posttoday

จับตา! แพทย์ศิริราช ร่วม โนโว นอร์ดิสค์ วิจัยยา ส่งผลต่อคนไทยมากกว่าที่คิด

29 สิงหาคม 2567

จับตา! คณะแพทย์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมมือกับ โนโว นอร์ดิสค์ ฟาร์มา (ประเทศไทย) วิจัยยารักษาโรคเบาหวาน โรคอ้วน และโรคร้ายแรงอื่นๆ หวังให้คนไทยเข้าถึงยาใหม่ๆ ในระดับการวิจัยทางคลินิก รวมถึงพัฒนายาที่ตอบโจทย์พันธุกรรมคนไทยและคนอาเซียนมากขึ้น!

ความเคลื่อนไหววงการสาธารณสุขของไทย มีประเด็นสำคัญที่น่าจับตามองคือการเซ็นต์ MOU ระหว่างคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล กับบริษัทชั้นนำระดับโลกด้านการวิจัยและพัฒนายาใหม่ๆ อย่าง บริษัท โนโว นอร์ดิสค์ ฟาร์มา (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งมีสาขาใหญ่อยู่ที่ประเทศเดนมาร์ก เพื่อร่วมกันพัฒนาโครงการวิจัยยารักษาโรคเบาหวาน โรคอ้วน รวมถึงโรคร้ายแรงอื่นๆ ซึ่งมุ่งเน้นไปที่การพัฒนายาใหม่ๆ เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2567 ที่ผ่านมา

 

พิธีลงนาม MOU

 

  • นวัตกรรมยาแต่ละตัวใช้งบประมาณมหาศาล

ความร่วมมือในครั้งนี้มุ่งเน้นไปที่การพัฒนายาชนิดใหม่ๆ ศ.นพ. อภิชาติ อัศวมงคลกุล คณบดีคณแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ได้สัมภาษณ์ในประเด็นนี้ว่า การร่วมมือครั้งนี้เพื่อทำวิจัยพัฒนายาทางคลินิก ซึ่งทางโนโว นอร์ดิสค์มีหลายอย่างที่สนใจ และศิริราชมีองค์ประกอบให้ได้เรียนรู้ เป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูล แต่อยู่บนพื้นฐานของหลักจริยธรรมและ PDPA  ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนายาตัวใหม่ๆ เนื่องจากในการรักษาใช้วิธีการรักษาแบบเดิม แต่ไม่ได้ยาในแบบที่ต้องการ การวิจัยจะได้องค์ประกอบใหม่ๆ ขนาดยาใหม่ๆ ซึ่งนำไปสู่การรักษาที่หายเร็วขึ้น มีปัญหาแทรกซ้อนน้อยลง รวมไปถึงความเป็นไปได้ที่จะทำให้ราคายาลดลง

ทั้งนี้  สำหรับการพัฒนานวัตกรรมยา โพสต์ทูเดย์ พบข้อมูลว่าการลงทุนในการพัฒนายาแต่ละตัวนั้นใช้ทั้งเวลาและงบประมาณมหาศาล ยาบางชนิดต้องใช้เวลาพัฒนากว่า 20-30 ปี และมีค่าใช้จ่ายการลงทุนต่อหนึ่งตัวยากว่า 2,000 ล้านบาท และยานวัตกรรมมีสิทธิบัตรคุ้มครองเพียง 20 ปีแต่ในความเป็นจริงนั้น บริษัทที่ผลิตยานวัตกรรมส่วนใหญ่จะต้องพบเจอกับกระบวนการหลังการพัฒนา ซึ่งทำให้บางครั้งมีระยะเวลาของการผลิตและจำหน่ายเหลือเพียง 10-15 ปี

ส่วนประเทศไทยต้องยอมรับว่าบริษัทยาในประเทศไทยเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ เป็นบริษัทยาที่ผลิตยาทั่วไป หมายถึง เป็นผู้ผลิตแต่ไม่ได้เป็นผู้วิจัย คิดค้น หรือพัฒนายาตัวใหม่ เพราะต้องใช้ต้นทุนมหาศาล

ดังนั้น การวิจัยภายในมหาวิทยาลัย และบริษัทยาก็นำไปพัฒนาต่อ จึงเป็นอีกโมเดลหนึ่งที่จะช่วยทำให้ประเทศไทยสามารถพัฒนานวัตกรรมด้านยา และต่อยอดองค์ความรู้ด้านนี้ให้แก่ประเทศได้

 

  • ความสำคัญของความร่วมมือ .. ผู้ป่วยไทยเข้าถึงยาแบบใหม่

สำหรับความร่วมมือ (MOU) ระหว่างคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล และ บริษัทโนโว นอร์ดิสค์ ฟาร์มา (ประเทศไทย) จำกัด ครั้งนี้จึงเป็นความเคลื่อนไหวที่สำคัญ! โดยเป็นการจับมือร่วมกับพัฒนาและวิจัย ส่วนสำคัญที่จะเกิดขึ้นจากความร่วมมือครั้งนี้ แบ่งเป็น 3 ส่วนใหญ่ๆ ได้แก่

  1. ความร่วมมือในการศึกษาวิจัยยารักษาโรค
  2. ส่งเสริมและกระตุ้นการแลกเปลี่ยนข้อมูลและความรู้เชิงนวัตกรรม ระหว่างนักวิจัยไทยและบริษัทนวัตกรรมด้านยาระดับโลก
  3. การเปิดโอกาสให้ผู้ป่วยไทยมีส่วนร่วมในการวิจัยทางคลินิก (โดยปกติการเข้าร่วมโครงการวิจัยเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ป่วยโรคร้ายแรงที่ยังไม่มีแนวทางในการรักษา หรือผู้ป่วยที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษามาตรฐาน)

 

คุณเอนริโก้ คานัล บรูแลนด์

 

สำหรับความร่วมมือด้านการวิจัยที่จะเกิดขึ้นนั้น คุณเอนริโก้ คานัล บรูแลนด์ (Mr. Enrico Canal Bruland) รองประธานกรรมการและผู้จัดการทั่วไป บริษัท โนโว นอร์ดิสค์ ฟาร์มา (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทที่มุ่งเน้นการพัฒนาและวิจัยด้านยาชั้นนำระดับโลก โดยเฉพาะยารักษาโรคเบาหวาน โรคอ้วน และโรคเกี่ยวกับเลือด โดยมีสำนักงานกว่า 80 แห่งทั่วโลก กล่าวถึงสาเหตุที่บริษัทตัดสินใจร่วมมือในครั้งนี้ว่า ความสำคัญที่เปิดการวิจัยร่วมกับศิริราช อย่างแรกคือการได้ข้อมูลประชากรพื้นฐานของไทยเพื่อทำวิจัยทางคลินิก ที่จะเป็นข้อมูลสำคัญ (ภายใต้การคำนึงถึงจริยธรรมและ PDPA เป็นสำคัญ)

สองคือช่วยให้ผู้ป่วยที่ต้องการนวัตกรรมการรักษาใหม่ๆ สามารถเข้าถึงการรักษาและยาแบบใหม่ได้มากขึ้นเพื่อเพิ่มความหวังที่จะรักษา เนื่องจากแต่เดิม ผู้ป่วยเหล่านั้นอาจจะไม่มีวิธีการรักษาเลย

นอกจากนี้ บริษัทยังอยากสร้างให้ไทยเป็นฮับการวิจัยทางคลินิก เพื่อดึงการลงทุนจากต่างประเทศ และยกระดับองค์ความรู้ด้านการรักษาผู้ป่วย และขับเคลื่อนเศรษฐกิจในองค์รวม

 

ทั้งนี้ ความร่วมมือครั้งนี้มุ่งเน้นไปที่การรักษาโรคเบาหวาน โรคอ้วน และโรคร้ายแรงอื่นๆ  ซึ่งเน้นไปที่โรค NCDs หรือโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง แต่มีผลต่อสุขภาพอย่างร้ายแรง และเป็นภัยร้ายอันดับต้นๆ ของโลกในทุกวันนี้ เนื่องจากโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรือโรคอ้วน สามารถนำพาไปสู่โรคร้ายแรงอื่นๆ ได้

 

ศ.นพ.อภิชาติ อัศวมงคลกุล

 

ศ.นพ. อภิชาติ อัศวมงคลกุล ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า  “ ปัจจุบันพบว่ามีผู้ป่วยเป็นเบาหวานไม่น้อยกว่า 20% ของประชากร มีคนไข้กว่า 10 ล้านคนขึ้นไป และนำพาไปสู่โรคภัยไข้เจ็บที่เรารู้จักกันดี เช่น หลอดเลือดสมอง แผลเรื้อรัง การติดเชื้อ และโรคมะเร็ง เนื่องจากผู้ป่วยกลุ่มนี้หลอดเลือดไม่แข็งแรง ไขมันอุดตัน หัวใจขาดเลือด หากมีความดันร่วมก็แตก จอประสาทเตื่อม ไตวาย ซึ่งมักจะเกิดกับคนไข้ที่อยู่ในช่วงตั้งแต่วัยกลางคนขึ้นไป

สิ่งเหล่านี้จำเป็นที่จะต้องหาองค์ความรู้ที่จะมาดูแลอย่างมีประสิทธิภาพ ในฐานะที่โรงพยาบาลศิริราชเป็นโรงพยาบาลที่ใหญ่ที่สุดในไทย และใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียน มีคนไข้จำนวนมากที่เข้ารับการรักษา และมีอาจารย์ที่สนใจจริงจัง  จึงเกิดการร่วมมือกับบริษัทโนโว นอร์ดิสค์ เกิดขึ้น

อย่างไรก็ตาม ประชาชนต้องรู้จักป้องกันตัวเองด้วย เช่น การดูแลร่างกายอย่างเหมาะสม รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ รวมถึงตัวเราเองหากมีปัญหาความเสี่ยงจากกรรมพันธุ์ อย่าง เบาหวาน ไขมัน และความดันโลหิตสูง ก็จำเป็นต้องพบแพทย์”

 

  • ทิศทางในอนาคตที่น่าจับตามอง!

คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวเพิ่มเติมว่า ความสำคัญของโครงการนี้ซึ่งจะวิจัยบนพื้นฐานข้อมูลของคนไทยนั้น เพราะทุกวันนี้มุ่งไปที่การแพทย์แบบแม่นยำ (Precision Medicine) ซึ่งสามารถดูได้ถึงระดับพันธุกรรม เนื่องจากประชากรอาเซียนมีกว่า 600 ล้านคน จึงอยากที่จะผลิตยาที่เฉพาะเพียงแค่ในอาเซียนเท่านั้น เนื่องจากแต่ละภูมิภาคและแต่ละคนมีปัจจัยต่างๆ ที่ไม่เหมือนกัน

 

ความร่วมมือที่เกิดขึ้นนี้จึงเป็นเรื่องที่สำคัญและน่าจับตามอง ไม่ใช่แค่ในวงการแพทย์ หรือนักวิจัย แต่มีผลต่อคนไทยและคนในภูมิภาคอาเซียน ที่จะเข้าถึงนวัตกรรมยาใหม่ๆ ที่เฉพาะเจาะจงคนในภูมิภาคนี้!

ข่าวล่าสุด

"พลังงาน" สั่งเข้ม! ตรวจสอบปริมาณส่งออกน้ำมัน ทางบก-เรือ พร้อมร่วมมือกองทัพสกัดลักลอบส่งน้ำมันเข้ากัมพูชา