เห็นด้วยหรือไม่? ร้านเหล้า - สายดื่ม ควรมีที่วัดแอลกอฮอล์ ป้องกันเมาแล้วขับ!
ชาวโพสต์ทูเดย์เห็นด้วยหรือไม่? ร้านเหล้า - สายดื่ม ควรมีที่วัดแอลกอฮอล์ประจำร้าน-ประจำกาย ป้องกันเมาแล้วขับ!
KEY
POINTS
- การดื่มแล้วขับสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจคิดเป็นมูลค่ากว่า 74,733 ล้านบาทต่อปี
- กรมควบคุมโรคผลักดันนโยบายให้ร้านเหล้าและสถานบริการมีเครื่องวัดแอลกอฮอล์ให้ลูกค้าใช้ประเมินตนเองก่อนขับรถ ซึ่งเป็นมาตรการป้องกัน "ต้นน้ำ" เพื่อลดอุบัติเหตุ
- กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้ทดสอบเครื่องวัดแอลกอฮอล์ชนิดคัดกรองในท้องตลาด พบว่ามี 11 รุ่นที่มีความคลาดเคลื่อนต่ำในระดับที่ยอมรับได้สำหรับใช้ประเมินตนเองเบื้องต้น
จากข้อมูลของกรมควบคุมโรค รายงานสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุบนท้องถนนล่าสุด (14 สิงหาคม 2568) พบว่า
ประชากรไทยอายุ 15 ปีขึ้นไป ดื่มสุรากว่า 20.9 ล้านคน คิดเป็น 35.2% ของประชากรทั้งหมด
ส่วนคนไทยที่ดื่มเหล้าและเกิดอุบัติเหตุมีมากกว่า 284,253 ราย ส่วนใหญ่ขับขี่จักรยานยนต์ ที่สำคัญคือดื่มแล้วขับล้มเองกว่า 59.33% อีกทั้งผลสำรวจดังกล่าวพบว่ามีเยาวชนอายุ 15-19 ปีที่เมาแล้วขับกว่า 12.94%
สรุปแล้ว การดื่มแล้วขับสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจคิดเป็นมูลค่ากว่า 74,733 ล้านบาทต่อปี
นายธัชวุฒิ จาดบันดิสถ์ นักวิจัยศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน ให้ข้อมูลว่าการสร้างสังคมที่ปราศจากการ ‘เมาแล้วขับ’ มีห่วงโซ่สถานการณ์ 3 ประเภท ได้แก่
- ต้นน้ำ คือ การควบคุมโดยใช้กฎหมาย การควบคุมดูแลสถานที่ มาตรการเชิงรุก การออกนโยบายไม่ขายให้คนเมา หรือมาตรการป้องกันของผู้จัดมิให้คนเมาขับรถในถนน รวมไปถึงการมีเครื่องตรวจวัดแอลกอฮอล์ ก่อนออกจากงาน-ร้าน
- กลางน้ำ คือ ด่านตรวจต่างๆ และการสุ่มตรวจลมหายใจ รวมไปถึงระบบขนส่งส่งสาธาณะ และช่วยพาคนเมากลับบ้าน
- ปลายน้ำ คือ มาตรการจับกุมดำเนินคดี การคุมประพฤติ และการเยียวยา
ทั้งนี้ ‘การขยับที่ต้นน้ำ ทำให้ลดจำนวนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุเมาแล้วขับได้อย่างมีนัยสำคัญ’ นายธัชวุฒิ ได้ยกตัวอย่างประเทศที่สามารถลดอุบัติเหตุจากดื่มแล้วขับ ขยับที่ต้นน้ำ เช่น ประเทศญี่ปุ่น ที่สามารถลดจำนวนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุเมาแล้วขับได้ 38% ภายในระยะเวลา 3 ปี มีปริมาณผู้ดื่มแล้วขับขี่ลดลงจาก 3.7% เป็น 1.2% โดยการกำหนดบทลงโทษที่รุนแรง กำหนดโทษผู้โดยสารร่วมที่รู้ว่าคนขับเมา อีกทั้งเน้นวัฒนธรรม ‘ไม่แตะรถถ้าดื่ม’ เป็นต้น
ผลักดัน ร้านเหล้า-สถานประกอบการ-สายดื่ม เข้าถึงเครื่องวัดแอลกอฮออล์ ป้องกันเมาแล้วขับ!
การสกรีนคนก่อนปล่อยให้ขับรถ ถือเป็นมาตรการ ‘ต้นน้ำ’ หนึ่งที่สำคัญ โดย กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ตั้งใจจะผลักดันนโยบายดังกล่าว โดยเริ่มต้นจากการจัดทำแนวทางที่เกี่ยวข้องได้แก่
- ดำเนินการออกข้อแนะนำ ให้ประชาชนทั่วไปสามารถเลือกใช้เครื่องวัดปริมาณแอลกอฮอล์จากลมหายใจ ชนิดตรวจคัดกรอง (Screening) เพื่อประเมินอาการมึนเมาเบื้องต้นด้วยตนเอง
- ขับเคลื่อนให้สถานบริการ ฯลฯ จัดหาเครื่องตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์จากลมหายใจไว้บริการแก่ลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าสามารถประเมินระดับความมึนเมา ก่อนไปขับขี่ยานพาหนะหลังการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- ประสานความร่วมมือ กับสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) พัฒนาการทดสอบเครื่องวัดปริมาณแอลกอฮออล์จากลมหายใจชนิดตรวจคัดกรอง โดยอ้างอิงข้อมูลที่เชื่อถือได้ เพื่อให้มีมาตรฐานของเครื่องมือที่มีจำหน่ายในท้องตลาด
อีกทั้ง กรมควบคุมโรค ได้ร่วมมือกับ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ทดสอบเครื่องวัดปริมาณแอลกอฮอล์จากลมหายใจในท้องตลาด โดยให้ข้อมูลดังนี้
ผลิตภัณฑ์เครื่องวัดปริมาณแอลกอฮอล์จากลมหายใจ สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่
- เครื่องเป่าวัดปริมาณจากลมหายใจแบบยืนยันผล เครื่องค่อนข้างมีราคาสูง เข้าถึงยาก ใช้ในสำนักงานตรวจแห่งชาติ และผลจากเครื่องสามารถใช้เป็นหลักฐานตามกฎหมายได้
- เครื่องวัดปริมาณแอลกอฮอล์ จากลมหายใจเบื้องต้น ชนิดคัดกรอง (Screening) เหมาะกับประชาชนทั่วไปและร้านค้า เนื่องจากราคาย่อมเยา เข้าถึงได้ อย่างไรก็ตามไม่สามารถใช้เป็นหลักฐานตามกฎหมายได้ แต่สามารถประเมินอาการตนเองคร่าวๆ ได้
ทางกรมวิทยาศาตร์การแพทย์ ได้ศึกษา เครื่องวัดปริมาณแอลกอฮอล์จากลมหายใจเบื้องต้น ชนิดคัดกรอง (Screening) ที่วางขายในท้องตลาดจำนวน 27 รุ่น พบว่า
รุ่นที่เป็นเซมิคอนดักเตอร์ 6 รุ่น และรุ่นที่เป็นชนิดไฟฟ้าเคมีมีจำนวน 5 รุ่น มีความคลาดเคลื่อนต่ำกว่า 10 มิลลิกรัมเปอร์เซนต์ ซึ่งยอมรับได้ สนนราคาตั้งแต่ 300 - 12,000 บาท
ทั้งนี้ การขับเคลื่อนดังกล่าว หากสำเร็จก็จะสามารถทำให้สถานประกอบการเป็นด่านหน้าที่จะคอยสกรีนคัดกรองนักท่องเที่ยวและประชาชนที่มาใช้บริการ และดื่มเครื่องดื่มแอลกฮอล์ทุกคน ประเมินอาการมึนเมาของตนเองเบื้องต้นก่อนขับขี่ยานพาหนะกลับบ้าน เพื่อป้องกันอุบัติเหตุบนท้องถนนอีกแรงหนึ่ง.
ที่มา


