเกิร์ต ซึ่งการดำเนินโครงการดังกล่าว จะเป็นโอกาสที่ดีสำหรับสหกรณ์โคนมและผู้ประกอบการนมโคแปรรูปศักยภาพของไทย ในการประชาสัมพันธ์สินค้านมไทยที่มีคุณภาพและมีความหลากหลายให้เป็นที่รู้จัก และขยายการส่งออกไปตลาดจีนที่เป็นตลาดขนาดใหญ่ มีประชากรกว่า 1,400 ล้านคน มีกำลังซื้อสูง และมีความต้องการบริโภคสินค้านม

 

“กระทรวงพาณิชย์มุ่งมั่นผลักดันให้ผู้ประกอบการผลิตสินค้าที่มีคุณภาพและมาตรฐานตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ตรวจสอบที่มาได้ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค และการช่วยหาตลาดให้กับเกษตรกรและผู้ประกอบการ ผลผลิตที่ออกมามีตลาดรองรับที่แน่นอนทั้งในประเทศและต่างประเทศ และส่งเสริมการใช้ประโยชน์จาก FTA 15 ฉบับ 19 ประเทศ เป็นเครื่องมือขยายการส่งออก พร้อมกับเชื่อมโยงสินค้าท้องถิ่นกับห่วงโซ่อุปทานในตลาดโลก” นายนภินทร กล่าว