ด่วน! กองทัพ ฯ เตือนหน่วยงานรัฐ-เอกชน เตรียมรับมือ ‘โจมตีไซเบอร์’
กองทัพภาคที่ 2 ออกโรงเตือนด่วน! หน่วยงานทั้งรัฐ-เอกชน ควรวางมาตรการป้องกันการ ‘โจมตีไซเบอร์’ พร้อมแนะวิธีปฏิบัติ
KEY
POINTS
- กองทัพภาคที่ 2 แจ้งเตือนหน่วยงานรัฐและเอกชนให้เตรียมรับมือการโจมตีทางไซเบอร์จากกลุ่มแฮกเกอร์ที่มีต้นทางจากประเทศกัมพูชา
- แนะให้หน่วยงานต่างๆ ดำเนินการเชิงรุกเพื่อตรวจสอบและปรับปรุงระบบความปลอดภัยไซเบอร์ เช่น การอัปเดตซอฟต์แวร์ และตรวจสอบระบบสำรองข้อมูล
- ให้กำหนดแนวปฏิบัติด้านความปลอดภัยสำหรับบุคลากร เช่น ระวังอีเมลและลิงก์ต้องสงสัย และตั้งรหัสผ่านที่ซับซ้อน
- หากพบการโจมตีหรือพฤติกรรมต้องสงสัย ให้รีบแจ้งเหตุไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ThaiCERT หรือ สกมช. เพื่อดำเนินการตอบสนอง
ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 “แจ้งเตือน” รับมือภัยสงครามไซเบอร์จากต่างประเทศ เร่งหน่วยงานไทยทั้งรัฐ-เอกชนตรวจสอบระบบ โดยระบุว่า
ตามที่ปรากฏข่าวสารเกี่ยวกับการปฏิบัติการโจมตีทางไซเบอร์จากกลุ่มแฮกเกอร์ที่มีต้นทางจากประเทศกัมพูชา โดยมีเป้าหมายมุ่งโจมตีระบบสารสนเทศของหน่วยงานต่าง ๆ ในประเทศไทย ทั้งภาคราชการ รัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของข้อมูล ความเชื่อมั่นของประชาชน รวมถึงเสถียรภาพในระดับประเทศ
หน่วยงานภาครัฐ และเอกชนจึงจำเป็นต้องเร่งดำเนินการเชิงรุกเพื่อตรวจสอบ ปรับปรุง และเตรียมความพร้อมในการป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์อย่างเป็นระบบ
มาตรการสำคัญที่ควรดำเนินการโดยเร่งด่วน ดังนี้
1. ประเมินและตรวจสอบระบบรักษาความปลอดภัยไซเบอร์ภายในองค์กร
สำรวจช่องโหว่ในระบบเครือข่าย ฐานข้อมูล และซอฟต์แวร์ที่ใช้งานอยู่, ตรวจสอบการตั้งค่าความปลอดภัยของ Firewall, Antivirus และระบบการพิสูจน์ตัวตน (Authentication), ตรวจสอบระบบสำรองข้อมูล (Backup System) ให้สามารถกู้คืนได้ในกรณีเกิดการโจมตี
2. อัปเดตระบบและซอฟต์แวร์อย่างสม่ำเสมอ
- ติดตั้ง Patch และอัปเดตระบบปฏิบัติการ และแอปพลิเคชันทุกตัวที่ใช้งานให้เป็นเวอร์ชันล่าสุด
- ปิดการทำงานของโปรแกรมหรือฟีเจอร์ที่ไม่จำเป็นซึ่งอาจเป็นช่องทางให้ผู้ไม่ประสงค์ดีเข้าถึง
3. กำหนดแนวปฏิบัติด้านความมั่นคงไซเบอร์
- ห้ามคลิกลิงก์จากแหล่งที่ไม่รู้จัก ห้ามใช้แฟลชไดรฟ์จากภายนอก
- ระวังอีเมล และลิงก์ต้องสงสัย ห้ามเปิดไฟล์แนบ หรือลิงก์จากผู้ส่งที่ไม่รู้จัก และตรวจสอบอีเมลให้แน่ชัดก่อนดำเนินการใดๆ
- เปลี่ยนรหัสผ่านบัญชีสำคัญอย่างสม่ำเสมอ ตั้งรหัสผ่านที่มีความยาวและความซับซ้อน
- ตรวจสอบ Log และกิจกรรมระบบที่ผิดปกติอย่างสม่ำเสมอ
4. ติดตามข่าวสาร การรายงานภัยคุกคาม และประกาศแจ้งเตือนภัยจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด เช่น
- สำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.)
- ศูนย์เฝ้าระวังความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ (ThaiCERT)
5. วางแผนรับมือและฟื้นฟูระบบ
- จัดทำ Cybersecurity Incident Response Plan สำหรับตอบสนองทันทีเมื่อเกิดเหตุ
- กำหนดเจ้าหน้าที่รับผิดชอบหลักในการประสานงานกับหน่วยงานภายนอก เช่น สกมช. หรือตำรวจไซเบอร์
6. ประสานความร่วมมือและแจ้งเหตุทันทีหากพบการโจมตี โดยหากพบพฤติกรรมหรือการโจมตีที่ต้องสงสัย
ควรแจ้งต่อ ThaiCERT ([email protected]) โทร.0-2114-3531 หรือศูนย์รับเรื่องร้องเรียนภัยคุกคามไซเบอร์ของ สกมช. เพื่อให้สามารถดำเนินการตรวจสอบและตอบสนองได้อย่างมีประสิทธิภาพ


