posttoday

ขั้นกว่าของ BCI สู่โอกาสในการฟื้นฟูร่างกายผู้ป่วยอัมพาต

23 พฤษภาคม 2568

เทคโนโลยี brain-spinal interface คืนการเดินให้ผู้ป่วยอัมพาตด้วยการเชื่อมสัญญาณสมองตรงสู่ไขสันหลัง ฟื้นฟูการเคลื่อนไหวได้โดยไม่พึ่งคอมพิวเตอร์

หลายท่านคงเคยได้ยินหรือรู้จักเทคโนโลยี BCI หรือ Brain-computer interface กันมาบ้าง กับการฝังชิปเข้าสู่สมองหรือเส้นประสาทเพื่อสั่งการคอมพิวเตอร์โดยตรง มีประโยชน์เป็นอย่างยิ่งโดยเฉพาะในกลุ่มผู้ป่วยอัมพาคหรือโรคทางระบบประสาท เปิดโอกาสให้พวกเขาติดต่อสื่อสารกับโลกภายนอกได้อีกครั้ง

 

แต่จะเป็นอย่างไรถ้าเทคโนโลยีไม่ได้ทำเพียงสื่อสารแต่ยังอาจช่วยฟื้นฟูร่างกายพวกเขาได้

 

ขั้นกว่าของ BCI สู่โอกาสในการฟื้นฟูร่างกายผู้ป่วยอัมพาต

 

Brain-spinal interface โอกาสฟื้นฟูผู้ป่วยอัมพาต

 

ผลงานนี้เป็นของทีมวิจัยจาก Shanghai’s Fudan University ประเทศจีน กับการพัฒนา brain-spinal interface อุปกรณ์ชนิดใหม่ที่พวกเขาทำการคิดค้น ไม่เพียงนำสมองและระบบประสาทเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ แต่อาจช่วยฟื้นฟูผู้ป่วยได้โดยตรง

 

ตามปกติ BCI จะอาศัยการฝังอิเล็กโทรดเข้ากับสมอง จากนั้นใช้สัญญาณไฟฟ้าในการแปลงข้อมูลคลื่นสมองมาเชื่อมต่อและสั่งการคอมพิวเตอร์ภายนอก แต่ brain-spinal interface จะอาศัยการส่งผ่านสัญญาณไฟฟ้าเหล่านี้เข้าสู่ระบบประสาทโดยตรง เพื่อกระตุ้นประสาทสั่งการของผู้ป่วย

 

ขั้นตอนการใช้งานเริ่มต้นจากการผ่าตัดฝังอิเล็กโทรดขนาด 1 มิลลิเมตรเข้าสู่สมองส่วนควบคุมการเคลื่อนไหว และไขสันหลังส่วนที่เชื่อมต่อกับขา ทำให้เมื่อมีสัญญาณไฟฟ้าไหลผ่านอุปกรณ์ มันจะถูกส่งไปกระตุ้นรากประสาทในไขสันหลังเพื่อกระตุ้นและฟื้นฟู้ความเสียหาย โดยพวกเขาเรียกกระบวนการนี้ว่า Neural remodeling

 

ในขั้นตอนทดสอบกับมนุษย์ โดยทำการผ่าตัดติดตั้งเข้ากับผู้ป่วยอัมพาตมาเป็นเวลา 2 ปีพบว่า หลังการผ่าตัดประสาทสัมผัสบริเวณขาและเท้าเริ่มกลับมา 24 ชั่วโมงหลังจากนั้นเริ่มกลับมาขยับขาได้อีกครั้ง และในเวลาเพียง 2 อาทิตย์เขาก็สามารถเดินได้ 5 เมตรโดยอาศัยโครงช่วยพยุง

 

นี่จึงถือเป็นก้าวกระโดดครั้งสำคัญของเทคโนโลยี BCI ที่อาจช่วยเหลือผู้ป่วยได้ดียิ่งกว่า

 

ขั้นกว่าของ BCI สู่โอกาสในการฟื้นฟูร่างกายผู้ป่วยอัมพาต

 

อนาคตของเทคโนโลยีช่วยเหลือผู้ป่วยอัมพาต

 

แน่นอนว่าเมื่อเปรียบเทียบกับ BCI ต้นตำรับ brain-spinal interface มีจุดเด่นในการใช้งานการแพทย์สูงกว่ามาก เปลี่ยนจากการส่งข้อมูลเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์เข้าสู่ระบบประสาทโดยตรง ทำให้ในเชิงการแพทย์นี่อาจเป็นเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพยิ่งกว่า Neuralink เสียอีก

 

จริงอยู่อุปกรณ์ BCI รุ่นใหม่หวือหวาและมีประสิทธิภาพมากขึ้น มีข่าวพัฒนาการของเทคโนโลยีให้เห็นอยู่ทั่วไป ช่วยให้ผู้ป่วยอัมพาตสามารถพิมพ์ พูดคุย ใช้คอมพิวเตอร์ เล่นเกม ท่องโซเชียลมีเดีย หรือแม้แต่การเชื่อมต่อเข้ากับอุปกรณ์อัจฉริยะและหุ่นยนต์ดูแล เปิดโอกาสให้คนที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้มีโอกาสใช้ชีวิตอีกครั้ง

 

อย่างไรก็ตามการพึ่งพา BCI ยังมีข้อจำกัด ทั้งการพึ่งพาอัลกอริทึมสำหรับตีความสัญญาณไฟฟ้า ในกรณีอัลกอริทึมขัดข้องอาจเกิดปัญหาในการใช้งาน, ตัวระบบต้องเชื่อมต่อกับอุปกรณ์หลายชนิดจึงอาจใช้เวลาฝึกนาน ที่สำคัญคือผู้ป่วยต้องพึ่งพาอุปกรณ์ตลอดเวลา จนอาจสร้างอึดอัดไม่สบายใจได้เช่นกัน

 

ในขณะที่ brain-spinal interface นั้นแตกต่าง สัญญาณไฟฟ้าและคำสั่งไม่ได้รั่วไหลออกภายนอกแต่ส่งผ่านสู่ระบบประสาทเราโดยตรง ไม่ต้องกังวลเรื่องอัลกอริทึมตีความคลาดเคลื่อน อีกทั้งไม่จำเป็นต้องพึ่งพาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มากมาย ลดภาระความยุ่งยากและค่าใช้จ่าย

 

แต่ส่วนสำคัญที่สุดคือโอกาสในการหายกลับมาเป็นปกติ ผู้ป่วยรายล่าสุดเป็นผู้เข้าร่วมทดลองรายที่สี่มีแนวโน้มฟื้นตัวดีเยี่ยม แต่ผู้เข้าร่วมการทดสอบรายอื่นก็แสดงสัญญาณแนวโน้มการฟื้นตัวที่ดี สามารถกลับมาขยับร่างกายนส่วนล่างและเริ่มกลับมาเดินได้ภายในเวลาไม่กี่อาทิตย์

 

นี่จึงถือเป็นโอกาสสำคัญ เพราะสำหรับผู้ป่วยอัมพาตไม่มีอะไรน่ายินดีกว่าการกลับมาเดินด้วยขาของตัวเองอีกแล้ว

 

 

 

ตัวเทคโนโลยีอาจยังอยู่ในระหว่างการวิจัยและพัฒนาแต่มีแนวโน้มน่าสนใจ กระนั้นไม่ได้หมายความว่าประโยชน์ของ BCI จะหมดไป brain-spinal interface ช่วยเหลือได้เพียงผู้ป่วยอัมพาตจากการบาดเจ็บของไขสันหลังเท่านั้น แต่สำหรับผู้ป่วยโรคอื่น เช่น ALS หรือต้องการใช้งานเทคโนโลยีล้ำยุค BCI ก็ยังเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจเช่นเดิม

 

 

 

ที่มา

 

https://www.fudan.edu.cn/en/2025/0305/c344a144344/page.htm

 

ข่าวล่าสุด

เปิด Top 3 ดวงขึ้นแรงสุด 12 นักษัตร นักธุรกิจ ใครปัง รับปีม้าไฟ