เปิดแนวทางใช้พลังระบบการขนส่งแบบควบคุมอุณหภูมิตอบโจทย์SMEและบริษัทใหญ่

เมื่อทั่วโลกมีอุณหภูมิเฉลี่ยสูงขึ้นและพื้นที่จัดเก็บแบบควบคุมอุณหภูมิกลายเป็นที่ต้องการมากขึ้น เอสเอสไอ เชฟเฟอร์ (SSI Schaefer) ผู้นำระดับโลกด้านอินทราโลจิสติกส์และโกดังสินค้าอัตโนมัติ จึงได้วางแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดและข้อควรพิจารณา เพื่อให้ผู้จัดการฝ่ายโลจิสติกส์ และฝ่ายปฏิบัติการนำไปใช้เพิ่มประสิทธิภาพและความคุ้มค่าของโกดังสินค้าแบบควบคุมอุณหภูมิได้ จากการเปิดเผยของคาร์สเทน สปีเกลเบิร์ก (Carsten Spiegelberg) กรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาคตะวันออกกลางและแอฟริกาของเอสเอสไอ เชฟเฟอร์ 

โดยทุกวันนี้ผู้จัดการคลังสินค้าแบบควบคุมอุณหภูมิ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงการจำหน่ายเภสัชภัณฑ์ ต่างมีความจำเป็นในการจัดเก็บ หยิบ ดึง บรรจุ และจัดส่งสินค้าที่เน่าเสียง่ายและสินค้าอ่อนไหวให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งต้องมีการจัดการและเฝ้าระวังเป็นพิเศษ ทั้งยังต้องปรับสภาพแวดล้อมอย่างระมัดระวัง

อย่างไรก็ตาม พวกเขาเหล่านี้เผชิญกับความท้าทายเพิ่มขึ้นอีก เมื่อตลาดการจัดเก็บแบบควบคุมอุณหภูมิกำลังขยายตัว โดยรายงานบางฉบับคาดการณ์ว่าจะมี CAGR อยู่ที่ 9% ในช่วงปี 2566 ถึง 2571 นั่นคือผู้จัดการคลังสินค้าจะต้องคอยดูแลสมดุลระหว่างความต้องการสินค้าแช่เย็นกับความจำเป็นในการลดต้นทุนพลังงานและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน

“เรามองว่าอุตสาหกรรมซัพพลายเชนแบบควบคุมอุณหภูมิ จำเป็นต้องมีการทำให้ได้มากขึ้นโดยใช้ทรัพยากรน้อยลง เพื่อจัดการกับปัญหาซับซ้อนที่เพิ่มขึ้นในอุตสาหกรรมนี้ การเฟ้นหาหนทางแก้ไขแบบเร่งด่วนยังไม่เพียงพอ โดยบริษัทต่าง ๆ ต้องการผู้เชี่ยวชาญด้านการไหลเวียนของวัสดุที่มีความรู้ความชำนาญในอุตสาหกรรม เพื่อพิจารณาโรงงานในทุกแง่มุม และผสมผสานโซลูชันระบบการขนส่งแบบควบคุมอุณหภูมิเข้ากับกระบวนการแต่ละส่วนได้อย่างราบรื่น”

ทั้งนี้มองว่า การวางแผนอย่างรอบคอบถือเป็นก้าวแรกในการเพิ่มประสิทธิภาพโครงสร้างพื้นฐานแบบควบคุมอุณหภูมิ โดยมีหลายปัจจัยที่ต้องพิจารณาตั้งแต่แรกเริ่ม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความคุ้มค่าของคลังสินค้าแบบควบคุมอุณหภูมิ ตลอดจนยกระดับการไหลเวียนของอากาศและความหนาแน่นในการจัดเก็บผลิตภัณฑ์สินค้าและอาหารประเภทต่าง ๆ ต้องใช้อุณหภูมิในการจัดเก็บที่แตกต่างกัน สำหรับคลังสินค้าแบบควบคุมอุณหภูมิจึงมีอุณหภูมิตั้งแต่ -34 องศาเซลเซียส ไปจนถึง 0 องศาเซลเซียส โดยบางแห่งอาจสูงถึง 21 องศาเซลเซียส

อย่างไรก็ตาม อาจต้องเลือกอย่างเสียอย่างในเรื่องความหนาแน่นของการจัดเก็บและการไหลของอากาศ การเลือกระบบจัดเก็บสินค้าที่เหมาะสมซึ่งช่วยเพิ่มการไหลเวียนของอากาศเย็นในขณะที่เพิ่มความหนาแน่นในการจัดเก็บในพื้นที่ด้วยนั้น จึงมีบทบาทสำคัญในขั้นตอนการวางแผน

โซลูชันกึ่งอัตโนมัติเพิ่มประสิทธิภาพพื้นที่ห้องเย็น

โดยระบบจัดเก็บแบบลำเลียงเข้าช่องพร้อมระบบชั้นวางแบบไดรฟ์อินกึ่งอัตโนมัติ เหมาะสำหรับโกดังสินค้ากองใหญ่แบบแช่แข็งเป็นเวลานานในภาคการผลิต เพื่อให้ใช้พื้นที่ได้เกิดประโยชน์สูงสุด นับเป็นความก้าวหน้าสู่ระบบอัตโนมัติที่เข้าถึงได้ โดยรองรับปริมาณงานได้สูง เพิ่มความปลอดภัย และลดเวลาให้พนักงานในห้องเย็น รองรับการดำเนินการแบบ Last in-First Out (LIFO) หรือ First in-Last Out (FIFO) ได้ ระบบเหล่านี้อาศัยรถลำเลียงเข้าช่อง เช่น เอสเอสไอ ออร์บิเตอร์ (SSI Orbiter®) และจุดพักสินค้าเพื่อจัดเก็บและดึงพาเลท

ทั้งนี้ เมื่อเทียบกับระบบชั้นวางพาเลทแบบอยู่กับที่และต้องดำเนินการแบบแมนนวลแล้ว ระบบชั้นวางแบบเคลื่อนที่ก็ถือเป็นแนวทางที่เพิ่มความจุในพื้นที่ที่กำหนดได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเพิ่มได้มากถึง 85% ในขณะที่ยังคงเปิดโอกาสให้เลือกได้อย่างเต็มที่อย่างที่พบได้ในศูนย์กระจายสินค้าต่าง ๆ ระบบนี้ใช้ชั้นวางที่เคลื่อนย้ายไปตามรางพื้นผ่านมอเตอร์ไฟฟ้า เพื่อสร้างทางเดินเฉพาะเมื่อจำเป็น และมีระบบไฟอัจฉริยะที่จะเปิดเฉพาะในช่องที่ต้องใช้เพื่อลดการใช้พลังงาน ทั้งยังมีตัวเลือกในการจอดพักตอนกลางคืนที่ปรับระยะห่างของชั้นวางให้เหมาะสมเพื่อให้ลมเย็นไหลเวียนได้สูงสุด

เนื่องจากการขนส่งสินค้าแบบควบคุมอุณหภูมิที่ตรงเวลาและห่วงโซ่ความเย็นแบบปิดกำลังเป็นที่ต้องการอย่างสูง ระบบจัดเก็บสินค้าจึงต้องสามารถรองรับสินค้าขาเข้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนรับมือกับดีมานด์ที่เพิ่มขึ้นทั้งตามที่คาดการณ์ไว้และไม่ได้คาดการณ์ไว้ ซึ่งวิธีที่ดีที่สุดในการจัดการกับความซับซ้อนของสินค้าควบคุมอุณหภูมิที่ไหลเข้ามาให้เป็นระบบก็คือ การใช้ระบบจัดเก็บสินค้าอัตโนมัติเต็มรูปแบบที่เชื่อมส่วนต่าง ๆ เข้าด้วยกันอย่างราบรื่น เช่น พาเลท

ขณะที่ระบบจัดเก็บและเบิกจ่ายสินค้าอัตโนมัติ ( ASRS): SSI Exyz คือระบบจัดเก็บสินค้าอัตโนมัติที่พร้อมรับมือกับสินค้าปริมาณมากและมีความสามารถในการใช้พื้นที่สูงมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในคลังสินค้าที่มีชั้นวางสูง อีกทั้งยังช่วยประหยัดพลังงานได้ถึง 25% เมื่อเทียบกับเครื่องจักรทั่วไป และสามารถทำงานภายใต้อุณหภูมิที่แตกต่างกัน

ส่วนระบบจัดเก็บสินค้าแบบชัทเทิล: SSI Lift & Run Shuttle System (SLR) คือระบบจัดเก็บสินค้าอัตโนมัติเต็มรูปแบบที่พร้อมรองรับอนาคต สามารถเข้าถึงชั้นวางสินค้าหลายชั้นพร้อมกัน ด้วยประสิทธิภาพการทำงานสูงสุดและความสามารถในการจัดเก็บสินค้าปริมาณมาก

นอกจากนี้ยังระบบจัดเก็บสินค้าประเภทอื่น ๆ ได้แก่ ระบบชัทเทิลสำหรับหยิบกระบะใส่ของที่วางซ้อนกันหลายชั้น: สามารถหยิบสินค้าปริมาณมาก เช่น อาหารที่นำไปส่งให้ร้านค้า โดยระบบลำเลียงนี้สามารถหยิบสินค้าด้วยหุ่นยนต์อัตโนมัติเต็มรูปแบบ หรือช่วยหยิบสินค้าแบบกึ่งอัตโนมัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ

รวมถึงระบบจัดเก็บสินค้าในรูปของตู้คอนเทนเนอร์ ถัง และลัง: สามารถหยิบสินค้ารูปทรงต่าง ๆ ด้วยระบบ SSI Miniload, Flexi Shuttle หรือ Cuby และช่วยเพิ่มความหนาแน่นในการจัดเก็บสินค้า ในขณะเดียวกันก็เป็นไปตามข้อกำหนดที่เฉพาะเจาะจงในส่วนของระวางน้ำหนักและประสิทธิภาพการทำงาน โดยรองรับการหยิบสินค้าทั้งแบบอัตโนมัติหรือกึ่งอัตโนมัติ

แพลตฟอร์มควบคุมห้องเย็นจากส่วนกลาง

แม้ว่าจะมีเทคโนโลยีคลังสินค้าอัตโนมัติมากมาย ที่สามารถติดตามการไหลเข้าของสินค้า แต่ปัญหาการประสานงานระบบหลายระบบก็มักจะเกิดขึ้น ดังนั้น ระบบตรวจสอบและควบคุมจากส่วนกลางจึงมีความจำเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคลังสินค้าควบคุมอุณหภูมิที่มีความซับซ้อน ด้วยเหตุนี้ เพื่อเชื่อมโยงทุกแง่มุมของคลังสินค้าควบคุมอุณหภูมิเข้าด้วยกัน ซอฟต์แวร์ครบวงจร เช่น WAMAS® หรือ SAP EWM (Extended Warehouse Management) จึงแสดงภาพที่ชัดเจนและมอบเครื่องมือที่ครอบคลุมในการบริหารจัดการกระบวนการ ทรัพยากร และระดับสต็อกสินค้า