posttoday

สปสช. ไฟเขียว 'ฮอร์โมนสำหรับคนข้ามเพศ' รับได้ทุกสิทธิ

07 กรกฎาคม 2568

ล่าสุด! บอร์ด สปสช. ไฟเขียว 'ฮอร์โมนสำหรับคนข้ามเพศ 6 ตัว' รับได้ทุกสิทธิ ในสถานพยาบาลซึ่งผ่านหลักเกณฑ์ที่กำหนด

วันนี้ 7 กรกฎาคม 2568 ที่ประชุมบอร์ด สปสช. อนุมัติ 'ฮอร์โมนเพื่อการยืนยันเพศสภาพ' เป็นสิทธิประโยชน์ด้านการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หมายความว่า 'สามารถรับได้ทุกสิทธิ ทุกคน' ที่ต้องการฮอร์โมน ทั้งนี้ข้อเสนอดังกล่าวเป็นไปตามมติคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาิตครั้งที่ 7/2566 ที่เห็นชอบบริการด้านสุขภาพสำหรับกลุ่มคนข้ามเพศ  

 

โดยที่ประชุมเห็นชอบเพิ่มรายการยาฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องจำนวน 6 รายการ ได้แก่

  1. ยาลิวโพรเรลลิน หรือ ยาทริปโทเรลลิน  
  2. ยาเอสตร้าดิออล
  3. ยาทาเอสตร้าดิออล
  4. ยาเทสโทสเตอโรน
  5. ยาไซโปรเทอโรนแอสิเตรต
  6. ยาสไปโรโนแลตโตน  

ทั้งหมดภายใต้วงเงินไม่เกิน 145.625 ล้านบาท 

 

สปสช. ไฟเขียว 'ฮอร์โมนสำหรับคนข้ามเพศ' รับได้ทุกสิทธิ

 

 

 

รายละเอียดมติสำคัญ

ที่ประชุมบอร์ด สปสช. ได้มีมติสำคัญ ดังนี้

  1. เห็นชอบ ให้บริการฮอร์โมนเพื่อการยืนยันเพศสภาพ เป็นสิทธิประโยชน์ด้านการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นคนไทยทุกคนทุกสิทธิที่เป็นบุคคลข้ามเพศหรือและผู้มีความหลากหลายทางเพศที่จำเป็นต้องได้รับบริการ จำนวน 20,000 คน 
  2. เห็นชอบ การเพิ่มรายการยาฮอร์โมนที่เกี่ยวข้อง 6 รายการ ในแผนการจัดหายาฯ ตามโครงการพิเศษ ภายใต้วงเงินงบประมาณปี 2568 ไม่เกิน 145.625 ล้านบาท ประกอบด้วย ยาฉีดลิวโพรเรลลิน (leuprorelin) หรือ ยาฉีดทริปโทเรลลิน (triptorelin), ยาเม็ดเอสตร้าดิออล (17 beta-estradiol), ยาทาเอสตร้าดิออล (0.06% estradiol transdermal), ยาฉีดเทสโทสเตอโรน (testosterone enanthate), ยาเม็ดไซโปรเทอโรนแอสิเตรต (cyproterone acetate) และยาเม็ดสไปโรโนแลคโตน (spironolactone) 
  3. มอบให้ สปสช. ดำเนินการให้ "องค์กรภาคประชาสังคมที่จัดบริการด้านฮอร์โมนเพื่อการข้ามเพศ" สามารถขึ้นทะเบียนเป็นสถานบริการสาธารณสุขอื่นตามมาตรา 3 เพื่อเพิ่มช่องทางการเข้าถึงบริการสำหรับกลุ่มเป้าหมาย พร้อมทั้งเตรียมระบบรองรับและจัดทำประกาศหลักเกณฑ์การเบิกจ่ายให้มีผลบังคับใช้ต่อไป
  4. มอบ สปสช. ส่งรายการยาที่ใช้เพื่อบริการกลุ่มประชากรข้ามเพศ ที่อยู่ในแนวเวชปฏิบัติ (CPG) ของสมาคมเพื่อการพัฒนาสุขภาพบุคคลข้ามเพศและเพศหลากหลาย (Thai-PATH) แต่ยังไม่อยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติ ได้แก่ ยาต้านฮอร์โมนเพศชาย (anti-androgens), Estradiol hemihydrate tablet, ฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน (testosterone undecanoate ชนิดฉีด) ให้คณะอนุกรรมการบัญชียาหลักแห่งชาติเพื่อพิจารณานำเข้าบัญชียาหลักแห่งชาติต่อไป

 

ด้าน นายจเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสปสช. กล่าวว่า หลังจากวันนี้ในวิธีการจะเป็นการซื้อยากระจายไปตามหน่วยบริการต่างๆ ทั่วประเทศ ผ่านโรงพยาบาลราชวิถีและองค์การเภสัชกรรมในการจัดซื้อ  โดยหลักการของกฎหมายนั้นเมื่อมีมติวันนี้แล้วจึงถึงว่าใช้ได้ หากโรงพยาบาลไหนให้การบริการไปในวันนี้ก็สามารถสนับสนุนไปก่อน และเบิกคืน 

สำหรับหลักเกณฑ์ของโรงพยาบาลต่างๆ ก็จะมีการออกหลักเกณฑ์ มาตรฐานเพื่อคัดเลือกเป็นเกณฑ์เบื้องต้น เพื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป ซึ่งในกรณีดังกล่าวจะมีการหารือร่วมกับราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์เพื่อออกกฎเกณฑ์ดังกล่าว  แม้ว่าตามหลักกฎหมายจะออกมาเป็นมติและสามารถใช้งบประมาณได้แล้วก็ตาม โดยโรงพยาบาลในประเทศไทยหลายแห่งได้มีการให้บริการอยู่แล้ว แต่เชื่อว่าไม่ใช่ทุกโรงพยาบาล ซึ่งต่อไปต้องมีการอบรมตามมาตรฐานที่มี ครอบคลุมทั่วประเทศทั้งโรงพยาบาลและหน่วยงานภาคประชาชน เนื่องว่ากลุ่มของคนข้ามเพศนั้นมีความเฉพาะ จึงจำเป็นต้องทำงานร่วมกับหน่วยงานภาคประชาชนด้วย

ทั้งนี้ เชื่อว่าแม้จะมีการสำรวจว่ามีผู้ที่ต้องการฮอร์โมนราว 20,000 ราย แต่ในความเป็นจริงเชื่อว่าน่าจะถึงหลักแสนคน

 

" ขั้นตอนการรับฮอร์โมน ขึ้นอยู่กับเพศสภาพ และต้องเข้ามาปรึกษาก่อนที่จะรับฮอร์โมน เพราะงบก้อนนี้เป็นงบสร้างเสริมป้องกันโรค ไม่ใช่การรักษา เพราะคนกลุ่มนี้ไม่ใช่คนป่วย การใช้ยาก็เพื่อการป้องกัน หากเพศสภาพไม่ตรงก็ต้องมีการตรวจสอบ จึงต้องเข้างบส่วนนี้เพื่อให้มีการปรึกษาก่อน " นพ.จเด็จกล่าว

ข่าวล่าสุด

ไทยพาณิชย์ชู 3 แกนพัฒนาคน รับรางวัล HR Leader for Social Impact 2025