posttoday

น่าชื่นชม! เรือกู้ภัยน้ำท่วมอัจฉริยะ ฝีมือคนไทย ส่งมอบศูนย์จัดการภัยพิบัติเพื่อนพึ่ง (ภาฯ)

10 ตุลาคม 2568

น่าชื่นชม! เรือกู้ภัยน้ำท่วมอัจฉริยะ ฝีมืออาจารย์มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ ส่งมอบศูนย์จัดการภัยพิบัติเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ช่วยเหลือผู้ประสบภัย

KEY

POINTS

  • เรือกู้ภัยน้ำท่วมอัจฉริยะเป็นนวัตกรรมฝีมือคนไทยโดยมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนไฟฟ้าและการสื่อสารให้แก่ผู้ประสบภัย
  • ตัวเรือติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์และแบตเตอรี่ สามารถจ่ายไฟชาร์จโทรศัพท์ได้ 120 เครื่อง มีระบบอินเทอร์เน็ต กล้อง และไฟส่องสว่างเพื่อการกู้ภัย
  • ได้มีการส่งมอบเรือเพื่อใช้งานในพื้นที่ประสบภัยหลายจังหวัด และล่าสุดได้ส่งมอบให้กับศูนย์จัดการภัยพิบัติเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ใน 6 พื้นที่ทั่วประเทศ

ที่มาของเรือกู้ภัยอัจฉริยะ!

 

“เรือกู้ภัยอัจฉริยะ” เป็นผลงานนวัตกรรมจากภูมิปัญญา ที่เกิดจากการทำงานร่วมกันของหน่วยงานในสังกัด อว. คือ หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นพื้นที่ (บพท.) มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ (มนร.) โดยการสนับสนุนของกองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (ววน.)

นวัตกรรมนี้ผลิตขึ้นโดยคณาจารย์มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ (มนร.) นำโดยรองศาสตราจารย์ ดร.วสันต์  พลาศัย รองอธิการบดีฝ่ายวิจัย และนวัตกรรม และ ผู้ช่วยศาตราจารย์สมเกียรติ สุทธิยาพิวัฒน์ หัวหน้าโครงการแก้จนเร่งด่วนจากผลกระทบภัยพิบัติในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งถูกใช้งานจริงเป็นครั้งแรกในการกู้ภัยช่วยเหลือประชาชนจากภัยน้ำท่วมใหญ่เมืองนราธิวาส เมื่อปี 2566

 

เนื่องจากพบว่า ในคราวเกิดน้ำท่วม ประชาชนต้องประสบปัญหาทั้งในเรื่องการตัดขาดจากพลังงานไฟฟ้า จนไม่สามารถชาร์ตมือถือเพื่อสื่อสารและขอความช่วยเหลือได้ อีกทั้งยังประสบกับปัญหาด้านการติดต่อสื่อสาร เข้าถึงสัญญาณอินเทอร์เน็ตมีความยากลำบาก รวมไปถึงไม่สามารถใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าบางประการ แม้ว่าตัวเครื่องใช้ไฟฟ้าจะไม่เสียหาย เช่น หม้อหุงข้าว ซึ่งกลายเป็นปัจจัยสำคัญ

 

คุณสมบัติที่เหมาะกับสภาพความเดือดร้อนของคนไทย

 

เรือกู้ภัยอัจฉริยะ ทำจากวัสดุอลูมิเนียมน้ำหนักเบา ไม่จมน้ำ มีขนาดความยาว 2.90 เมตร กว้าง 1.10 เมตร รองรับน้ำหนักบรรทุกได้สูงสุด 290 กิโลกรัม ภายในเรือติดตั้งอุปกรณ์เพื่ออำนวยความสะดวกในการกู้ภัยครบครัน ประกอบด้วย

  • แผงโซลาร์เซลล์ แบตเตอรี่ สำหรับเก็บประจุไฟฟ้าเพื่อจ่ายไฟฟ้าป้อนแก่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ติดตั้งในเรือได้ต่อเนื่องกัน 7.5 ชั่วโมง
  • วายฟายเราเตอร์ 4 จี รองรับอินเทอร์เน็ตทุกเครือข่าย
  • กล้องความละเอียดสูง พร้อมไฟแอลอีดีสำหรับบันทึกภาพในที่มืด
  • สปอร์ตไลท์แอลอีดี ขนาด 120 วัตต์ จำนวน 4 ดวง เพื่อให้การค้นหาและกู้ภัยสามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

ทั้งนี้ การเข้ามาของเรืออัจฉริยะ ได้รับเสียงสะท้อนที่ดีจากผู้ประสบภัย โดยตัวอย่างการใช้งานคือ ทำให้สามารถชาร์จโทรศัพท์ 120 เครื่องต่อหนึ่งการชาร์ต และเป็นระบบฟาสต์ชาร์จ นอกจากนี้ยังสามารถเสียบอุปกรณ์ไฟฟ้าพื้นฐานได้ เช่น หม้อหุงข้าว เครื่องทำน้ำร้อน  อีกทั้งหน้าเรือมีกล้อง ที่สามารถบันทึกพฤติกรรมต่างๆ เพื่อหน่วยงานจะสามารถดึงข้อมูลไปวิเคราะห์ได้ รวมไปถึงการปักจุดเพื่อแจ้งพิกัดการช่วยเหลือก็ทำได้เช่นกัน

 

การต่อยอดในปัจจุบัน

 

หลังจากเหตุการณ์ในปี 2566 มีการใช้งานเรืออัจฉริยะต่อเนื่องในการกู้ภัยอีกหลายเหตุการณ์ในหลายพื้นที่ โดยในปี 2567 ที่ผ่านมาได้มีการจัดสรร “เรือกู้ภัยอัจฉริยะ” จำนวน 10 ลำ ส่งมอบไปใช้งานในจังหวัดนราธิวาส ปัตตานี ยะลา พัทลุง นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี พิษณุโลก สุโขทัย ชัยภูมิ สกลนคร

สำหรับในปี 2568 ได้เพิ่มกำลังการผลิตและส่งมอบไปใช้งานใน 6 พื้นที่ ได้แก่

  • ศูนย์จัดการภัยพิบัติเพื่อนพึ่ง(ภาฯ) ต.ท้ายสำเภา อ.พระพรหม จ.นครศรีธรรมราช
  • ศูนย์จัดการภัยพิบัติเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ลุ่มน้ำทะเลสาปสงขลาตอนบน ต.บ้านขาว อ.ระโนด จ.สงขลา
  • ศูนย์จัดการภัยพิบัติเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ต.พิมาน อ.นาแก จ.นครพนม
  • ศูนย์จัดการภัยพิบัติเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ต.บ้านดู่ อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย
  • ศูนย์จัดการภัยพิบัติเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ต.น้ำกุ่ม อ.นครไทย จ.พิษณุโลก
  • ศูนย์จัดการภัยพิบัติเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ต.เจดีย์ชัย อ.ปัว จ.น่าน

ข่าวล่าสุด

บอลวันนี้ ดูบอลสด ถ่ายทอดสด โปรแกรมฟุตบอล วันอาทิตย์ที่ 14 ธ.ค. 68