"1 คน 1 เลข"ใช้ไบโอเมตริก คุมแรงงานต่างด้าว เชื่อมสุขภาพทั่วไทย
กรมควบคุมโรคจับมือภาคี ดันใช้ไบโอเมตริก 3 รูปแบบ สร้าง “หนึ่งคน หนึ่งเลข” ให้แรงงานต่างด้าว เข้าถึงสิทธิสุขภาพได้ทุกโรงพยาบาล ลดซ้ำซ้อนข้อมูลทั่วประเทศ
กรมควบคุมโรค โดยสำนักความร่วมมือระหว่างประเทศ ผนึกกำลังเครือข่าย เดินหน้ายกระดับการใช้เทคโนโลยี “ไบโอเมตริก” เพื่อจัดเก็บและเชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพแรงงานต่างด้าวทั่วประเทศ ตั้งเป้าหมาย “หนึ่งคน หนึ่งเลข” ตรวจสอบสิทธิการรักษาได้ทุกที่ ลดปัญหาซ้ำซ้อนของข้อมูล และเพิ่มความแม่นยำด้านการบริหารจัดการสุขภาพ
นางเกษณี ศรีรักษา รองผู้อำนวยการสำนักงานความร่วมมือระหว่างประเทศ กรมควบคุมโรค กล่าวว่า ระบบพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลของสภากาชาดไทย (TRCBAS) ซึ่งใช้เทคโนโลยีการจดจำลายม่านตาและใบหน้า ได้เริ่มนำร่องใช้งานมาตั้งแต่ปี 2566 ใน 5 จังหวัด ปัจจุบันขยายไปยังโรงพยาบาลกว่า 160 แห่งใน 25 จังหวัด โดยมีแรงงานต่างด้าวได้รับการพิสูจน์อัตลักษณ์แล้วกว่า 260,000 คน
“แม้ระบบจะมีความแม่นยำสูง แต่ยังพบข้อจำกัดในการเชื่อมโยงข้อมูลกับระบบปฏิบัติการของโรงพยาบาล ทำให้ไม่สามารถใช้งานได้อย่างเต็มศักยภาพ การประชุมครั้งนี้จึงมีเป้าหมายสำคัญคือการผลักดันให้โรงพยาบาลทั่วประเทศใช้การพิสูจน์อัตลักษณ์ทั้ง 3 รูปแบบ ทั้งลายม่านตา ลายนิ้วมือ และใบหน้า เพื่อวางรากฐานให้เป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ” นางเกษณีกล่าว
การประชุมเชิงปฏิบัติการ “Integrating Biometric Data for Public Health and Disease Control” ระหว่างวันที่ 14-15 สิงหาคม 2568 ได้ข้อสรุป 4 มิติเร่งด่วน ได้แก่
- เชื่อมโยงระบบ ให้โรงพยาบาลทุกแห่งสามารถใช้งานร่วมกับ TRCBAS หรือ BioID ได้
- ผลักดันเลขประจำตัวใหม่ จากการพิสูจน์อัตลักษณ์ทั้งลายนิ้วมือ ม่านตา และใบหน้า
- ขยายการใช้งานเครื่องสแกนม่านตา ให้ครอบคลุมทุกโรงพยาบาล
- ทำงานเชิงรุก ผ่านเครือข่ายภาคประชาสังคม เข้าถึงแรงงานในพื้นที่
ปัจจุบันมีแรงงานต่างด้าวกว่า 260,000 คนได้รับการพิสูจน์อัตลักษณ์แล้วใน 25 จังหวัด แต่ยังพบอุปสรรคในการเชื่อมต่อข้อมูลกับระบบโรงพยาบาล จึงมีความจำเป็นต้องสร้างมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ
นพ.พิชิต ศิริวรรณ รองผอ.สำนักบรรเทาทุกข์และประชานามัย สภากาชาดไทย เน้นย้ำว่า “เลขประจำตัวเพียงหนึ่งเดียว” จะทำให้แรงงานต่างด้าวเข้าถึงการรักษาได้สะดวก ไม่ว่าจะแจ้งย้ายที่ทำงานหรือเปลี่ยนโรงพยาบาล พร้อมลดความเสี่ยงจากข้อมูลซ้ำซ้อน
ทั้งนี้ กรมควบคุมโรคย้ำว่า ข้อสรุปจากการประชุมครั้งนี้จะถูกนำไปใช้เป็นแนวทางสำคัญในการยกระดับระบบสาธารณสุขและการควบคุมโรคของแรงงานต่างด้าว เพื่อเสริมสร้างความปลอดภัยและความมั่นใจด้านสุขภาพในระยะยาว


