เปิดพิกัด 3 แอปฯ เด็ด ติดโควิด อาการไม่หนัก หาหมอออนไลน์ รักษาฟรี!
ป่วยโควิด อาการไม่หนัก "หาหมอออนไลน์" รักษาผ่านแอปฯ ฟรี! รัฐบาลย้ำ ปลอดภัย หายห่วง ไม่จำเป็นต้องรับยาต้านไวรัสทุกราย
นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลโดยสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และกระทรวงสาธารณสุข ยืนยันแนวทางการดูแลผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีอาการไม่รุนแรง
สามารถเข้ารับบริการผ่าน "หาหมอออนไลน์" หรือ Tele-medicine ได้ฟรี ผ่าน 3 แอปพลิเคชันสุขภาพชั้นนำ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย และย้ำว่าการดูแลเป็นไปตามคำแนะนำของกรมการแพทย์ มั่นใจปลอดภัยกับผู้ป่วยแน่นอน
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงเพิ่มเติมว่า ผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีอาการไม่หนัก ไม่จำเป็นต้องได้รับยาต้านไวรัสทุกราย เนื่องจากส่วนใหญ่สามารถหายได้เอง โดยแนวทางการดูแลจะเน้นการรักษาตามอาการ และอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด
3 แอปพลิเคชันหาหมอออนไลน์ ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย
เพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนเข้าถึงบริการทางการแพทย์ได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย สปสช. ได้ร่วมมือกับแพลตฟอร์ม Tele-medicine ชั้นนำ 3 แห่ง
ซึ่งผู้ป่วยโควิด-19 และผู้มีสิทธิบัตรทองที่มีอาการเจ็บป่วยเล็กน้อย 42 อาการ สามารถใช้บริการได้ฟรี ดังนี้:
1. Saluber MD (ซาลูเบอร์ เอ็ม ดี)
ดำเนินการโดยสุขสบายคลินิกเวชกรรม แอปพลิเคชันนี้ให้บริการปรึกษาแพทย์ออนไลน์ฟรีสำหรับผู้ป่วยโควิด-19 และผู้มีสิทธิบัตรทอง 42 อาการเจ็บป่วยเล็กน้อย
โดยส่วนใหญ่จำกัดพื้นที่ให้บริการในกรุงเทพมหานคร Saluber MD ช่วยให้ผู้ใช้สามารถนัดหมายและปรึกษาแพทย์ทางไกลผ่านวิดีโอคอลบน LINE และรับยาได้ฟรีภายใต้โครงการ 30 บาทรักษาทุกที่
บริการเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2566 และใช้งานได้ทั้งบนสมาร์ทโฟนและคอมพิวเตอร์
2. Clicknic (คลินิก)
ดำเนินการโดยคลิกนิกเฮลท์คลินิกเวชกรรม Clicknic เป็นแพลตฟอร์ม Tele-medicine ที่ให้บริการดูแลสุขภาพออนไลน์แบบครบวงจร
ทั้งการปรึกษาแพทย์ผ่านวิดีโอคอลและการจัดส่งยาถึงบ้าน จุดเด่นคือการจัดจำหน่ายยา Molnupiravir ให้กับกลุ่มผู้ป่วยโควิด-19 ที่เปราะบางทั่วประเทศ
และยังให้บริการฟรีสำหรับผู้มีสิทธิบัตรทองใน 42 อาการเจ็บป่วยเล็กน้อย แอปพลิเคชันนี้ได้รับคะแนนรีวิวสูงจากผู้ใช้ในด้านความรวดเร็วและบริการที่ฟรีครบวงจร
ผู้ใช้สามารถเข้าสู่ระบบ แจ้งอาการ ปรึกษาแพทย์ผ่านวิดีโอคอลหรือโทรศัพท์ และรอรับยาที่จัดส่งตรงถึงบ้าน
โดยเครือข่ายแพทย์ของ Clicknic ได้รับการรับรองและฝึกอบรมมาโดยเฉพาะสำหรับการปรึกษาออนไลน์ ครอบคลุมอาการทั่วไปที่ไม่ใช่กรณีฉุกเฉิน เช่น ปัญหาทางเดินหายใจ อาการปวดต่างๆ อาการทางผิวหนัง และปัญหาทางเดินอาหาร
3. Mordee (หมอดี)
ดำเนินการโดยชีวีบริรักษ์ คลินิกเวชกรรม เป็นแพลตฟอร์มสุขภาพอัจฉริยะที่มีเครือข่ายแพทย์และผู้เชี่ยวชาญกว่า 500 ท่านในกว่า 20 สาขาเฉพาะทาง
ผู้ใช้สามารถปรึกษาแพทย์ผ่านวิดีโอคอล โทรศัพท์ หรือแชท จุดเด่นคือรองรับการเคลมประกันได้ทันทีโดยไม่ต้องสำรองจ่าย
และมีบริการแบบไฮบริด เช่น จุดบริการ "มุมสุขภาพ" ที่ Lotus/Makro พร้อม Smart Mirror เชื่อมต่อ True 5G และบริการฉีดวัคซีนที่บ้าน
Mordee ยังร่วมมือกับ สปสช. ในการให้คำปรึกษาฟรีสำหรับผู้ป่วยโควิด-19 กลุ่มสีเขียวในพื้นที่ที่กำหนด
Mordee ให้บริการจัดส่งยาทั่วประเทศ (3 ชั่วโมงในกรุงเทพฯ และ 1-2 วันทั่วประเทศ) พร้อมปรึกษาเภสัชกร และสามารถเคลมประกันผ่าน "Tele Medi Claim+" กับบริษัทประกันที่เป็นพันธมิตรได้โดยตรง
ผู้ใช้ยังสามารถบันทึกและเข้าถึงประวัติการรักษาและข้อมูลสุขภาพส่วนบุคคลเพื่อการจัดการสุขภาพอย่างต่อเนื่อง
กรมการแพทย์ปรับแนวทาง ดูแลผู้ป่วยโควิดตามอาการ
การสนับสนุนบริการ Tele-medicine ของรัฐบาลสอดคล้องกับแนวทางการดูแลผู้ป่วยโควิด-19 ที่กรมการแพทย์มีการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องตามองค์ความรู้ใหม่ๆ
โดยมีการประกาศแนวทางเวชปฏิบัติ การวินิจฉัย การดูแลรักษา และการป้องกันการติดเชื้อในโรงพยาบาล กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ซึ่งระบุว่า:
- ผู้ป่วยที่ไม่มีอาการหรือสบายดี: ให้รักษาแบบผู้ป่วยนอก และไม่ให้ยาต้านไวรัส เนื่องจากส่วนมากหายได้เอง
- ผู้ป่วยที่อาการไม่รุนแรง ไม่มีปอดอักเสบ ไม่มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเป็นโรครุนแรง/โรคร่วมสำคัญ: ให้ดูแลรักษาแบบผู้ป่วยนอก และดูแลตามอาการ ตามดุลยพินิจของแพทย์
- ผู้ป่วยที่อาการไม่รุนแรง แต่มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเป็นโรครุนแรงหรือมีโรคร่วมสำคัญ หรือ ผู้ป่วยที่ไม่มีปัจจัยเสี่ยงแต่มีปอดอักเสบเล็กน้อยถึงปานกลาง: ยังไม่จำเป็นต้องให้ออกซิเจน
Tele-medicine: โอกาสของระบบสุขภาพไทย
การเติบโตของ Tele-medicine ในประเทศไทยสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในภาคการดูแลสุขภาพ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงการระบาดของโรคโควิด-19 ที่ผลักดันให้เกิดการนำบริการ Tele-medicine มาใช้และขยายตัวอย่างรวดเร็ว
บทบาทของ สปสช. ถือเป็นหัวใจสำคัญในการบูรณาการ Tele-medicine เข้ากับระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า โดยเฉพาะภายใต้โครงการ "30 บาทรักษาทุกที่"
การสนับสนุนและความร่วมมือกับแอปพลิเคชันทั้งสามนี้ แสดงให้เห็นถึงกลยุทธ์ที่ชัดเจนของรัฐบาลไทยในการลดภาระของสถานพยาบาลทางกายภาพ ขยายการเข้าถึงบริการไปยังประชากรในพื้นที่ห่างไกลหรือกลุ่มเปราะบาง
และเร่งการขยายบริการสุขภาพดิจิทัลโดยการร่วมมือกับแพลตฟอร์มเอกชนที่มีอยู่ แทนที่จะสร้างโครงสร้างพื้นฐานใหม่ทั้งหมด
รูปแบบความร่วมมือนี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้บริษัทเอกชนเข้าถึงฐานผู้ใช้จำนวนมากและโอกาสในการรับเงินคืนจากภาครัฐ แต่ยังช่วยให้ระบบสาธารณสุขบรรลุวัตถุประสงค์ด้านการเข้าถึงและประสิทธิภาพ
สปสช. จึงมีบทบาทสำคัญในฐานะผู้กำหนดตลาดและเป็นผู้ขับเคลื่อนนวัตกรรมหลักในภาคสุขภาพดิจิทัลของไทย ซึ่งอาจส่งผลต่อรูปแบบธุรกิจและการนำเสนอการบริการของผู้ให้บริการ Tele-medicine ในอนาคตอีกด้วย
การมีทางเลือกในการปรึกษาแพทย์และรับการรักษาผ่านแอปพลิเคชัน จะช่วยให้ประชาชนเข้าถึงบริการสุขภาพได้อย่างสะดวกสบายยิ่งขึ้น
โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ต้องรักษาระยะห่างทางสังคม และยังช่วยลดความแออัดในโรงพยาบาลอีกด้วย


