เปิดร่างกฎหมาย พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม ก่อนประกาศใช้งานจริง!
วันนี้เป็นวันที่ พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม คาดว่าจะถึงเส้นชัย! หลังจากการต่อสู้มาอย่างยาวนานหลายสิบปีเพื่อให้สังคมเกิด สิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาค อย่างเท่าเทียม ทั้งนี้โพสต์ทูเดย์จะขอเปิดร่างกฎหมายที่นำเข้าสภา ทั้งนิยามของคู่สมรส และสิทธิตามกฎหมายเขียนไว้อย่างไร?
- พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม 3 ฉบับ
อ้างอิงข้อมูลจากเว็ปไซต์ของรัฐสภาระบุว่า คณะรัฐมนตรี ชุดที่มีนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี ได้มีการเสนอร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... หรือร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียม เข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2566 รวมทั้งได้มีผู้เสนอร่างพระราชบัญญัติที่มีหลักการทำนองเดียวกันอีก จำนวน 3 ฉบับ ได้แก่
- ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (นายธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ กับคณะเป็นผู้เสนอ)
- ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (นางสาวอรรณว์ ชุมาพร กับประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง จำนวน 11,611 คน) ร่วมกันเข้าชื่อเสนอตามมาตรา 133 (3) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
- ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (นายสรรเพชญ บุญญามณี กับคณะ เป็นผู้เสนอ) ซึ่งนำมาพิจารณาในวาระที่ 1 ด้วย
โดยเหตุผลในการเสนอที่คล้ายกัน คือ เนื่องจากเห็นว่าสถาบันครอบครัวเป็นหน่วยสำคัญในการพัฒนาสังคมและการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของประชาชน แต่การก่อตั้งครอบครัวตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์จำกัดเฉพาะความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิง ซึ่งไม่สอดคล้องกับสภาพสังคมในปัจจุบันที่มีการอยู่ร่วมกันเป็นครอบครัวระหว่างบุคคลที่มีเพศเดียวกันโดยกำเนิด และมีการอุปการะเลี้ยงดู รวมถึงมีความสัมพันธ์ในด้านอื่น ๆ ไม่แตกต่างไปจากคู่สมรสที่เป็นชายและหญิง
จึงสมควรแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติบางประการในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เพื่อรองรับให้บุคคลเพศเดียวกันสามารถหมั้นและสมรสกันได้ ซึ่งจะทำให้มีสิทธิ หน้าที่ และสถานะทางครอบครัวเท่าเทียมกับคู่สมรสที่เป็นชายและหญิง ทั้งนี้ เพื่อเป็นการเสริมสร้างความเข้มแข็งของครอบครัวที่ก่อตั้งขึ้นระหว่างบุคคลไม่ว่าจะมีเพศใด เว้นแต่จะเป็นกรณีที่มีกฎหมายอื่นกำหนดเรื่องครอบครัวหรือมรดกไว้เป็นการเฉพาะ
ร่างพ.ร.บ. ทั้ง 4 ฉบับจึงมีเหตุผลที่จะแก้ไขกฎหมายเพื่อรองรับบุคคคลเพศเดียวกันหมั้นและสมรสกัน เพื่อให้มีสิทธิเท่าเทียมกับคู่สมรสชายหญิง
- สรุปสาระสำคัญของร่าง พ.ร.บ.
กรณีการหมั้น กำหนดให้บุคคล 2 คน ไม่ว่าเป็นเพศใดสามารถหมั้นกันได้ตามกฎหมาย เพื่อเปิดโอกาสอย่างเท่าเทียมโดยไม่เลือกปฏิบัติระหว่างบุคคล ซึ่งสาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ฉบับที่รัฐมนตรีเสนอ และฉบับที่นายธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ เสนอมีประเด็นการแก้ไขเช่นเดียวกัน
แต่ร่างพระราชบัญญัติฉบับที่คณะรัฐมนตรีนำเสนอนั้น มีการเพิ่มเติมเหตุเรียกค่าทดแทนในมาตรา 1445 ด้วย
โดยนอกจากการเรียกค่าทดแทนผู้ซึ่งได้ร่วมประเวณีกับคู่หมั้นแล้ว ยังได้เพิ่มเติมกรณีการเรียกค่าทดแทนจากผู้ซึ่ง “กระทำ” กับคู่หมั้นเพื่อสนองความใคร่ของผู้นั้น ซึ่งร่างฉบับของนายธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์กับคณะ ไม่ได้เพิ่มเติมในประเด็นของการกระทำเพื่อสนองความใคร่ ในขณะที่ร่างฉบับของนางสาวอรรณว์ ชุมาพร กับประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง จำนวน 11,611 คน ร่วมกันเข้าชื่อเสนอ ตามมาตรา 133 (3) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ไม่มีการแก้ไขในเรื่องการหมั้น
กรณีการสมรส การสิ้นสุดการสมรส การจัดการทรัพย์สิน และมรดก กำหนดให้ใช้คำว่า “คู่สมรส” แทนคำว่า “สามีและภริยา” เพื่อให้ครอบคลุมการก่อตั้งครอบครัวระหว่างบุคคลที่มีเพศเดียวกันโดยกำเนิด
โดยร่างฉบับของนายธัญวัจน์ และร่างฉบับของนางสาวอรรณว์ มีการแก้ไขอายุของคู่สมรสจากเดิม 17 ปีบริบูรณ์ แก้ไขเป็น 18 ปีบริบูรณ์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้สอดคล้องตามอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กที่กำหนดอายุ “เด็ก” ไว้หมายความถึงบุคคลที่อายุต่ำกว่า 18 ปี และยังคงอยู่ภายใต้การคุ้มครองดูแลตามกฎหมายเฉพาะเกี่ยวกับเด็กและเยาวชน
ในขณะที่ร่างฉบับที่คณะรัฐมนตรี เป็นผู้เสนอ ไม่ได้แก้ไขในประเด็นนี้แต่อย่างใด เนื่องจากเห็นว่ามีการกำหนดอายุขั้นต่ำไว้ที่ 17 ปีบริบูรณ์ ซึ่งเป็นความเหมาะสมของสภาพร่างกายตามธรรมชาติ ประกอบกับแม้จะมีการเสนอแก้ไขเพิ่มเติมอายุเป็น 18 ปีบริบูรณ์ แต่ยังคงถือว่าเป็นผู้เยาว์ที่จะกระทำการสมรสได้ต่อเมื่อได้รับความยินยอมจากบุคคลตามที่กฎหมายกำหนดไว้ และการแก้ไขเกณฑ์อายุขั้นต่ำอาจส่งผลกระทบต่อบุคคลต่างเพศให้ต้องถูกขยายเวลาที่จะทำการสมรสได้ออกไปอีก 1 ปี อันเป็นเรื่องที่กระทบต่อสิทธิตามกฎหมายเดิม
กรณีการจัดการทรัพย์สินระหว่างคู่สมรส โดยคู่สมรสมีสิทธิจัดการทรัพย์สินที่ทำมาหาได้ร่วมกันหรือดูแลผลประโยชน์จากทรัพย์สินนั้น รวมถึงกรณีคู่สมรสเป็นผู้ถูกกำจัดมิให้รับมรดกฐานเป็นผู้ไม่สมควรได้รับมรดก การแบ่งทรัพย์มรดกกรณีคู่สมรสผู้ตายเป็นเจ้ามรดก และการจัดการหนี้สินของคู่สมรส
กรณีการกำหนดเหตุเรียกค่าทดแทน ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (คณะรัฐมนตรี เป็นผู้เสนอ) มีการเพิ่มเติมเหตุเรียกค่าทดแทนในมาตรา 1445 โดยนอกจากการเรียกค่าทดแทนผู้ซึ่งได้ร่วมประเวณีกับคู่หมั้นแล้ว ยังได้เพิ่มเติมกรณีเรียกค่าทดแทนจากผู้ซึ่ง “กระทำ” กับคู่หมั้นเพื่อสนองความใคร่ของผู้นั้น ซึ่งร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
กรณีการให้บุคคลสองคนทั้งคู่รักต่างเพศ คู่รักเพศเดียวกัน และคู่รักเพศหลากหลายซึ่งจดทะเบียนสมรสเป็นคู่สมรสตามกฎหมายสามารถรับผู้เยาว์เป็นบุตรบุญธรรมร่วมกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หลักการดังกล่าวปรากฏในร่างฉบับของนางสาวอรรณว์ เท่านั้น ซึ่งกำหนดให้นำบทบัญญัติบรรพ 5 ลักษณะ 2 หมวด 2 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์เกี่ยวกับสิทธิหน้าที่ของบิดามารดา บุพการี และบุตร มาบังคับโดยอนุโลม
โดยสภาผู้แทนราษฎรได้ลงมติในวาระที่หนึ่ง ในคราวประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 26 ปีที่ 1 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันพฤหัสบดีที่ 21 ธันวาคม 2566 รับหลักการแห่งร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. ทั้ง 4 ฉบับ และมีมติให้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาในวาระที่สอง โดยให้ใช้ร่างพระราชบัญญัติฉบับที่เสนอโดยคณะรัฐมนตรี เป็นหลักในการพิจารณา และได้ผ่านการพิจารณาในวาระที่สองและสาม ในคราวประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 26 ปีที่ 1 ครั้งที่ 31 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) แล้ว
ทั้งนี้ ร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้จะต้องผ่านกระบวนการพิจารณาจากวุฒิสภาในวันนี้ (18 มิถุนายน) เพื่อให้มีผลบังคับใช้ทางกฎหมายต่อไป


