จากบ้านสู่โลก ด้วย "โซลาร์รูฟ" เมื่อบ้านคือจุดตั้งต้นสำคัญของการลดคาร์บอน

การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานไม่ได้อยู่ไกลตัว หากเริ่มได้จากหลังคาบ้านของเราเอง งานเสวนา KTC FIT Talk 19 ทำให้เห็นภาพการจับมือกันของภาครัฐ–เอกชนเพื่อขยับประเทศไทยไปสู่ Carbon Neutrality 2050 และ Net Zero 2065

 

โดยมี “บ้าน” เป็นสมรภูมิสำคัญของการลดคาร์บอน ตั้งแต่การผลิตไฟใช้เองไปจนถึงขายไฟส่วนเกินกลับเข้าระบบไฟฟ้า ซึ่งทั้งหมดสอดคล้องกับแผนพลังงานชาติฉบับใหม่ที่ผลักดันสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนให้สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ (NEP ระบุทิศทางให้ อย่างน้อย 50% ของกำลังผลิตใหม่มาจากพลังงานหมุนเวียน, ขณะที่ร่าง AEDP 2024 ตั้งเป้า โซลาร์รวม 38,974 MWp ภายในปี 2037)

 

เวที KTC FIT Talk ครั้งที่ 19 ภายใต้หัวข้อ “Power from Home, Power for the Future” จึงเป็นการรวมพลังของพันธมิตรจากหลากหลายภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคธุรกิจ และองค์กรเอกชน เพื่อชี้ให้เห็นว่า บ้านคือจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงสู่สังคมคาร์บอนต่ำและอนาคตที่ยั่งยืนได้อย่างไร

 

 

"บ้าน" จุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนผ่านพลังงาน

 

"การมีส่วนร่วมของภาคครัวเรือนมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะทุกบ้านคือจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง การพัฒนาความยั่งยืนวันนี้ไม่ใช่เรื่องที่ ‘ควรทำ’ แต่เป็นสิ่งที่ ‘ต้องทำ’ เพื่อให้ประเทศไทยมีพลังงานที่มั่นคง ต้นทุนที่แข่งขันได้ และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในทุกครัวเรือน

 

นางสาวจารุวรรณ พิพัฒน์พุทธพันธ์ นักวิทยาศาสตร์ชำนาญการพิเศษ หัวหน้ากลุ่มติดตามและประเมินผลกองพัฒนาพลังงานแสงอาทิตย์ กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กล่าว และย้ำว่า "นโยบายด้านพลังงานของรัฐจึงเดินคู่ไปกับเป้าหมายสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจ สร้างประโยชน์ร่วมกันทั้งประเทศตั้งแต่ผู้บริโภค ผู้ประกอบการ ไปจนถึงชุมชนท้องถิ่น โดยภาครัฐพร้อมเดินหน้าสนับสนุนการติดตั้งโซลาร์รูฟ (Solar Roof) ในครัวเรือนอย่างครบมิติ ทั้งการยกระดับมาตรฐานการติดตั้งและความปลอดภัย การอำนวยความสะดวกด้านกระบวนการอนุญาต การผลักดันเครื่องมือทางการเงินที่เหมาะสม โดยเฉพาะมาตรการลดหย่อนภาษีส่วนบุคคลเพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายผู้บริโภค ไปจนถึงการสร้างองค์ความรู้ให้ช่างและผู้บริโภค”

 

"พลังงานสะอาด" จากเทคโนโลยีสู่ความสุขในครอบครัว ‘วันอาทิตย์’

 

“ทุกเมกะวัตต์ที่เพิ่มขึ้นจากพลังงานสะอาดเป็นประโยชน์โดยตรงต่อภาคครัวเรือนและธุรกิจที่ได้ใช้ไฟอย่างคุ้มค่าและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม"

 

นางสาวอำนวยพร ประกอบนพเก้า กรรมการผู้จัดการ GULF1 และผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ GULF ในเครือบริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์จำกัด (มหาชน) (GULF) มองว่าความยั่งยืน คือแกนยุทธศาสตร์ที่ GULF ให้ความสำคัญ โดย GULF มุ่งเพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนให้ได้มากกว่าร้อยละ 40 ของกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมภายในปีพ.ศ. 2578 และมุ่งสู่เป้าหมายปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ ภายในปีพ.ศ. 2593 ทาง GULF1 และแบรนด์โซลาร์บ้านครบวงจร ‘วันอาทิตย์’ จึงมีแผนงานที่ชัดเจนในการทำให้พลังงานสะอาดอย่างโซลาร์รูฟท็อปเป็นเรื่องที่ ‘ตัดสินใจง่าย’ สำหรับทุกครัวเรือน

 

มีจุดเด่นเรื่องความปลอดภัยและงานติดตั้งที่ได้มาตรฐาน ผู้ใช้งานสามารถดูข้อมูลการประหยัดไฟได้แบบเรียลไทม์ แบรนด์ ‘วันอาทิตย์’ ไม่ได้เป็นแค่โซลาร์บ้าน แต่เป็นโซลูชั่นที่จะช่วยเติมความสุขให้กับทุกคนในครอบครัวที่ได้ทำกิจกรรรมร่วมกันได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องกังวลกับค่าไฟ เพื่อให้ทุกวันที่อยู่บ้านเหมือน ‘วันอาทิตย์’ หรือ ‘วันครอบครัว’ นั่นเอง นอกจากนี้ GULF1 ได้ร่วมมือกับพันธมิตรที่หลากหลาย เช่น AIS เพื่อขยายช่องทางการเข้าถึงลูกค้าผ่าน AIS Shop ทั่วประเทศ รวมไปถึงเคทีซี พันธมิตรด้านการเงินที่แข็งแกร่ง นำเสนอทางเลือกในการชำระเงินที่หลากหลาย ทำให้การติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปมีความคุ้มค่าในระยะยาว สะท้อนความมุ่งมั่นของเราใน  การส่งมอบโซลาร์รูฟท็อปที่ปลอดภัย ได้มาตรฐาน และคุ้มค่าสำหรับทุกคน”    

 

"บ้านอัจฉริยะ" ความยั่งยืนที่จับต้องได้ด้วย ONNEX by SCG

 

ความยั่งยืนวันนี้ไม่ใช่เรื่องสวยหรูอีกต่อไป แต่คือ โครงสร้างต้นทุนใหม่ของบ้าน วัสดุและระบบที่ประหยัดพลังงานช่วยลดค่าไฟลงได้จริง พร้อมยกระดับคุณภาพอากาศและความสบายในระยะยาว

 

ONNEX by SCG จึงเป็นแพลตฟอร์มที่ตอบโจทย์ทั้งด้านพลังงานและสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็น SCG Solar Roof ที่ช่วยผลิตไฟฟ้าใช้เอง ONNEX Active Air Flow ที่ระบายความร้อนและทำให้บ้านเย็นสบายขึ้น และ ONNEX Active Air Quality ที่เติมอากาศสะอาด กรองฝุ่นและมลพิษเพื่อสุขภาวะของผู้อยู่อาศัย และเพื่อให้เจ้าของบ้านสะดวกที่สุด เรามี Smart Living plus application แอปเดียวที่รวมเอาทุกอุปกรณ์ของ Onnex เข้าด้วยกัน เหมือนมีผู้ช่วยคอยดูแลบ้าน ทำให้การอยู่อาศัยทั้งสบายขึ้น ฉลาดขึ้น และมั่นใจได้มากขึ้น

 

"ทั้งหมดนี้คือแนวทางที่ SCG เชื่อมั่นว่า บ้าน Smart ไม่ได้หมายถึงเพียงการมีอุปกรณ์ทันสมัย แต่คือการสร้างประสบการณ์การอยู่อาศัยที่ อยู่สบายขึ้น ฉลาดขึ้น และมีความสุขมากขึ้น และในขณะเดียวกันก็ช่วยลดคาร์บอน สร้างความยั่งยืน และก้าวไปสู่เป้าหมาย Net Zero 2050 ร่วมกัน”

 

Circular Economy บ้านเก่าก็สร้างคุณค่าใหม่ได้

 

พฤติกรรมผู้บริโภคไทยกำลังเปลี่ยนจาก ‘รับรู้’ สู่ ‘เลือกซื้ออย่างมีจิตสำนึก’ มากขึ้น ไม่เพียงแต่ให้ความสนใจในเรื่องราคาหรือคุณภาพสินค้าเท่านั้น แต่ยังคำนึงถึงคุณค่าและความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม

 

นายรักพงศ์ อรุณวัฒนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ กลุ่มนักลงทุนสัมพันธ์ กลยุทธ์และความยั่งยืนองค์กร บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ “โฮมโปร” กล่าวว่า “ความยั่งยืนไม่ใช่กิจกรรมเสริม แต่เป็นกลยุทธ์หลักในการดำเนินธุรกิจสินค้าและบริการเรื่องบ้านแบบครบวงจร และแม้ว่าราคาและความคุ้มค่ายังคงเป็นปัจจัยสำคัญ แต่ลูกค้าจำนวนมากพร้อมสนับสนุนแบรนด์ที่มีนโยบายด้าน Circular Economy และ ESG ที่ชัดเจน 

 

โดยโฮมโปรได้เข้าไปช่วยดูแลจัดการสินค้าเก่าที่ไม่ใช้แล้วจากบ้านลูกค้าโฮมโปร โดยช่วยนำไปจัดการให้อย่างถูกวิธี ภายใต้โครงการ “แลกเก่าเพื่อโลกใหม่” ทำหน้าที่เป็น ‘สะพาน’ เชื่อมผู้ผลิตที่ต้องการพัฒนาสินค้ารุ่นใหม่กับผู้บริโภคที่ต้องการเปลี่ยนของเก่าอย่างคุ้มค่าและจัดการอย่างถูกวิธี

 

ปัจจุบันโฮมโปรรับเครื่องใช้ไฟฟ้าเก่าที่ไม่ใช้แล้วกลับมากว่า 300,000 ชิ้น ซึ่งจะนำไปจัดการให้อย่างถูกวิธี โดยบริษัทที่มีใบรับรองตามกฏหมายเป็นผู้ดำเนินการ และนำกลับมาผลิตเป็นสินค้าใหม่ เรียกว่า “สินค้ารักษ์โลก หรือ Circular Products” นอกจากนี้ในปี 2568 โฮมโปรเดินหน้าขยายไลน์สินค้ารักษ์โลก ร่วมกับพันธมิตรหลายหลายแบรนด์ชั้นนำ เพิ่มรายการสินค้าที่สามารถนำมาแลกได้มากกว่าเดิมถึง 8,000 รายการ เพื่อผลักดันให้ Circular Economy เป็นเรื่องที่ทำได้จริงในทุกบ้าน

 

การเงินสีเขียว เชื่อมบ้านกับอนาคต “เซฟคุณ เซฟโลก”

 

KTC ในฐานะพันธมิตรด้านการเงินทำให้การเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด “เป็นไปได้จริง” ผ่านสิทธิประโยชน์ด้านการผ่อนชำระและเครดิตเงินคืนในโครงการ “เซฟคุณ เซฟโลก” ควบคู่กับการดำเนินงานด้าน ESG และการลดคาร์บอนในองค์กร

 

นายณัฐสิทธิ์ สุนทราณู ผู้บริหารสูงสุด ฝ่ายการตลาดบัตรเครดิต หมวดบ้านและเฟอร์นิเจอร์ “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ตอกย้ำว่าพลังงานสะอาดไม่ได้เกิดขึ้นเพียงจากบ้าน แต่ยังต้องอาศัยการสนับสนุนจากระบบการเงินและนโยบายธุรกิจที่ยั่งยืน

 

พร้อมระบุว่า เคทีซีมุ่งสร้างระบบนิเวศพลังงานสะอาดสำหรับครัวเรือน โดยร่วมกับพันธมิตรภาคธุรกิจ เปิดแคมเปญ “เซฟคุณ เซฟโลก” เพื่อช่วยสมาชิกเข้าถึง และรับความรู้ความเข้าใจในการเลือกการติดตั้ง ‘โซลาร์ รูฟ’ ได้ง่ายขึ้นอย่างเหมาะสม พร้อมสิทธิประโยชน์ด้านการเงิน ด้วยทางเลือกผ่อนชำระ 0% เครดิตเงินคืน และคูปองส่วนลด

 

นอกจากนี้ ยังสนับสนุนสิทธิพิเศษสำหรับสินค้าวัสดุก่อสร้าง เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้าและบริการประหยัดพลังงาน เพื่อให้ครัวเรือนสามารถร่วมพัฒนาความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมไปด้วยกัน ซึ่งจะส่งผลดีต่อสังคมและโลกของเราในระยะยาว โดยข้อมูลการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเคทีซีในหมวดบ้านและเฟอร์นิเจอร์ครอบคลุมโซลาร์รูฟ ภาพรวมใน 7 เดือนที่ผ่านมาเปรียบเทียบจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน มีแนวโน้มที่ยังเติบโตสูงขึ้น 3% โดยคาดการณ์จนถึงสิ้นปีนี้ น่าจะมีการเติบโตเพิ่มขึ้นกว่า 6% เป้าหมายของเราไม่ใช่เพียงการช่วยให้สมาชิกประหยัดค่าใช้จ่ายรายเดือน แต่คือการสร้างคุณค่าเชิงบวกที่ยั่งยืน บ้านที่ใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของครอบครัว และยังเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนสังคมสู่คาร์บอนต่ำ”

 

 

วันนี้เราอยู่ตรงไหน? ภาพรวมกำลังติดตั้งและบทบาท “หลังคา”

 

หากซูมดูสถานะจริง ปลายปี 2023 ไทยมีกำลังผลิตโซลาร์สะสม 5,034 MWp แบ่งเป็น โซลาร์รูฟท็อป 1,775 MWp (ที่เหลือเป็นโซลาร์ฟาร์ม/โครงการอื่น) ตัวเลขนี้สะท้อนว่า “หลังคา” ไม่ได้เป็นแค่ของเล่นรายย่อย แต่กลายเป็นเสาหลักหนึ่งของระบบแล้วจริง ๆ IEA-PVPS

 

มองระดับ “ครัวเรือน” ข้อมูลภาคสนามชี้ว่าตลาดกำลังขยายตัวต่อเนื่อง: ณ 30 มิ.ย. 2023 มีครัวเรือน 6,149 หลัง เซ็นสัญญาขายไฟรวม 131 MW (ภายใต้โครงการภาครัฐ) ขณะเดียวกัน มีครัวเรือน/เอกชนอีก 18,717 ราย ที่ติดตั้งเพื่อใช้เองหรือทำสัญญาซื้อขายตรงกับเอกชน รวมกำลังผลิต ราว 2,050 MW สะท้อนแนวโน้ม “ใช้เอง-ขายตรง” ที่โตไวควบคู่ไปกับโครงการรัฐ krungsri.com

 

กติกา & แรงจูงใจ: จาก FiT ถึงสิทธิภาษี 2 แสนบาท

ฝั่งนโยบาย มีสองชั้นที่สำคัญต่อการตัดสินใจของบ้านเรือน

1. ราคารับซื้อไฟ (FiT) สำหรับภาคครัวเรือนรุ่นใหม่อยู่ที่ ~2.20 บาท/หน่วย เป็นเวลา 10 ปี (โครงการบ้านอยู่อาศัยกำลังผลิตไม่เกิน 10 kWp และในอดีตมีกำหนด “โควตาซื้อไฟฝั่งครัวเรือน” รวม 90 MW/ปี ช่วงปี 2021–2030) ซึ่งต่างจากรอบแรก ๆ เมื่อปี 2556 ที่เคยตั้ง FiT บ้านอยู่อาศัยไว้ที่ 6.96 บาท/หน่วย—วันนี้จึงควรอ้างอิงเงื่อนไขล่าสุดของปีที่เข้าร่วมจริงเสมอ IEA-PVPSerc.or.th

2. มาตรการภาษีใหม่ (มิ.ย. 2025) ติดโซลาร์รูฟบ้านลดหย่อนภาษีได้ “ตามจ่ายจริงสูงสุด 200,000 บาท” ใช้ได้ปีภาษี 2568–2570 นโยบายนี้ลด “ด่านแรก” เรื่องต้นทุนติดตั้งลงอย่างชัดเจนสำหรับครัวเรือนรายได้ปานกลางขึ้นไป และเสริมแรงจูงใจให้เกิดดีมานด์ในเมืองและชานเมืองมากขึ้น

 

หมายเหตุอ้างอิงสำคัญ 

IEA-PVPS: Thailand 2024 Country Update – เป้าหมาย NEP/AEDP, กำลังติดตั้งปี 2023, เงื่อนไข FiT บ้าน 2.20 บาท/หน่วย/10 ปี, แผนสนับสนุน UGT & Direct PPA, โครงสร้างอุตสาหกรรมปี 2024. IEA-PVPS

ERC (สำนักงาน กกพ.): ข้อมูลเชิงออกแบบ ผลผลิตเฉลี่ย ~1,300 kWh/kWp/ปี และประวัติ/อัตรา FiT รอบปี 2556 (บ้าน 6.96 บาท/หน่วย) เพื่อเทียบกับเงื่อนไขล่าสุด. erc.or.th

รัฐบาล/กรมประชาสัมพันธ์: มติ ครม. ลดหย่อนภาษีติดโซลาร์รูฟบ้านสูงสุด 200,000 บาท ปีภาษี 2568–2570.

 

ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ KTC 02 123 5000 หรือศูนย์บริการสมาชิก “เคทีซี ทัช” ทุกสาขาทั่วประเทศ ทั้งนี้ ผู้ถือบัตรเครดิตควรใช้จ่ายเท่าที่จำเป็นและชำระคืนได้เต็มจำนวนตามกำหนด จะได้ไม่เสียดอกเบี้ย 16% ต่อปี