'มะเร็งรังไข่' ภัยเงียบคร่าชีวิตผู้ป่วยสตรีมากที่สุด ในมะเร็งสืบพันธุ์
กรมการแพทย์เผย มะเร็งรังไข่ ภัยเงียบของมะเร็งในสตรี เพราะเป็นมะเร็งที่ก่อให้เกิดการเสียชีวิตมากที่สุดในมะเร็งอวัยวะสืบพันธุ์สตรี โดยพบมากในช่วงอายุ 50-60 ปี และยังพบเจอได้ในช่วงลุกลามเท่านั้น แนะตรวจภายในประจำทุกปี
มะเร็งรังไข่ จัดว่าเป็นภัยเงียบของมะเร็งในสตรี เพราะเป็นชนิดของมะเร็งที่ก่อให้เกิดการเสียชีวิตมากที่สุดในมะเร็งอวัยวะสืบพันธุ์สตรี และพบได้บ่อยเป็นอันดับสามของมะเร็งอวัยวะสืบพันธุ์สตรี
กรมการแพทย์ ให้ข้อมูลในประเด็นนี้ว่ารังไข่เป็นหนึ่งในอวัยวะสืบพันธุ์สตรี มีหน้าที่สร้างไข่และฮอร์โมนเพศหญิง มะเร็งรังไข่เกิดได้ทุกช่วงวัย โดยมากมักพบในช่วงอายุ 50-60 ปี
ปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุการเกิดมะเร็งรังไข่อย่างแน่ชัด แต่มีหลักฐานเชื่อว่าเกิดจากความผิดปกติของยีนส์ที่สามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้ โดยจะพบในกลุ่มผู้มีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งรังไข่หรือมะเร็งเต้านม นอกจากนี้ยังพบมากในสตรีที่มีประจำเดือนเร็ว หมดประจำเดือนช้า มีบุตรยาก มีภาวะอ้วน รวมถึงผู้ที่สูบบุหรี่
จากข้อมูลในปัจจุบัน พบว่ายังไม่มีการตรวจคัดกรองมะเร็งรังไข่ที่เหมาะสม และจำเพาะเจาะจงในสตรีทั่วไป อย่างไรก็ตามแนะนำให้สตรี ทุกคนได้รับการตรวจภายในประจำปี แม้จะไม่มีอาการผิดปกติ แต่หากมีอาการผิดปกติใด ๆ ควรเข้ารับคำปรึกษาและตรวจเพิ่มเติมจากแพทย์เฉพาะทางด้านสูตินรีเวช เพื่อตรวจร่างกาย ตรวจภายในหรือตรวจภาพถ่ายวินิจฉัยอื่น ๆ เพิ่มเติม
จากสถิติจากข้อมูลมะเร็งใน Cancer In Thailand Vol.X ปี 2016 – 2018 ของสถาบันมะเร็งแห่งชาติ พบว่าคนไทยป่วยเป็นมะเร็งรังไข่รายใหม่ปีละ 2,902 ราย มะเร็งรังไข่พบได้บ่อยเป็นอันดับสามรองจากมะเร็งปากมดลูกและมะเร็งมดลูก แต่เป็นสาเหตุการเสียชีวิตมากที่สุดในมะเร็งอวัยวะสืบพันธุ์สตรี
อาการ ผู้ที่เป็นมะเร็งรังไข่ในระยะเริ่มแรกมักไม่มีอาการที่ชัดเจน อาการที่พบทั่วไป ได้แก่ อาการท้องอืด แน่นท้อง รับประทานอาหารได้น้อยลง ท้องโตกว่าปกติ แต่หากมะเร็งมีการลุกลามแล้วอาจจะคลำได้ก้อนในช่องท้องหรืออุ้งเชิงกราน จากการตรวจทางหน้าท้องหรือการตรวจภายใน หรือตรวจพบน้ำในช่องท้อง
สาเหตุ ที่ทำให้มะเร็งชนิดนี้มีอัตราการรอดชีวิตต่ำ เนื่องจากระยะแรกมักไม่มีอาการ แต่จะพบโรคและวินิจฉัยได้เมื่อเข้าสู่ระยะลุกลาม จึงทำให้ผลการรักษาไม่ดี และทำให้อัตราการรอดชีวิตต่ำ
การรักษา การรักษามะเร็งรังไข่ในปัจจุบันทำได้โดยการผ่าตัดเพื่อนำก้อนมะเร็งออกและเพื่อกำหนดระยะโรค บางรายอาจต้องรักษาเพิ่มเติมด้วยการให้เคมีบำบัดหรือยามุ่งเป้า (Targeted therapy) ตามข้อบ่งชี้ หลังจากนั้นจึงตรวจติดตามอาการอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามการป้องกันมะเร็งที่ดีที่สุดคือการรักษาสุขภาพ ออกกำลังกาย รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และเข้ารับการตรวจสุขภาพรวมทั้งการตรวจภายในประจำปีอย่างสม่ำเสมอ และหากมีอาการผิดปกติให้รีบปรึกษาแพทย์โดยเร็ว


