ไขคำตอบ! ทำไมการรักษาหนูน้อย KJ จึงเป็น 'เรื่องมหัศจรรย์' ของวงการแพทย์
โพสต์ทูเดย์ พาไขคำตอบ! ทำไมการรักษาหนูน้อย KJ จึงกลายเป็นยุคใหม่ของวงการแพทย์ โดยเฉพาะโรคพันธุกรรม ซึ่งถูกจัดเป็นโรคหายากที่กระทบต่อประชาชนกว่า 300 ล้านคนทั่วโลก
KEY
POINTS
- พบหนูน้อย เคเจ ป่วยด้วยโรคทางพันธุกรรมหายากหากไม่รักษาอาจถึงแก่ชีวิต จนต้องใช้วิธีการรักษาแบบใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นในโลก
- โพสต์ทูเดย์ พาไขคำตอบ! ทำไมการรักษาหนูน้อย เคเจ จึงกลายเป็นยุคใหม่ของวงการแพทย์
- 3 ส่วนประกอบหลักของเทคโนโลยีการรักษาหนูน้อย เคเจ ที่น่าตื่นเต้นและเป็นครั้งแรกของโลก!
เดือนกุมภาพันธ์ ปี 2568 หนูน้อย เคเจ มัลดูล ( KJ Muldoon ) เป็นหนึ่งในประจักษ์พยานสำคัญของวงการแพทย์โลก แม้จะมีอายุแค่เพียง 6 เดือน เพราะเด็กชายเคเจ คือมนุษย์คนแรกของโลกที่ได้รับการรักษาสำเร็จด้วยเทคโนโลยีการตัดต่อยีนเฉพาะบุคคล หรือเป็นการรักษาเฉพาะผู้ป่วยเพียงคนเดียว หมายถึง ยาที่หนูน้อยเคเจได้นั้น คิดขึ้นเพื่อเขาแค่เพียงคนเดียว ซึ่งจัดว่าเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญของวงการแพทย์ทั่วโลก หลังจากที่มนุษย์หมดแรงและทรัพยากรไปมหาศาลเพื่อค้นหาวิธีการรักษาดังกล่าว!
เรื่องราวน่าตกใจของหนูน้อยเคเจ
เพียงไม่กี่วันหลังการคลอด ... หนูน้อยเคเจ ถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคเมตาบอลิซึมหายาก และถูกส่งตัวไปยังโรงพยาบาลเด็กฟิลาเดเฟีย โรคนี้ทำให้ตับของเคเจไม่สามารถกำจัดแอมโมเนียออกจากร่างกายได้ ส่งผลให้แอมโมเนียสะสมจนอาจทำลายสมองอย่างถาวรหรือถึงแก่ชีวิต
สิ่งที่เคเจทำได้ มีเพียงแค่การอาศัยอยู่ในโรงพยาบาล เพื่อรอการปลูกถ่ายตับเมื่ออายุที่เหมาะสม!
โดยโรคนี้มีอัตราการพบอยู่ที่ 1 ใน 800,000 – 1.3 ล้านคนเท่านั้น
โรคนี้เป็นความผิดปกติด้านพันธุกรรม จัดอยู่ในโรคพันธุกรรมหายาก ที่เกิดจากความเสียหายในยีน CPS1 ยีนนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการทำงานของตับ เพื่อสร้างเอนไซม์เพื่อกำจัดแอมโมเนีย เมื่อยีนนี้บกพร่อง แอมโมเนียจึงสะสมในร่างกายจนเป็นพิษร้ายแรง
ทีมนักวิทยาศาสตร์ได้ถอดรหัสพันธุกรรมของ KJ และพบว่าจุดบกพร่องสำคัญที่พวกเขาต้องเอาชนะคือ
การกลายพันธุ์ชนิด Q335X ในยีน CPS1 ที่ได้รับมาจากพ่อ
เคเจ แสงแห่งความหวังของมวลมนุษยชาติ
จนกระทั่งหนูน้อยเคเจ อายุได้ 6 เดือน แพทย์จากโรงพยาบาลเด็กฟิลาเดลเฟีย ซึ่งเป็นสถานที่ซึ่งกำลังวิจัยการบำบัดด้วยเซลล์และยีนแบบใหม่อยู่ ได้เข้ามาดูอาการของเคเจ และตัดสินใจที่จะรักษาเขาโดยใช้เทคโนโลยีตัดต่อยีนในการรักษา ที่เรียกว่า CRISPR
CRISPR (Clustered Regularly Interspaced Short Palindromic Repeats) คือเครื่องมือทางพันธุวิศวกรรมที่สามารถแก้ไขยีนผิดปกติในจีโนมมนุษย์ได้อย่างแม่นยำ แม้ว่าเครื่องมือนี้มีความซับซ้อนและมีรายละเอียดสูงมาก แต่ที่ผ่านมานักวิจัยมักพัฒนาเพื่อใช้กับโรคที่พบได้บ่อย เช่น โรคโลหิตจางชนิดเคียว (sickle cell disease) และ เบต้า-ธาลัสซีเมีย (beta thalassemia) ซึ่งเป็นสองโรคที่มีการอนุมัติให้ใช้การรักษาด้วย CRISPR โดยสำนักงานอาหารและยาแห่งสหรัฐฯ (FDA)
เมื่อ CRISPR ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ทำไมสำหรับกรณีของเคเจ จึงน่าตื่นเต้นจนกระทั่งหน้าสื่อหลายเจ้าของเมืองนอก บอกว่านี่คือเป็นครั้งแรกของโลก ด้วยเรื่องอะไร? นั่นคือคำถามที่ โพสต์ทูเดย์ จะพาคนไทยไปหาคำตอบกัน
โพสต์ทูเดย์ ติดต่อสัมภาษณ์ ศาสตราจารย์ นายแพทย์ วรศักดิ์ โชติเลอศักดิ์ ผู้อำนวยการศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านเวชพันธุศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย และได้รับคัดเลือกให้เป็นนักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี 2555 และที่ปรึกษาทางเทคนิคด้านจีโนม จากองค์การอนามัยโลก ถึงประเด็นนี้
“หนูน้อยเคเจ มีความผิดปกติจากพันธุกรรมแค่ 1 จุด (2 ก้อปปี้) จาก 6 พันล้านจุด”
อาจารย์วรศักดิ์เกริ่นเพื่อให้เห็นภาพความยากของการแก้ไขพันธุกรรมครั้งนี้ ซึ่งโดยปกติพันธุกรรมของมนุษย์เรามีกว่า 6 พันล้านจุด
“เด็กคนนี้เล่าง่ายๆ คือ ไม่สามาถย่อยโปรตีนได้ ถ้าเกิดกินกินโปรตีนเข้าไปจะกลายเป็นสารพิษทันที พัฒนาการจึงช้าและเสียชีวิตได้ครับ สิ่งที่คุณหมอที่อเมริกาทำคือ สร้างเครื่องมือหนึ่งขึ้นมา ประกอบด้วย 3 ส่วนหลักๆ ส่วนแรกผมขอเรียกว่าเป็น ‘พาหนะ’ เป็นพาหนะที่จะนำเครื่องมืออีก 2 ส่วนเข้าไปในเซลล์ที่ต้องการ ในกรณีนี้คือตับ”
คุณหมอวรศักดิ์เล่าว่า ปกติร่างกายมนุษย์จะมีเซลล์หลากหลายชนิดเพราะมีอวัยวะมากมาย โดยพาหนะที่สร้างก็เหมือนรถบรรทุกที่จะต้องขับตรงไปที่ตับให้ได้! สิ่งที่นักวิจัยสร้าง คือ Lipid nanoparticles (อนุภาคไขมัน)
“เครื่องมือส่วนที่ 2 คือ ส่วนที่ต้องทำงาน ผมขอเรียกว่า 'หัวจรวดนำวิถี' คือเป็นตัวที่ส่งส่วนที่ 3 ไปถึงจุดหมายที่ตัวพันธุกรรมผิดปกติ อย่างที่ผมเรียนว่าเรามีหน่วยพันธุกรรมตั้ง 6,000 ล้านหน่วย ถ้าให้เปรียบก็คือเท่ากับประชากรบนโลกใบนี้ ซึ่งมีอยู่ราวๆ 8,000 ล้านคน แล้วคนไหนล่ะที่ผิดปกติ นี่คือส่วนที่ 2 ที่เรียกว่า Guide RNA ”
ซึ่ง Guide RNA จะมีหน้าที่ในการนำ CRISPR ซึ่งเป็นส่วนที่ 3 เข้าไป
“CRISPR ก็คือ 'ช่างซ่อม' ครับ สามารถไปแก้ไขสารพันธุกรรมที่ผิดปกติแค่หนึ่งหน่วยย่อยนั้น และในกรณีนี้ทีมวิจัยสามารถซ่อมได้สำเร็จ เหมือนนิยายวิทยาศาสตร์นะครับ แต่มันก็ทำได้แล้ว”
โพสต์ทูเดย์ ถามหมอวรศักดิ์ว่า
เทคโนโลยี CRISPR จะเกิดขึ้นมานานแล้ว แต่ความสำเร็จของกรณีหนูน้อยเคเจ ทำไมถึงน่าตื่นเต้นนัก?
“ เทคโนโลยีการซ่อมแซมพันธุกรรมมีหลายรูปแบบ มีมานานราว 8 ปีแล้ว แต่สิ่งที่เกิดขึ้นนี้น่าประทับใจและน่าตื่นเต้นมาก เพราะว่า เขาสามารถฉีด 3 ส่วนที่ว่านี้เข้าไปในร่างกายของผู้ป่วย โดยไม่ได้เอาอะไรออกมา ก็คือฉีดรถบรรทุกเข้าไป ซึ่งบรรทุกหัวรบนำวิถีกับ CRISPR ทีเดียว แล้วมันก็พาไปที่ตับเลย
แตกต่างจากก่อนหน้านี้ แม้จะมีเทคโนโลยี CRISPR แต่จะต้องนำส่วนที่ 2 กับ 3 มาเลี้ยงในหลอดทดลองในห้องปฏิบัติการ เพราะว่าเรายังไม่เคยมีรถบรรทุกที่ดีมาก่อน เรายังไม่รู้ว่าจะเอาส่วนที่ 2 กับ 3 เข้าไปถึงตรงนั้นยังไง
"ส่วนนี้น่าตื่นเต้นมากเลยครับ" คุณหมอวรศักดิ์ย้ำอีกครั้ง
" เพราะการที่ต้องเอาเซลล์ของผู้ป่วยออกมาเลี้ยงข้างนอกยากกว่ามาก เราต้องเลี้ยงเซลล์ในห้องปฏิบัติการ ซึ่งต้องมีมาตรฐาน ต้องเลี้ยงเซลล์ใช้เวลาหายไปอีกหลายสัปดาห์กว่าเซลล์จะโต แล้วก็ต้องไปฆ่าเซลล์เดิมด้วย ไม่งั้นเซลล์ใหม่ที่เรานำเข้าไปจะสู้เซลล์เดิมไม่ได้อีก เพราะอย่างนั้นมันยาก เสียเวลา และแพงกว่าครับ
นอกจากนี้ ช่างซ่อม (CRISPR) ที่เขานำเข้าไป ก็เป็นการแก้ไขความผิดปกติจำเพาะแค่จุดเดียว เขาถึงบอกว่า
"ยาที่สร้างนี้อาจจะไม่มีโอกาสได้ใช้อีกเลยก็ว่าได้ เพราะมันใช้ได้แค่เฉพาะกับเด็กคนนี้คนเดียว"
สำหรับ ขั้นตอนกว่าที่จะได้ยาตัวนี้ ดร.รีเบคกา อาเรนส์ นิกลาส (Rebecca Ahrens-Nicklas) และ ดร.คิราน มูสุนูรู (Kiran Musunuru) ศาสตราจารย์ด้านการวิจัยแห่งคณะแพทยศาสตร์เพอเรลแมน มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย (Penn’s Perelman School of Medicine) ใช้เวลาเพียง 6 เดือน ก็สามารถออกแบบและผลิตได้ ในช่วงปลายเดือน กุมภาพันธ์ 2025 เคเจได้รับการให้ยาแบบฉีดเข้าทางหลอดเลือด (infusion) ครั้งแรก และหลังจากนั้น เขาได้รับ ยาซ้ำอีกในเดือนมีนาคมและเมษายน ปี 2025
“กระบวนการที่นักวิจัยกลุ่มนี้ทำน่าตื่นเต้นมาก
เพราะตอนนี้เขารู้แล้วว่าสามารถสร้างรถบรรทุกไปถึงเซลล์ที่ต้องการได้จริง
สร้างหัวรบนำวิถีไปถึงจุดที่ผิดปกติได้จริง ก็แค่สร้างช่างคนใหม่ที่สามารถซ่อมจุดใหม่ๆ ในร่างกายได้
แม้ว่าต่อจากนี้มันก็ยังมีขั้นตอนที่ยากมากรออยู่ แต่ว่าสิ่งที่ทำให้เห็นคือ คอนเซปต์นี้ทำได้จริง”
ผู้อำนวยการศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านเวชพันธุศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย กล่าว
.
.
กรณีของหนูน้อยเคเจ มนุษย์คนแรกที่ใช้วิทยาการใหม่ล่าสุดของโลกรักษา ตอกย้ำถึงทิศทางของพัฒนาการทางการแพทย์ ที่มุ่งไปสู่ 'การแพทย์เฉพาะบุคคล' มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการต่อสู้กับโรคทางพันธุกรรมที่มีมากกว่า 10,000 โรคและมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกสัปดาห์ ทุกเดือน ซึ่งเป็นโรคหายากที่ส่งผลกระทบกับมนุษย์กว่า 300 ล้านคนทั่วโลก.
ขอขอบคุณ
ศาสตราจารย์ นายแพทย์ วรศักดิ์ โชติเลอศักดิ์ ผู้อำนวยการศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านเวชพันธุศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย


