posttoday

ตลาดยิ่งเจริญปั้นคอมมูนิตี้มอลล์ “ยิ่งเจริญ สแควร์”ผันสู่ตลาดผสมผสาน

03 เมษายน 2567

ตลาดยิ่งเจริญปั้นคอมมูนิตี้มอลล์แจ้งเกิด “ยิ่งเจริญ สแควร์” มูลค่ารวมกว่า 600 ล้านบาท คาด เก็บรายได้ปีแรกโต 13 % หวังผันตลาดสดสู่ตลาดผสมผสาน ที่เป็นมาตรฐานสากลที่ใหญ่และครบครันในย่านสะพานใหม่

นางสาวกัญจนิดา ตันติสุนทร กรรมการบริหาร ตลาดยิ่งเจริญ และ ยิ่งเจริญ สแควร์ (Yingcharoen Square) เปิดเผยว่า “สะพานใหม่” เป็นหนึ่งในทำเลเศรษฐกิจสำคัญบนถนนพหลโยธิน ที่เต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ท่ามกลางชุมชนขนาดใหญ่ที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่องของกรุงเทพฯ ตอนเหนือ บนพื้นที่ติดถนนพหลโยธิน และรถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือส่วนต่อขยายที่เชื่อมต่อกับสายสีชมพูและสีแดง ที่มีผลต่อการขยายตัวของเมือง

ทำให้ย่านนี้กลายเป็นย่านที่อยู่อาศัยใหม่ รองรับคนเมืองที่เติบโตต่อเนื่อง เป็นพื้นที่ที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ และจากประสบการณ์การดำเนินธุรกิจของตลาดยิ่งเจริญมาตลอด 70 ปี เรามีการพัฒนาต่อเนื่องเป็นร้านค้าหลายรูปแบบ เน้นบริการครบวงจร พื้นที่ตลาดรวม 32 ไร่ ที่จอดรถ 820 คัน มีแผงร้านค้าประจำ 1,500 แผง และแผงรายวัน 200 แผงซึ่งค้าขายกันตลอด 24 ชั่วโมง

ดังนั้น จึงเป็นตลาดที่มีความคึกคักตลอดวัน ทั้งตลาดเช้า-ตลาดเย็น และตลาดกลางคืน มีจำนวนผู้เข้าใช้บริการไม่ต่ำกว่า 25,000 คนต่อวัน รถหมุนเวียนกว่า 8,000 คันต่อวัน ทำให้เรามองเห็นโอกาสในขยายธุรกิจใหม่ ๆ จึงตัดสินใจใช้งบประมาณ 600 ล้านบาท สร้างแลนด์มาร์คแหล่งช้อปปิ้งใหม่ภายใต้ชื่อโครงการ “ยิ่งเจริญ สแควร์” เพื่อผลักดันตลาดสดสู่ตลาดผสมผสานมาตรฐานสากล

ทั้งนี้ยิ่งเจริญ สแควร์ ตั้งอยู่บนทำเลใจกลางย่านสะพานใหม่ เป็นคอมมูนิตี้มอลล์ ที่จัดสรรพื้นที่ในตลาดยิ่งเจริญ ติดคลองลำผักชีที่ทางตลาดดำเนินโครงการ “คิดจากคลอง” ด้วยการเพิ่มพื้นที่สีเขียวและฟื้นฟูสภาพน้ำในคลองโดยปัจจุบันพบว่าค่า BOD ในน้ำดีขึ้นเป็นลำดับ ในรูปแบบอาคารผสมผสานร่วมสมัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มีความสูงรวม 4 ชั้น พื้นที่กว่า 16,000 ตารางเมตร โดยคาดว่าภายในปี 2567 จะทำรายได้ประมาณ 100 ล้านบาท และสามารถคืนทุนได้ภายใน 8 ปี

โดยออกแบบให้เป็นอาคารประหยัดพลังงาน ที่มีการระบายอากาศตามธรรมชาติทำให้ตัวอาคารเย็นสบายพร้อมมีพื้นที่สวน ภายในอาคารสร้าง common space ของอาคารยิ่งเจริญ สแควร์ ที่มีพื้นที่ outdoor เป็นพื้นที่คนอยู่สบาย นั่งเล่นได้ เป็นจุดเด่นของอาคาร ที่ทำให้คนอยากมาใช้ชีวิต ผ่อนคลายหลังเลิกงานหรือพาลูกมาเดินเล่น เป็นที่ที่มีบรรยากาศแตกต่างจากห้าง ถือเป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภค

โดยชั้นที่ 1 จะเป็นร้านค้าแบรนด์และโซน Take Home ชั้นที่ 2 เป็นโซนร้านอาหารและศูนย์อาหารบ้านเพื่อน ชั้นที่ 3เป็นโซน service มี ธนาคาร ร้านเสริมสวย สปา ร้านแว่นตา edutainment และ fitness และชั้นที่ 4 มีลู่วิ่งและห้องประชุม-สัมมนา ขนาด 300 ที่นั่ง พร้อมทั้งมีร้านอาหารเจ้าดัง คุณภาพสูงราคายุติธรรมในโซนเทคโฮมกว่า 130 ร้านค้า และร้านค้าแบรนด์ชั้นนำ เช่น Starbucks , KFC, Bonchon, Hachibun Ramen, Shinkanzen Sushi, Swensen’s,Mixue, ธนาการกรุงไทย,

ธนาคารออมสิน, ซุปเปอร์ริช เคอเรนซี่ เอ็กซ์เชนจ์ เป็นต้นและมีพื้นที่ศูนย์อาหารบ้านเพื่อน หรือ Neighbor Food เป็นพื้นที่โซนปรับอากาศรวมกว่า 550 ที่นั่ง พร้อมทั้งตั้งโต๊ะรับประอาหารเพื่อให้ได้บรรยากาศเฉกเช่นการทานอาหาร “บ้านเพื่อน” มีปลั๊กไฟสำหรับคนนั่งทำงานหรือคุยงาน และยังมีพื้นที่ระเบียงไว้ชมวิวยามเย็นอีกด้วย อาคารยิ่งเจริญ สแควร์เปิดให้บริการแล้วกว่า 85% คาดการณ์ว่าจะเปิดเต็มพื้นที่ภายในไตรมาส 2 ปี 2567 นี้

โดยมีกลยุทธ์สำคัญด้วยแนวคิด SEC กับโครงการใหม่ ซึ่งประกอบไปด้วย

● S-Sustainability คิดเพื่อพัฒนาความยั่งยืน มุ่งลดผลกระทบกับทุกคนในสังคมให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี และมีสิ่งแวดล้อมที่น่าอยู่แบบระยะยาวไปถึงคนรุ่นต่อไปในอนาคต

● E-Environment Friendly ยึดถือสิ่งแวดล้อมเป็นสิ่งสำคัญ โดยการสร้างคอมมูนิตี้มอลล์ให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้านการอนุรักษ์พลังงาน

● C-Community Participation ส่งเสริมให้ประชาชนในท้องถิ่นมีกิจกรรมร่วมกันกับครอบครัวเพื่อนฝูง และยกระดับเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่กับชาวต่างชาติ

นอกจากนี้ ภาพรวมการแข่งขันของธุรกิจในปัจจุบัน และแนวโน้มในอนาคตของ ยิ่งเจริญ สแควร์ จะไม่ทำหน้าที่เป็นเพียงแค่คอมมูนิตี้มอลล์ที่คนมาซื้อของและกลับไปเพียงเท่านั้น แต่หวังให้คอมมูนิตี้มอลล์นี้เป็นสถานที่ที่ให้ผู้คนที่เข้ามาใช้บริการ สามารถพักผ่อนหย่อนใจ ทำกิจกรรม และใช้เวลาร่วมกันได้โดยจะศึกษาและพัฒนาบริการให้ตอบโจทย์กับไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปในปัจจุบันและอนาคตเพื่อให้เกิดช่วงเวลาและความรู้สึกที่ดีในขณะที่ใช้บริการ ซึ่งจะนำมาสู่การสร้างสังคมที่มีคุณภาพ