การเล่นเกมผ่าน BCI สู่อนาคตแห่งเทคโนโลยีคลื่นสมอง
BCI ถือเป็นอีกหนึ่งระบบที่ช่วยให้เราสั่งการหรือใช้งานคอมพิวเตอร์ผ่านคลื่นสมอง ที่ผ่านมาเราอาจเห็นการพูดคุยสื่อสารผ่านผู้มีความบกพร่องต่างๆ แต่ล่าสุดมีการพัฒนาไปอีกขั้นเมื่อมีการนำเอาเทคโนโลยีนี้มาใช้ในการเล่นเกมซึ่งจะช่วยให้นำไปต่อยอดได้อีกมากในอนาคต
เมื่อพูดถึง BCI หรือ Brian-Computer Interface หลายท่านอาจไม่ค่อยคุ้นเคยกับชื่อนี้มากนัก แม้นี่จะเป็นเทคโนโลยีที่ได้รับการคิดค้นมาเป็นเวลากว่า 50 ปีแล้วก็ตาม แต่หากพูดถึงวิทยาการในการอ่านคลื่นสมองแล้วสั่งการอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ตามคำสั่ง เชื่อว่าหลายท่านคงเคยเห็นตามสื่อบันเทิงหรือการใช้งานในชีวิตจริงกันมาบ้าง
การใช้งาน BCI หรือการอ่านคลื่นสมองสามารถพบได้ทั่วไปในกลุ่มผู้มีความบกพร่องทางร่างกาย มีการนำเทคโนโลยีนี้มาใช้พูดคุยสื่อสารกับผู้อื่นทดแทนส่วนที่เสียหาย ถือเป็นอุปกรณ์ที่มีการใช้งานไม่มากจากข้อจำกัดของอุปกรณ์ที่เข้าถึง ความเสี่ยงในการเกิดอาการแทรกซ้อน ไปจนระยะเวลาในการฝึกฝนค่อนข้างยาวนาน
แต่อาจไม่เป็นแบบนั้นเสมอไปเมื่อ BCI รุ่นใหม่อาจถูกพัฒนาให้กลายเป็นเครื่องเล่นเกมในอนาคต
อีกระดับของเทคโนโลยี สู่การเล่นเกมผ่านคลื่นสมอง
ผลงานนี้เป็นของทีมวิจัยจาก University of Texas กับการพัฒนาระบบ BCI หรือระบบสั่งการคอมพิวเตอร์จากคลื่นสมองให้สามารถใช้งานได้ง่ายขึ้น รองรับการใช้งานจากคนทั่วไปและสามารถทำกิจกรรมได้มากขึ้น ถึงขั้นที่เราอาจสามารถเล่นเกมได้โดยอาศัยความคิดเพียงอย่างเดียว
ตามที่กล่าวไปข้างต้นอุปกรณ์ BCI ที่ช่วยให้เราสั่งการผ่านคลื่นสมองถูกคิดค้นมาเป็นเวลานาน อย่างไรก็ตามอุปกรณ์ชนิดนี้จำกัดการใช้งานในกลุ่มผู้พิการ เนื่องจากการใช้งานจำเป็นต้องผ่าตัดเปิดกะโหลกเพื่อฝังอิเล็กโทรดในการถ่ายทอดคำสั่งจากสมองโดยตรง อีกทั้งต้องฝึกฝนเป็นเวลานาน จึงไม่ใช่อุปกรณ์ที่มีการใช้งานมากนัก
ปัจจุบันความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีช่วยให้เราไม่ต้องผ่าตัดเปิดกะโหลกเสมอไป อุปกรณ์อ่านคลื่นสมองได้รับการพัฒนาให้อยู่ในรูปแบบหมวกสำหรับสวมใส่ พัฒนาระบบให้จากเดิมที่ทำได้เพียงส่งข้อความสำหรับการสื่อสารให้รองรับอุปกรณ์มากขึ้น ไปจนสื่อบันเทิงอย่างการเล่นเกม
ล่าสุดทางทีมวิจัยได้พัฒนาระบบ BCI ให้สามารถรองรับการเล่นเกมได้เป็นผลสำเร็จ โดยการสร้างอินเตอร์เฟสรุ่นใหม่จากการเก็บรวมรวมข้อมูลจากผู้ใช้งานที่ชำนาญอุปกรณ์ BCI มาพัฒนาเป็นฐานข้อมูล เพื่อให้ระบบสามารถแปลงข้อมูลคำสั่งและตอบสนองต่อผู้ใช้งานได้ดียิ่งขึ้น
ผลลัพธ์ของการใช้งานอินเตอร์เฟสนี้คือ ผู้ทดลองทั่วไปที่ไม่มีความบกพร่องทางร่างกาย 18 คน สามารถใช้งานอุปกรณ์ BCI และเล่นเกมแข่งรถรวมถึงเกมปรับสมดุลซ้ายขวาในระบบดิจิทัลได้อย่างราบรื่น โดยไม่จำเป็นต้องฝึกฝนหรือมีความชำนาญในการใช้งานอุปกรณ์คลื่นสมองมาก่อน
นี่จึงถือเป็นก้าวสำคัญที่อาจบอกกับเราว่าการเล่นเกมผ่านคลื่นสมองในสื่อบันเทิงทั้งหลายอาจมาถึงเราในไม่ช้า
กุญแจแห่งเทคโนโลยีคลื่นสมองที่ไม่ได้จบแค่เกม
บางท่านอาจรู้สึกว่าการเล่นเกมผ่านคลื่นสมองไม่ถือเป็นเรื่องแปลก การเล่นเกมผ่านอุปกรณ์ BCI ก็ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้น ที่ผ่านมามีความพยายามในการคิดค้นเกมที่เล่นผ่านคลื่นสมองอยู่ไม่น้อย เช่น Neuralink ที่ได้รับการวางแผนให้เล่นเกมผ่านความคิดได้ อีกทั้งยังมีการนำอุปกรณ์อ่านคลื่นสมองไปเล่นเกมยอดนิยมอย่าง Minecraft หรือ Elden ring เช่นกัน
อย่างไรก็ตามอุปกรณ์ BCI มีข้อจำกัดสำคัญคือ ระยะเวลาทำความคุ้นเคย ตามปกติเมื่อทำการฝังหรือเชื่อมต่ออุปกรณ์สั่งการผ่านคลื่นสมอง โดยมากผู้ใช้งานจำเป็นต้องอาศัยระยะเวลาฝึกฝนเป็นเวลานาน ตามมาตรฐานอาจต้องใช้เวลาฝึกราว 2 – 8 อาทิตย์ จึงจะสามารถใช้งานอย่างชำนาญ
แตกต่างจากอินเตอร์เฟสคลื่นสมองที่ทางทีมวิจัยกำลังพัฒนา ในขั้นตอนการทดสอบพบว่า คนทั่วไปที่ไม่มีความบกพร่องทางร่างกายสามารถทำความเข้าใจ ฝึกฝน และใช้งานอย่างราบรื่นในเวลาไม่กี่ชั่วโมง ใกล้เคียงกับการเรียนรู้ทำความเข้าใจเครื่องมือหรือระบบการใช้งานใหม่ทั่วไป ถือเป็นตัวแปรสำคัญที่ช่วยให้เกมคลื่นสมองอาจเป็นจริงขึ้นมาได้
แน่นอนการใช้งานไม่ได้มีเพียงด้านความบันเทิง การใช้ BCI ทางการแพทย์หรือในกลุ่มผู้พิการเองก็ได้ประโยชน์ไม่แพ้กัน เนื่องจากระยะเวลาในการฝึกฝนในการใช้งานอุปกรณ์สั้นลง ทำให้อุปกรณ์คลื่นสมองใช้งานและเข้าถึงง่าย เพิ่มความสะดวกให้แก่ผู้บกพร่องทางการเคลื่อนไหวให้ปรับตัวได้ง่ายขึ้น
อีกทั้งนี่ยังเป็นรากฐานสำหรับการใช้งานอุปกรณ์ชนิดอื่นในอนาคต โดยทางทีมวิจัยได้นำอินเตอร์เฟสที่พวกเขาพัฒนามาประยุกต์ใช้ร่วมกับวีลแชร์ เพื่อให้กลายเป็นวีลแชร์อัจฉริยะที่สามารถขับเคลื่อนผ่านคลื่นสมอง รวมถึงหุ่นยนต์ฟื้นฟูสมรรถภาพแขนและมือที่อาจเป็นอนาคตของมือและแขนเทียมต่อไป
ด้วยเหตุนี้อินเตอร์เฟสคลื่นสมองจึงอาจเป็นกุญแจสำหรับการใช้งาน BCI ในการใช้คลื่นสมองสั่งการเต็มรูปแบบในอนาคต
จริงอยู่การใช้งานคลื่นสมองสั่งการอาจฟังดูเป็นเรื่องเพ้อฝันล้ำยุค แต่เมื่อประเมินแนวโน้มในปัจจุบันไม่เพียง Neuralink ของ อีลอน มัสก์ เท่านั้น มหาเศรษฐีรายอื่นเองก็ลงทุนใน BCI ทั้งสิ้น ตั้งแต่ ปีเตอร์ ธีล มหาเศรษฐีผู้ร่วมก่อตั้ง Paypal ก็ลงทุนในบริษัทสตาร์ทอัพ Blackrock Neurotech แม้แต่ บิล เกตส์ ก็ลงทุนในสตาร์อัพ Synchorn เช่นกัน
ด้วยเหตุนี้คาดว่าในไม่ช้าเทคโนโลยี BCI สำหรับคนทั่วไปอาจถูกพัฒนาออกมาให้เราได้ใช้งานก็เป็นได้
ที่มา
https://journals.sagepub.com/doi/full/10.1177/15459683211062895