ทายาทรุ่น 2 "ปฐวิน"เดินหน้าผลิตสกินแคร์ ปั้นฝันเข้าตลาดหุ้น

     กว่าธุรกิจของ "ปฐวิน" จะยิ่งใหญ่ถึงขั้นรับจ้างผลิตผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางค์ ทิชชู่เปียก, ผ้าเย็น, ผลิตภัณฑ์เครื่องมือแพทย์อย่างทุกวันนี้ ต้องย้อนกลับไปตั้งแต่จุดเริ่มต้นในวันแรกที่ทำเพียง "ผ้าเย็น" ธุรกิจครอบครัวที่ช่วยกันทำช่วงเย็นหลังเลิกงาน

     "คุณเพชร - ศักดิพันธ์ ปฐวินทรานนท์" รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ปฐวิน จำกัด (มหาชน) เล่าให้ฟังว่า "สมัยก่อนคุณพ่อของผมทำอาชีพนายแบงก์ คุณแม่ทำไฟแนนซ์ ในยุคนั้นถือว่าทั้งสองท่านมีอาชีพที่ค่อนข้างมั่นคง อยู่มาวันหนึ่งท่านพากันไปทานอาหารแล้วที่ร้านแจกผ้าเย็น ซึ่งร้านอาหารอื่นๆยังไม่มี ท่านจึงปิ๊งไอเดียทำผ้าเย็นขายในทันที

    เชื่อหรือไม่ว่า.. คุณพ่อคุณแม่ท่านเริ่มทำตั้งแต่ซื้อผ้าจากสำเพ็ง นำมาตัด มาเย็บตามขนาดที่ต้องการ แล้วนำไปนึ่งด้วยซึ้งเพื่อฆ่าเชื้อต่างๆ แล้วนำไปส่งตามร้านค้า ร้านอาหารทั่วไป จากออเดอร์หลักร้อย รายได้ 1,000 กว่าบาท ช่วยกันทำหลังเลิกงาน

     จนกระทั่งธุรกิจผ้าเย็นเติบโตดีขึ้น เริ่มจ้างพนักงานเพื่อรับออเดอร์ลูกค้าที่เพิ่มขึ้น จนวันหนึ่งคุณพ่อคุณแม่ตัดสินใจลาออกจากงานเพื่อมาลุยธุรกิจอย่างเต็มตัว จนกระทั่งวันหนึ่งได้รับโอกาสที่ดีในการทำผ้าเย็นส่งให้สายการบินแห่งหนึ่ง นับตั้งแต่นั้นธุรกิจเติบโตอย่างมาก ทำให้วันนี้เรามีรายได้ราว 300-400 ล้านบาท"

     แต่... เส้นทางธุรกิจไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เพราะคุณพ่อคุณแม่กอดคอกันผ่านวิกฤติมาค่อนข้างเยอะ ยิ่งช่วงที่ทั้งสองท่านจำได้ดีก็คือช่วงน้ำท่วมใหญ่ พ.ศ.2554 ในตอนนั้นออเดอร์ที่ต้องส่งมีค่อนข้างเยอะ แต่โชคดีที่ลูกค้าค่อนข้างเข้าใจในสถานการณ์ จึงได้ขยายเวลาในการจัดส่ง ท่านต้องพายเรือออกไปส่งตามจุดที่ลูกค้าสามารถรับสินค้าได้ ถือเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่ท่านจำได้ไม่เคยลืม

     และแน่นอนว่าในช่วง "วิกฤติโควิด-19" นั้น ยอมรับว่าในส่วนของงานผลิตสกินแคร์หายไป แต่ได้ในส่วนของผลิตผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ทิชชู่เปียก ฯลฯเข้ามาทดแทน เพราะผู้บริโภคหันมาเน้นเรื่องสุขภาพ ดูแลรักษาความสะอาดร่างกายเพิ่มขึ้น ถือว่าในสถานการณ์ที่ไม่สู้ดีนักแต่ก็ยังมีเรื่องที่ดีในธุรกิจของเรา 

     จากวันนั้น จนวันนี้ที่ "ปฐวิน"ทำธุรกิจรับจ้างผลิตผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางค์ เช่น ทิชชู่เปียก, ผ้าเย็น, ผลิตภัณฑ์เครื่องมือแพทย์ และผมเข้ามารับช่วงต่อธุรกิจ

     ยอมรับตามตรงว่า "รู้สึกกดดันที่เข้ามารับธุรกิจที่คุณพ่อคุณแม่ท่านสร้างมาเติบโตอย่างแข็งแกร่งแบบนี้" แต่อีกใจหนึ่ง คือ "รู้สึกท้าทายอย่างมาก"

     โจทย์สำคัญ คือ ต้องทำธุรกิจให้เติบโตจากสิ่งที่มี ขยายเติบใหญ่เพื่อสร้างความแข็งแกร่งในระยะยาวให้ได้ อาจจะเหมือนเป็นแรงกดดันแต่ผมกลับมองว่าเป็นพลังที่ผลักดันให้ผมสู้ ห้ามท้อ เพราะเราถือว่าค่อนข้างสบายมากแล้วจากสิ่งที่ท่านทั้งสองสร้างไว้ให้ และจากนี้เราจะต้องให้ท่านได้ชื่นใจในสิ่งที่เราเข้ามารับช่วงต่อ ทำให้ท่านได้ภูมิใจในพวกเรา

     "ผมมีพี่น้อง 2 คน ผมเป็นพี่คนโต เราแบ่งหน้าที่กันบริหารจัดการ โดยตัวผมดูในส่วนของโรงงานเพราะผมจบวิศวกร ส่วนน้องสาวดูการตลาด งานขายต่างๆ ซึ่งในแต่ละส่วนงานมักจะมีปัญหาให้ได้แก้ไขและปรับปรุงตลอดเวลา ซึ่งเราจะช่วยกันคิด แชร์ความคิดเห็น ผมมองอย่างไร น้องมองอย่างไร เราจะได้มุมมองรอบด้านเพื่อแก้ไขปัญหาที่ต้องยอมรับว่ามีให้แก้ตลอดเวลา"

     ปัจจุบัน "ปฐวิน" มีโรงงาน คลังสินค้า พนักงานราว 250 คน เรื่องบริหารจัดการเรามีคุณพ่อคุณแม่เป็นต้นแบบ เพราะท่านทำให้เห็นเสมอในเรื่องการดูแลพนักงานอย่างไร การเอาใจใส่เหมือนคนในครอบครัว การปฏิบัติตัวต่างๆโดยที่ท่านแทบไม่ต้องสอน แต่ท่านทำให้ผมเห็นเสมอ ซึ่งผมยึดตามแนวทางของทั้งสองท่านนำมาปรับใช้ ทั้งในเรื่องการบริหารงาน และดูแลพนักงาน

     แผนธุรกิจนับจากนี้ "ปฐวิน" เตรียมขยายการส่งออกไปในตลาด CLMV และยุโรปเพิ่มขึ้น พร้อมกับหาพาร์ทเนอร์ธุรกิจใหม่ๆเข้ามาเพิ่ม รวมถึงแผนออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ นอกเหนือจากรับจ้างผลิต OEM  

     ที่สำคัญ เรามีเป้าหมายใหญ่ คือ ผลักดัน "ปฐวิน" เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย นี่คือแผนที่เราวางไว้ แม้เส้นทางมันอาจไม่ได้ง่าย เพราะต้องปรับโครงสร้างต่างๆมากมาย แต่เชื่อว่าถ้าทำทุกอย่างด้วยความตั้งใจและมุ่งมั่นแล้ว ผลลัพท์ที่ได้ต้องออกมาดีแน่นอน

     "ธุรกิจที่คุณพ่อคุณแม่ทำไว้สร้างฐานมาค่อนข้างแข็งแกร่ง ผมกับน้องได้มีโอกาสเข้ามาทำตรงนี้จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดเพื่อให้ครอบครัวใหญ่ของเรา นั่นก็คือ "ปฐวิน" เติบโตต่อเนื่องและยั่งยืนในอนาคต สิ่งที่ทำวันนี้อาจจะต้องปรับเพิ่มอะไรอีกมาก แต่เชื่อว่าถ้าเราตั้งใจทำมันออกมาให้ดีมันก็จะดีตามนั้น แม้ตอนที่ทำมันไม่ได้ง่ายอย่างที่พูดแต่เราสายลุย เราสู้ไม่ถอย"

     ฝากถึงทุกคนที่อยากทำธุรกิจ รวมถึงผู้ประกอบการที่มุ่งมั่นตั้งใจ คิดให้รอบด้าน ทั้ง วัตถุประสงค์ ตลาด เมื่อคิดรอบด้านแล้วให้ลงมือทำทันที ส่วนจะมาถูกทางหรือไม่อาจต้องใช้เวลาในการพิสูจน์ อย่างน้อยหากเราลงมือทำแล้วไม่ประสบความสำเร็จ ให้นำมาเป็นบทเรียน และเรียนรู้จากสิ่งนั้น เพื่อไม่ให้พลาดซ้ำๆในเรื่องเดิมๆ ที่สำคัญคือ อย่าท้อ!!!