เทคโนโลยีใหม่ที่ช่วยให้เราขจัดไมโครพลาสติกอย่างยั่งยืน
ไมโครพลาสติกก่อให้เกิดปัญหานานับประการ ส่งผลกระทบทั้งต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมทั่วโลก วันนี้จึงขอพูดถึง ไมโครบอทขจัดไมโครพลาสติก และ พลาสติกชนิดใหม่ที่ย่อยสลายตัวเองได้ เทคโนโลยีที่จะเข้ามาเปลี่ยนแก้ไขเรื่องนี้กันเสียหน่อย
พิษภัยจากไมโครพลาสติกนับเป็นอีกหนึ่งปัญหาน่ากังวลใจปัจจุบัน กับการเข้าไปปนเปื้อนอย่างกว้างขวางไม่ว่าจะสิ่งแวดล้อม พืช สัตว์ รวมถึงคนเรา ทุกภาคส่วนตั้งแต่ใหญ่ไปจนเล็กสุดล้วนถูกไมโครพลาสติกเจือปน แทรกซึมไปถึงระดับเซลล์และกระบวนการทำงานในร่างกาย
นอกจากผลกระทบทางสุขภาพที่เริ่มมีผลการวิจัยออกมาพูดถึงแล้ว การปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อมยังอาจก่อให้เกิดการสะสมของแบคทีเรียและเชื้อโรคซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพ การปนเปื้อนไมโครพลาสติกจึงจัดเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่ต้องได้รับความสนใจและแก้ไขโดยด่วน
นี่เองจึงนำไปสู่การคิดค้นเทคโนโลยีสิ่งแวดล้อมเพื่อการขจัดและรับมือการเกิดไมโครพลาสติก
ไมโครบอทที่ขจัดไมโครพลาสติกออกจากน้ำ
ผลงานนี้เป็นของทีมวิจัยจาก Brno university of technology สาธารณรัฐเช็ก กับแนวคิดในการพัฒนาไมโครบอท สำหรับกำจัดสารเจือปนและสิ่งสกปรกภายในน้ำ กลายเป็นหุ่นยนต์ขนาดจิ๋วที่สามารถขจัดไมโครพลาสติกและแบคทีเรียออกจากน้ำไปพร้อมกัน
ไมโครบอทที่ถูกคิดค้นมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางอยู่ที่ 2.8 ไมโครเมตร ภายในติดตั้งอนุภาคแม่เหล็กระดับไมโคร Dynabead ซึ่งมีใช้งานทั่วไปตามห้องทดลองทางวิทยาศาสตร์ โดยแต่ละอนุภาคจะมีการติดตั้งเส้นใยโพลิเมอร์ประจุบวก คอยทำหน้าที่ดักจับไมโครพลาสติกและแบคทีเรียภายในน้ำ
วิธีใช้งานก็เรียบง่ายเพียงนำไมโครบอทจำนวนหนึ่งกระจายลงไปในน้ำ เมื่อได้รับการกระตุ้นจากสนามแม่เหล็กภายนอกไมโครบอทจะเริ่มยึดเกาะกับไมโครพลาสคติกภายในน้ำ สารแขวนลอยขนาดจิ๋วจะถูกดักจับให้มารวมตัวกันในเส้นใยโพลิเมอร์โดยอัตโนมัติ จากนั้นเพียงอาศัยแม่เหล็กดูดไมโครบอทกลับขึ้นมาก็เป็นอันเสร็จสิ้น
จากการทดสอบเมื่อนำไปใช้ในการดักจับไมโครพลาสติกและแบคทีเรียในน้ำเป็นเวลา 30 นาที พบว่าไมโครบอทสามารถขจัดไมโครพลาสติกที่เจือปนอยู่ในน้ำลงไปมาก พร้อมดักจับและขจัดแบคทีเรียออกจากน้ำไปได้มากถึง 80%
นอกจากนี้หลังเสร็จสิ้นการใช้งานเมื่อนำไปผ่านอัลตราซาวนด์เพื่อขจัดไมโครพลาสติกออก รวมถึงฉายรังสีอัลตราไวโอเล็ตเพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่เกาะอยู่ ไมโครบอทก็พร้อมสำหรับการนำกลับมาใช้ซ้ำ พร้อมสำหรับใช้ในการขจัดไมโครพลาสติกและเชื้อแบคทีเรียอีกครั้ง
โดยทางทีมวิจัยคาดว่าไมโครบอทนี้จะพร้อมให้ใช้งานจริงภายในเวลา 5 – 10 ปีข้างหน้า
สู่พลาสติกชนิดใหม่ที่ไม่ก่อให้เกิดไมโครพลาสติก
จริงอยู่กระบวนการกำจัดและคัดแยกไมโครพลาสติกออกจากสิ่งแวดล้อมนับเป็นเรื่องจำเป็น แต่เราเองก็ทราบดีว่าพลาสติกอยู่ร่วมกับทุกส่วนในชีวิตประจำวัน ต่อให้สามารถขจัดไมโครพลาสติกออกจากธรรมชาติหมด แต่หากไม่จัดการต้นเหตุปัญหาก็จะกลับมาเกิดซ้ำอีกครั้ง
นำไปสู่การค้นคว้าจากทีมวิจัยแห่ง University of California กับการคิดค้นพัฒนาพลาสติกชนิดใหม่ที่ปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อม โดยอาศัยวัตถุทางชีวภาพที่ย่อยสลายได้อย่างสาหร่าย นำไปสู่พลาสติกชนิดใหม่ที่สามารถย่อยสลายได้แม้แตกตัวออกเป็นไมโครพลาสติกภายในเวลา 7 เดือน
เราทราบกันดีว่าพลาสติกเป็นวัสดุที่เกิดขึ้นจากน้ำมัน ด้วยเหตุนี้ทางทีมวิจัยจึงเกิดแนวคิดนำน้ำมันชีวภาพ เช่น น้ำมันสาหร่าย มาใช้ทดแทนน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อการผลิตพลาสติก โดยเริ่มจากการขึ้นรูปน้ำมันเหล่านี้ให้เป็นวัสดุโพลิเมอร์แล้วนำไปผลิตเป็นพลาสติกทดแทนในที่สุด
จากการทดสอบอัตราการย่อยสลาย เมื่อนำพลาสติกชนิดนี้ไปโปรยลงบนหน้าดินให้อยู่ในลักษณะปุ๋ยหมักและละลายลงไปในน้ำ พบว่าไมโครพลาสติกที่ใส่ลงไปเกิดการย่อยสลายทางชีวภาพไปถึง 97% ในระยะเวลา 200 วัน หรือราว 7 เดือน โดยอาศัยเพียงจุลินทรีย์ที่อยู่ตามธรรมชาติเท่านั้น
นี่จึงเป็นจุดเด่นของพลาสติกชนิดนี้ คุณสมบัติในการย่อยสลายหลังการใช้งานในเวลาไม่กี่เดือน ไม่จำเป็นต้องเก็บกลับหรือนำมาผ่านขั้นตอนกรรมวิธีจัดการขยะโดยเฉพาะ เพียงปล่อยไว้ก็จะเกิดการสลายตัวตามธรรมชาติไปเอง ช่วยลดปัญหาขยะและไมโครพลาสติกเจือปนในสิ่งแวดล้อม
อีกหนึ่งจุดเด่นของพลาสติกจากสาหร่ายของพวกเขาคือ กระบวนการและเครื่องมือที่ใช้ในการผลิตพลาสติก สามารถใช้งานอุปกรณ์การผลิตรุ่นเดิมได้อย่างราบรื่น จึงไม่กระทบต่อภาคอุตสาหกรรมหากต้องการจะเปลี่ยนมาใช้งาน ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายและสร้างจูงใจให้สามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น
จริงอยู่ในส่วนการใช้งานจริงอาจต้องอาศัยเวลาอีกพักใหญ่ แต่ทางทีมวิจัยก็ได้ร่วมมือกับอีกหลายบริษัทในการแปรรูปพลาสติกชนิดนี้ให้พร้อมสำหรับการนำไปใช้งานจริง โดยจะมีการนำพลาสติกชนิดนี้มาใช้ในการผลิตผ้าเส้นใยสังเคราะห์กันน้ำและเคสโทรศัพท์มือถือต่อไป
จริงอยู่การพัฒนาเทคโนโลยีถือเป็นความหวังสำคัญในการแก้ไขปัญหาไมโครพลาสติกปนเปื้อน แต่เราก็จำต้องมองหาแนวทางในการแก้ปัญหาในปัจจุบันด้วยเช่นกัน โดยอาจเริ่มจากลดการใช้งานวัสดุพลาสติกหรือใช้งานเท่าที่จำเป็น เพื่อบรรเทาปัญหาไมโครพลาสติกที่ทวีความรุนแรงขึ้นทุกวัน
เพราะต่อให้มีแนวรับมือปัญหาสักแค่ไหนแต่ถ้าไม่จัดการที่ต้นเหตุก็ไม่สามารถแก้ไขได้อยู่ดี
ที่มา
https://today.ucsd.edu/story/biodegradable-microplastics


