ไทยวิกฤต ป่วย NCDs! แค่เบาหวานโรคเดียว อาจต้องจ่ายสูงถึง 3.5 แสนล้านต่อปี
ผลสำรวจสุขภาพคนไทยทั่วประเทศล่าสุดเผย ‘คนไทยป่วย NCDs’ สูงขึ้นทุกหมวด! โดยเฉพาะในกลุ่มคนอายุน้อย
KEY
POINTS
- ผลสำรวจสุขภาพคนไทยล่าสุดชี้ว่าสถานการณ์โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างมากในรอบ 20 ปี โดยเฉพาะโรคอ้วน ความดันโลหิตสูง และเบาหวาน
- ปัจจุบันคนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไปป่วยเป็นเบาหวาน 6.1 ล้านคน และมีความเสี่ยงสูงอีก 5.7 ล้านคน โดยเกือบ 1 ใน 3 ของผู้ป่วยไม่เคยได้รับการวินิจฉัยและไม่รู้ตัวว่าป่วย
- มีการประเมินว่าค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพที่เกี่ยวกับโรคเบาหวานเพียงโรคเดียว อาจพุ่งสูงถึง 3.5 แสนล้านบาทต่อปีในอนาคต หากไม่มีนโยบายป้องกันเชิงรุก
- พฤติกรรมเสี่ยงสำคัญ 4 ประการ ได้แก่ การสูบบุหรี่ ภาวะน้ำหนักเกิน/อ้วน การมีกิจกรรมทางกายไม่เพียงพอ และการดื่มสุรา เป็นปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคเบาหวานถึง 4 เท่า
ผลสำรวจสุขภาพคนไทยครั้งที่ 7 พ.ศ.2567-2568 ซึ่งจัดทำโดย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ ( สสส. ) ร่วมกับ สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) และคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ดำเนินการสำรวจประชาชนกลุ่มตัวอย่าง 21 จังหวัดทั่วประเทศ จำนวน 32,400 คน ครอบคลุมทุกปัญหาสุขภาพของประชาชนทุกกลุ่มวัย เปิดเผยข้อมูลสถานการณ์โรค NCDs ล่าสุด
สำหรับโรค NCDs หรือ โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เป็นโรคที่เกิดจากพฤติกรรมการดำเนินชีวิตที่ถูกสะสมในระยะยาว และเป็นสาเหตุการเสียชีวิตหลักของคนไทย นอกจากนี้ยังสร้างภาระค่าใช้จ่ายทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล
โรคสำคัญที่เกี่ยวข้องกับ NCDs อาทิ โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคมะเร็งบางชนิด โรคอ้วน โรคไตเรื้อรัง ฯลฯ
ศ.นพ.วิชัย เอกพลากร ภาควิชาเวชศาสตร์ชุมชน คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลธิบดี เปิดเผยข้อมูลว่า สถานการณ์โรค NCDs ในรอบ 20 ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ.2547-2568 พบว่ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก โดยเป็นการเก็บข้อมูลในกลุ่มคนที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไป พบว่า
- ภาวะอ้วนและน้ำหนักเกิน เพิ่มขึ้น 17.6%
- โรคความดันโลหิตสูง เพิ่มขึ้น 7.5%
- โรคไขมันในเส้นเลือดสูง เพิ่มขึ้น 4.3%
- โรคเบาหวาน เพิ่มขึ้น 3.9%
โดยเฉพาะในกลุ่มภาวะน้ำหนักเกินหรือโรคอ้วน ตัวเลขที่เพิ่มขึ้น 17.6% นั้นเท่ากับว่าประเทศไทยมีผู้ที่มีภาวะน้ำหนักเกินอยู่ที่ 45% หรือราว 27.4 ล้านคน โดยอ้วนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในกลุ่มวัยรุ่น
เบาหวาน ไทยคุมไม่อยู่! ยังไม่รู้ตัวว่าป่วยอีกมาก
เมื่อเจาะเข้าไปดูข้อมูลในผู้ป่วยเบาหวาน พบว่า คนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไปป่วยเบาหวาน 10.6% หรือ 6.1 ล้านคน แต่ที่น่าเป็นห่วงคือมีคนที่เสี่ยงเป็นเบาหวานในอนาคตถึง 5.7 ล้านคน
ตัวเลขที่น่าสนใจอีกส่วนหนึ่ง ร้อยละของผู้ที่เป็นเบาหวานที่ได้รับการวินิจฉัย การรักษา และผลการรักษา พบว่า
- ผู้ป่วยที่เป็นเบาหวานแต่ไม่ได้รับการวินิจฉัยมีอยู่ราว 27% ซึ่งส่วนมากจะอยู่ในกลุ่มที่อายุต่ำกว่า 35 ปี และพื้นที่กรุงเทพมหานครมีผู้ป่วยเบาหวานที่ไม่รู้ตัวสูงกว่าที่อื่น คืออยู่ที่ราว 30% เนื่องจากกลุ่มคนที่อายุต่ำกว่า 35 ปี ไม่เข้าข่ายการคัดกรองตามเกณฑ์ของกระทรวงสาธารณสุข
- ในขณะที่ผู้ป่วยส่วนหนึ่งแม้จะเข้าสู่การรักษาแต่กลับควบคุมได้ไม่ดีสูงขึ้นราว 41.3%
- แม้ว่าคนป่วยเบาหวานที่ควบคุมระดับน้ำตาลได้ดีมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจาก 13.8% เป็น 28.6% แต่ยังต่ำกว่าเป้าหมายที่องค์การอนามัยโลกแนะนำ ซึ่งควรทำให้ได้อยู่ที่ 80%
ทั้งนี้ รศ.พญ.เริงฤดี ปธานวนิช ภาควิชาเวชศาสตร์ชุมชน คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี และหัวหน้าโครงการสำรวสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกายครั้งที่ 7 ได้เปิดเผยว่าแนวโน้มความชุก ‘โรคเบาหวาน’ ของคนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไป ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมเสี่ยง 4 ข้อสำคัญ ได้แก่
- สูบบุหรี่
- น้ำหนักเกินอ้วน
- กิจกรรมทางกายไม่เพียงพอ
- ดื่มสุรา
โดยพบว่ายิ่งมีพฤติกรรมที่เป็นปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้ จะย่ิงเพิ่มความเสี่ยงการเป็นเบาหวานกว่า 4 เท่า!
โพสต์ทูเดย์ เคยรายงานข่าวเกี่ยวกับสถานการณ์ล่าสุดจาก International Diabetes Federation (IDF) Diabetes Atlas ชี้ให้เห็นถึงค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับโรคเบาหวานในประเทศไทยในปี 2024 พบว่าค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับโรคเบาหวานทั้งหมดในประเทศไทยสูงถึง 4,116.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือ 136,473 ล้านบาท
โดยเฉลี่ยแล้ว ค่าใช้จ่ายต่อคนอยู่ที่ 647.2 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี หรือ ประมาณ 20,574 บาท ต่อปี
นั่นเท่ากับว่าเมื่อคำนวนจำนวนผู้ป่วยเบาหวานจากผลสำรวจสุขภาพฯ ล่าสุดซึ่งชี้ว่าคนไทยป่วยเป็นเบาหวานราว 6.1 ล้านคน บวกกับจำนวนคนไทยที่มีความเสี่ยงเป็นเบาหวานในอนาคตอีก 5.7 ล้านคน
อาจชี้ได้ว่า ในอนาคตประเทศไทยจะมีค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพเกี่ยวกับเบาหวาน หากไม่มีนโยบายเชิงรุกที่เหมาะสมราว 3.5 แสนล้านต่อปี! .. และตัวเลขนี้แค่โรคเดียว
ข้อแนะนำเชิงนโยบาย
รศ.พญ.เริงฤดี ยังได้ให้คำแนะนำสืบเนื่องจากผลสำรวจสุขภาพครั้งนี้ โดยระบุว่า
“ การจะควบคุมโรค NCDs ให้ได้ผล ต้องปรับกลยุทธ์ในการจัดการปัจจัยเสี่ยงสุขภาพ ควรกำหนดให้ปัจจัยเสี่ยงสุขภาพ เช่น อัตราการสูบบุหรี่ ดื่มสุรา อ้วน เป็นตัวชี้วัดในการดำเนินงานและให้มีการคัดกรองร่วมกับการคัดกรองเบาหวาน ความดันโลหิตสูง
และควรขยายการคัดกรองที่ปัจจุบันคัดกรองคนอายุ 35 ปีขึ้นไป ให้ครอบคลุมกลุ่มอายุต่ำกว่า 35 ปีที่มีปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพด้วย รวมถึงการจัดกิจกรรมรณรงค์หรือโครงการปรับพฤติกรรมต่างๆ ควรเน้นไปที่กลุ่มวัยรุ่นและวัยทำงานเพิ่มมากขึ้น”
.....
สามารถอ่านเอกสารฉบับเต็มที่ได้
https://thai-nhes.com//MiddleFiles/Reports_nhe/7/รายงานการสำรวจสุขภาพประชาชนไทยครั้งที่7.pdf


