posttoday

ดัน 'ใช้ยาสมเหตุผล' ลดค่ายาเกินจำเป็นได้ 1.6 หมื่นล้านในเวลา 2 ปี

10 กรกฎาคม 2568

กระทรวงสาธารณสุข ผลักดัน 'การใช้ยาอย่างสมเหตุผล' เพื่อช่วยลดค่ายาที่เกินจำเป็นในระยะเวลา 2 ปี ได้แล้วกว่า 1.6 หมื่นล้านบาท พร้อมเดินหน้าประกาศ 5 แนวทางขับเคลื่อนต่อ

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้ปาฐกถาพิเศษ เรื่อง ขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ประเทศใช้ยาอย่างสมเหตุผล ในการประชุมสัมมนาระดับชาติ ด้านการส่งเสริมการใช้ยาอย่างสมเหตุผล ครั้งที่ 1 เมื่อวานนี้ (9 กรกฎาคม 2568) โดยระบุว่า

กว่าทศวรรษที่ผ่านมา ประเทศไทยได้ขับเคลื่อนการใช้ยาอย่างสมเหตุผล หรือ Rational Drug Use (RDU) อย่างต่อเนื่องและจริงจัง โดยมีเป้าหมายที่จะยกระดับคุณภาพการรักษา ลดความเสี่ยงจากการใช้ยาเกินความจำเป็น และป้องกันปัญหาระดับโลก อย่างเชื้อดื้อยา โดยมีผลการดำเนินงานที่เห็นได้ชัดเจน ได้แก่ การใช้ยาอย่างสมเหตุผลผ่านกลไกบัญชียาหลักแห่งชาติ

 

ช่วยให้ภาครัฐลดค่าใช้จ่ายด้านยาที่เกินจำเป็น ในปี 2565-2567 ได้มากกว่า 16,900 ล้านบาท ลดค่าใช้จ่ายในการรักษาผู้ป่วยโรคไต จากการเฝ้าระวังการใช้ยาที่ไม่เหมาะสม เช่น เอ็นเสด (NSAIDs) ได้มากกว่า 4,000 ล้านบาทต่อปี

 

ลดการใช้ยาปฏิชีวนะที่ไม่จำเป็น ในโรคหวัด ไอ เจ็บคอ ท้องเสีย ในปี 2560-2566 ทำให้ประหยัดงบประมาณมากกว่า 300 ล้านบาท และลดค่าใช้จ่ายในการใช้ยารักษาโรคเบาหวานเกินจำเป็น เกือบ 50 ล้านบาท

 

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.กระทรวงสาธารณสุข

 

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และรองประธานคณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติ ขอประกาศนโยบายที่สำคัญ และเชิญชวนทุกคน ร่วมกันเป็นพลังขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงระบบสุขภาพ เพื่อนำพาประเทศไทยก้าวสู่การเป็น "ประเทศใช้ยาอย่างสมเหตุผล" อย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน ผ่านแนวทางหลัก 5 ประการ คือ

  1. หน่วยงานภาครัฐ และสถานบริการสุขภาพทุกระดับ ทั้งรัฐและเอกชน จะจัดให้มีระบบที่เอื้อต่อการใช้ยาอย่างสมเหตุผล พร้อมทั้งกำกับดูแลอย่างมีประสิทธิภาพ โปร่งใส และมีส่วนร่วม
  2. บุคลากรด้านสุขภาพ เป็นต้นแบบในการใช้ยาอย่างมีวิจารณญาณ ร่วมพัฒนาและใช้แนวทางการรักษา บนหลักฐานเชิงประจักษ์ รวมทั้งมีขีดความสามารถเป็นผู้นำด้าน RDU
  3. สถาบันการศึกษาทุกระดับ จะปรับปรุงหลักสูตร และเสริมสร้างทักษะความรู้เท่าทันยาและผลิตภัณฑ์สุขภาพ แก่คนรุ่นใหม่
  4. สื่อและสังคม ร่วมกันสร้างระบบสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ ถูกต้องและต่อเนื่อง เพื่อสร้างความรู้เท่าทันต่อการใช้ยา และการดูแลสุขภาพตนเองของประชาชน
  5. ประชาชนทุกคน มีสิทธิเข้าถึงข้อมูล ความรู้ เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพที่ถูกต้องและปลอดภัย เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจ ดูแลสุขภาพของตนเองและครอบครัว

 

นอกจากนี้ ตนขอเชิญชวนทุกภาคส่วน มาร่วมกันเป็นพลังขับเคลื่อน ที่เปลี่ยนการใช้ยาอย่างสมเหตุผล จากนโยบายให้กลายเป็นวัฒนธรรมของสังคมไทย กลายเป็นวิถีปฏิบัติของบุคลากรในระบบสุขภาพ และของทุกครอบครัวไทย “เพราะทุกคน คือ พลังขับเคลื่อน สู่ประเทศใช้ยาอย่างสมเหตุผล”

 

ดัน 'ใช้ยาสมเหตุผล' ลดค่ายาเกินจำเป็นได้ 1.6 หมื่นล้านในเวลา 2 ปี

 

การใช้ยาอย่างสมเหตุผล แนวคิด 'เพื่อลดการดื้อยา ผลข้างเคียง และค่าใช้จ่ายเกินจำเป็น'

การใช้ยาอย่างสมเหตุผล (Rational Drug Use หรือ RDU) เป็นแนวคิดที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ส่งเสริม เพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์จากยาอย่างปลอดภัย มีประสิทธิภาพ และคุ้มค่า โดยไม่ก่อให้เกิดผลเสีย เช่น การดื้อยา ผลข้างเคียง หรือค่าใช้จ่ายที่เกินจำเป็น 

 

โดยมีหลักการสำคัญ อาทิ การใช้ยาเฉพาะเมื่อจำเป็น ไม่ใช้ยาฟุ่มเฟือย เช่น ยาปฏิชีวนะในโรคที่หายเองได้  เลือกใช้ยาอย่างเหมาะสมกับโรคและผู้ป่วย คำนึงถึงอายุ เพศ ภาวะแทรกซ้อน ยาที่ใช้ร่วม  ใช้ขนาดยาและระยะเวลาในการใช้ที่ถูกต้อง  ป้องกันการดื้อยา หรือผลข้างเคียงจากการใช้เกินหรือขาด และผู้ป่วยมีส่วนร่วมและเข้าใจการใช้ยา เช่น รู้วิธีใช้ยาอย่างถูกต้อง และทราบถึงผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น

 

ในขณะที่ประเทศไทยเคยมีการสำรวจว่าสามารถลดค่าใช้จ่ายด้านยาเกินจำเป็นได้กว่า 1.6 หมื่นล้านบาทในระยะเวลา 2 ปี สำหรับในประเทศอื่นๆ เช่น สหรัฐอเมริกา ในปี 2012 พบว่า 1 ใน 3 (ของค่าใช้จ่ายยา) หรือประมาณ 750 พันล้านดอลลาร์ เป็นส่วนที่เกิดจากจากการใช้ยาและบริการทางการแพทย์เกินความจำเป็น ในขณะที่องค์กร SIRUM ระบุว่าในสหรัฐมียาใช้แล้วหรือยาที่ยังไม่เปิดบรรจุภัณฑ์มูลค่าประมาณ 5 พันล้านดอลลาร์ ถูกทิ้งในแต่ละปี.

ข่าวล่าสุด

ไทยพาณิชย์-FWD คว้า 3 รางวัล Adman Awards 2025 ตอกย้ำเข้าถึงลูกค้าทุก Gen ด้วย "ประกันทรัพย์พอร์ตทุกวัย"