posttoday

ช่องโหว่ทางกฎหมายและอนาคตของสิทธิครอบครองปืนในสหรัฐฯ

15 กรกฎาคม 2567

สิทธิการครอบครองปืนในสหรัฐฯ กลับมาเป็นประเด็นถกเถียงอีกครั้งหลัง โดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดี ถูกลอบยิงระหว่างการหาเสียงในรัฐเพนซิลเวเนีย ขณะที่ผู้ก่อเหตุอยู่ห่างจากเป้าหมายไม่ถึง 200 เมตร จนเกิดการตั้งคำถามว่าเป็นเสรีภาพที่มาพร้อมความอันตรายหรือไม่?

ทั้งโลกกลับมาให้ความสนใจต่อสิทธิในการครอบครองปืนบนพื้นที่เสรีภาพทุกตารางนิ้วอีกครั้ง เมื่อผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากพรรครีพับลิกันอย่าง โดนัลด์ ทรัมป์ ถูกลอบยิงระหว่างการหาเสียงเลือกตั้งในรัฐเพนซิลเวเนีย ขณะที่มือปืนผู้ก่อเหตุมีอายุเพียง 20 ปี และอยู่ห่างจากทรัมป์ไม่ถึง 200 เมตร

ความรุนแรงจากอาวุธปืนในสหรัฐฯ ถือเป็นปัญหาที่เรื้อรังมาอย่างยาวนาน โดย Pew Research Center เปิดเผยว่า แค่ปี 2021 ปีเดียว ในสหรัฐอเมริกามีผู้เสียชีวิตจากอาวุธปืนแล้วกว่า 48,830 คน ขณะที่ในรัฐเพนซิลเวเนีย มีประชาชนเสียชีวิตจากอาวุธปืนถึง 1,600 คนต่อปี และบาดเจ็บอีก 3,000 คน"

ช่องโหว่ทางกฎหมายและอนาคตของสิทธิครอบครองปืนในสหรัฐฯ

กฎหมายควบคุมอาวุธปืน ข้อถกเถียงที่ไร้ข้อยุติ

“ปืน” ถือเป็นค่านิยมที่ฝังรากลึกในสังคมอเมริกันซึ่งสร้างข้อถกเถียงทางการเมืองมาอย่างยาวนาน จนกลายเป็นหนึ่งในประเด็นสำคัญที่ถูกใช้ในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีแต่ละครั้ง 

ตามรัฐธรรมนูญเพิ่มเติมมาตราที่ 2 ของสหรัฐอเมริกา (Second Amendment) ระบุว่า "เพื่อความมั่นคงของรัฐเสรี พลเรือนติดอาวุธที่ได้รับการควบคุมอย่างเข้มงวดจึงมีความจำเป็นต่อความมั่นคงของรัฐ ดังนั้นสิทธิของประชาชนในการครอบครองและพกพาอาวุธจะต้องไม่ถูกริดรอน"

ประชาชนทั่วไปที่บรรลุนิติภาวะ (อายุเกิน 18 หรือ 21 ปี) ไม่มีประวัติอาชญากรรม ไม่มีอาการป่วยทางจิต  และผ่านการตรวจสอบประวัติ  มีสิทธิ์ที่จะขออนุญาตและซื้อปืนมาไว้ในครอบครอง เพื่อใช้ในการป้องกันตัวเอง โดยประเภทของปืน การพกพา และการใช้จะต้องเป็นไปตามกฎหมายที่รัฐกำหนด รวมถึงต้องผ่านการลงทะเบียนให้ถูกต้องตามกฎหมาย

การเอื้อของกฎหมายดังกล่าว ส่งผลให้มีอย่างน้อย 38 รัฐ ที่อนุญาตให้ประชาชนสามารถใช้ปืนเพื่อป้องกันตัวเองได้ ซึ่งราว 1 ใน 3 ของชาวอเมริกันระบุว่ามีปืนพกส่วนตัวไว้ในครอบครอง ขณะที่ราว 4 ใน 10 ระบุว่า มีอาวุธปืนไว้ในที่อยู่อาศัยของตนโดยเฉพาะปืนไรเฟิลกึ่งอัตโนมัติและปืนพก ซึ่งมีราคาถูก หาซื้อง่าย

แม้จะมีเหตุการณ์กราดยิงเกิดขึ้นบ่อยครั้ง แต่ที่ผ่านมารัฐบาลสหรัฐฯ ยังไม่สามารถผ่านกฎหมายควบคุมอาวุธปืนที่มีประสิทธิภาพได้ ซึ่งในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา มีปืนมากกว่า 200 ล้านกระบอกถูกนำเข้าสู่ตลาดสหรัฐฯ โดยเฉพาะปืนไรเฟิลกึ่งอัตโนมัติและปืนพก 

 

ช่องโหว่ทางกฎหมายและอนาคตของสิทธิครอบครองปืนในสหรัฐฯ

กฎหมายครอบครองปืนในเพนซิลเวเนีย

ตามข้อมูลของ Everytown for Gun Safety ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่ต้องการผลักดันเรื่องการควบคุมอาวุธปืนในสหรัฐฯ เผยว่า ปกติแล้วเพนซิลเวเนียมีกฎหมายควบคุมอาวุธปืนที่เข้มงวดกว่าหลายรัฐ โดยผู้ที่ต้องการครอบครองอาวุธปืนต้องได้รับการตรวจสอบประวัติและสุขภาพจิต รวมถึงต้องมีใบอนุญาตหากต้องการพกพาอาวุธติดตัว (ปัจจุบันออกใบอนุญาตไปแล้วกว่า 1.6 ล้านใบ) ขณะที่ผู้เคยถูกตัดสินว่ามีความผิดลหุโทษเกี่ยวกับความรุนแรง การใช้ความรุนแรงในครอบครัว หรืออาชญากรรม จะไม่ได้รับอนุญาตให้ครอบครองปืนโดยเด็ดขาด

อย่างไรก็ตาม อาวุธที่ถูกใช้ในการลอบสังหารอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ คือไรเฟิล AK-47 ซึ่งถือเป็นอาวุธปืนจู่โจมที่ใช้ในทางทหารหรืออาวุธสงคราม และยังถือเป็นช่องโหว่ทางกฎหมายสำหรับการควบคุมอาวุธปืนในเพนซิลเวเนีย เนื่องจากทางรัฐไม่ได้กำหนดให้มีการตรวจสอบประวัติสำหรับการขายปืนไรเฟิลระหว่างบุคคลทั่วไป ไม่ได้มีการกำหนดว่าผู้ซื้อต้องเคยผ่านการฝึกอบรมมาก่อน ไม่มีการห้ามครอบครองกระสุนที่มีพลังทำลายล้างสูง รวมถึงไม่มีการจดบันทึกจำนวนไรเฟิลที่สูญหายหรือถูกขโมย

ทั้งนี้ ในสหรัฐฯ มีเพียง 9 รัฐเท่านั้นที่มีกฎหมายห้ามครอบครองอาวุธสงคราม เช่น ปืนไรเฟิล AR-15 และ AK-47 ซึ่งเพนซิลเวเนีย ไม่ได้เป็นหนึ่งในนั้น 

ช่องโหว่ทางกฎหมายและอนาคตของสิทธิครอบครองปืนในสหรัฐฯ

แนวโน้มสิทธิในการครอบครองปืนของสหรัฐฯ

ที่ผ่านมา เคยมีกฎหมายแบนอาวุธสงครามในสหรัฐฯ ช่วงปี 1994 ภายใต้การบริหารของประธานาธิบดีบิล คลินตัน แต่กฎหมายดังกล่าวเป็นอันต้องยกเลิกไปในปี 2004 จากแรงกดดันของสมาคมปืนไรเฟิลแห่งชาติ (NRA) ที่ทรงอิทธิพล

ระบบกฎหมายที่ควบคุมการครอบครองและใช้อาวุธปืนในสหรัฐฯ ยังคงมีช่องโหว่หลายประการ ซึ่งหนึ่งในปัญหาหลักคือความแตกต่างของกฎหมายในแต่ละรัฐ บางรัฐอาจมีกฎระเบียบที่เข้มงวด ขณะที่บางรัฐกลับมีข้อผ่อนปรนมากกว่า นอกจากนี้ ระบบการตรวจสอบประวัติยังไม่ครอบคลุมการซื้อขายทุกประเภท โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการซื้อขายอาวุธปืนทางออนไลน์ 

แนวโน้มในอนาคตของกฎหมายควบคุมอาวุธปืนในสหรัฐฯ ยังคงมีความไม่แน่นอนสูง เนื่องจากความพยายามปฏิรูปกฎหมายในระดับรัฐบาลกลางมักเผชิญกับการถูกต่อต้านอย่างรุนแรง โดยผู้คัดค้านมักอ้างว่าการปฏิรูปกฎหมายดังกล่าวนั้นละเมิดสิทธิตามรัฐธรรมนูญ

อย่างไรก็ดี ยังมีบางรัฐที่เริ่มออกกฎหมายควบคุมอาวุธปืนที่เข้มงวดขึ้น เช่น การห้ามครอบครองอาวุธสงคราม ซึ่งอาจเป็นสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงในระดับท้องถิ่น

ในขณะเดียวกัน รัฐบาลกลางภายใต้การนำของประธานาธิบดีโจ ไบเดน กำลังพยายามเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบประวัติและปราบปรามการขายอาวุธปืนที่ผิดกฎหมาย แต่ความพยายามเหล่านี้ยังคงเป็นที่จับตามอง

ท้ายที่สุด อนาคตของกฎหมายควบคุมอาวุธปืนในสหรัฐฯ อาจขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ ทั้งผลการเลือกตั้ง การตัดสินของศาล และเหตุการณ์ความรุนแรงจากอาวุธปืนที่อาจเกิดขึ้น การหาจุดสมดุลระหว่างการปกป้องสิทธิตามรัฐธรรมนูญและการรับประกันความปลอดภัยสาธารณะยังคงเป็นประเด็นที่ท้าทายและถกเถียงอย่างต่อเนื่องในสังคมอเมริกัน ซึ่งจะยังคงเป็นหัวข้อสำคัญในการอภิปรายทางการเมืองและสังคมในอนาคตอันใกล้

ข่าวล่าสุด

งานเข้า! EU สอบสวน Google ข้อหาผูกขาดเนื้อหาให้กับ AI ของบริษัท