posttoday

"รามา+1 เพิ่มพื้นที่ บวกความหวัง” ดันระบบสาธารณสุขไทยให้ทันยุคดิจิทัล

13 มีนาคม 2567

มูลนิธิรามาธิบดีฯ เปิดตัว "รามา+1 เพิ่มพื้นที่ บวกความหวัง” ดันระดมทุนโครงการอาคารโรงพยาบาลรามาธิบดี ลดความแออัดของพื้นที่อาคารเดิม เสริม AI ช่วยจ่ายยา ยกระดับสาธารณสุขไทยให้ทันยุคดิจิทัล

มูลนิธิรามาธิบดี ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี  สานต่อภารกิจเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของโรงพยาบาลรามาธิบดี เดินหน้าโครงการใหม่ “รามา+1 เพิ่มพื้นที่ บวกความหวัง” ชวนคนไทยร่วมส่งพลังบวก 1 เพื่อเพิ่มพื้นที่รองรับผู้ป่วยและขยายศักยภาพการรักษา เดินหน้าระดมทุนให้แก่โครงการอาคารโรงพยาบาลรามาธิบดี และย่านนวัตกรรมโยธี เพื่อเพิ่มพื้นที่และยกระดับศักยภาพการให้บริการทางการแพทย์แก่ประชาชนชาวไทย พร้อมผลักดันระบบสาธารณสุขไทยให้เท่าทันการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล

ศ.คลินิก นพ.อาทิตย์ อังกานนท์’ คณบดีคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี และประธานคณะกรรมการบริหารมูลนิธิรามาธิบดีฯ กล่าวว่า “โครงการอาคารโรงพยาบาลรามาธิบดี และย่านนวัตกรรมโยธี ถือเป็นโครงการที่ไม่เพียงเพิ่มพื้นที่ในการรักษาที่รองรับนวัตกรรมทางการแพทย์ล้ำสมัยเท่านั้น แต่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนและสนับสนุนพันธกิจของคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดีอย่างครอบคลุมในทุกมิติ เพื่อผลักดันระบบการแพทย์ไทยให้ก้าวหน้าต่อไป”

รศ.นพ.ชูศักดิ์ กิจคุณาเสถียร รองคณบดีฝ่ายนโยบายและแผน คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี กล่าวเสริมว่า “โครงการอาคารโรงพยาบาลรามาธิบดี และย่านนวัตกรรมโยธี จะเอื้อประโยชน์ต่อการบูรณาการและสร้างเครือข่ายความร่วมมือทางการแพทย์และวิทยาศาสตร์สุขภาพเพื่อผลักดันการสร้างสรรค์และต่อยอดนวัตกรรมทางการแพทย์ที่สามารถเพิ่มศักยภาพทางการรักษาต่อไปในอนาคต 

โดยจะมีการนำนวัตกรรมทางการแพทย์หลากหลายประเภทเข้ามาให้บริการทางการแพทย์รวมถึงพัฒนาด้านระบบภายในโรงพยาบาลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการทางการแพทย์ที่ดียิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีดิจิทัลในการบันทึกข้อมูลของผู้ป่วยและการจัดการข้อมูลทางการแพทย์ เครื่องมือช่วยในการรักษาทางการแพทย์ด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI (Artificial intelligence) เช่น การใช้หุ่นยนต์ช่วยผ่าตัดเพื่อช่วยลดระยะเวลาการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ลงและลดระยะเวลาของการพักฟื้นของผู้ป่วย รวมถึงลดอาการบาดเจ็บและลดโอกาสการเกิดภาวะแทรกซ้อนของการผ่าตัด นอกจากนี้ โรงพยาบาลรามาธิบดีแห่งใหม่ยังให้ความสำคัญกับการลดระยะเวลาในการรอรับบริการของผู้ป่วย เช่น การใช้เทคโนโลยี AI เข้ามาช่วยในการจ่ายยา”

โครงการอาคารโรงพยาบาลรามาธิบดี และย่านนวัตกรรมโยธี ออกแบบภายใต้แนวคิด “เข้าใจเขา เข้าใจเรา เข้าใจทุก(ข์)คน” ซึ่งตัวอาคารจะมีความสูง 25 ชั้น ตั้งอยู่บนพื้นที่ส่วนหนึ่งของด้านหน้าองค์การเภสัชกรรม ขนาด 15 ไร่ 2 งาน 24 ตารางวา มีพื้นที่ใช้สอยกว่า 278,000 ตารางเมตร ซึ่งมากกว่าพื้นที่ใช้สอยอาคารสมเด็จพระเทพรัตน์เกือบ 3 เท่า เพื่อตอบโจทย์ความต้องการทั้งผู้ป่วยและบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงการแก้ไขปัญหาด้านความแออัดของพื้นที่อาคารเดิม โดยตั้งเป้าหมายการระดมทุนเพิ่มเติมจากการสนับสนุนของภาครัฐบาลรวมจำนวน 9,000 ล้านบาท เพื่อนำไปใช้ดำเนินการก่อสร้างอาคารโรงพยาบาลและการจัดซื้อเครื่องมือทางการแพทย์ที่ทันสมัยจำนวนมาก ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2573

หัวใจหลักในการให้บริการ 3 ส่วน 

  • การบริการรักษาพยาบาลผู้ป่วย (Public Service)

สามารถให้บริการผู้ป่วยนอกได้ 2.5 ล้านคนต่อปี ผู้ป่วยใน 55,000 รายต่อปี ประกอบด้วย แผนกอายุรศาสตร์ แผนกศัลยศาสตร์ แผนกกระดูกและข้อ แผนกกุมารเวชศาสตร์ แผนกหูคอจมูก แผนกสูตินารีเวช แผนกรังสีวิทยา ศูนย์มะเร็งวิทยาครบวงจร หน่วยเวชระเบียน แผนกพยาธิวิทยา แผนกผ่าตัด หน่วยตรวจผู้ป่วยนอก หอผู้ป่วยในสามัญ หอผู้ป่วยพิเศษ และหอผู้ป่วยวิกฤต รวมประมาณ 1,000 เตียง (เตียงในห้องรวม ห้องเดี่ยว ห้องแยกโรคสำหรับผู้ป่วยภูมิคุ้มกันต่ำ ห้องความดันลบ และห้องผู้ป่วยวิกฤต) ผู้ป่วยสามารถเบิกจ่ายตามสิทธิ์สามัญเหมือนอาคารเดิม แต่ได้รับการบริการที่มีคุณภาพ และความเป็นส่วนตัวมากขึ้น

มีจุดรับส่งผู้ป่วยที่ยาวมากถึง 140 เมตร ตอบโจทย์การคิดถึงใจผู้ป่วยที่อยากถึงมือหมอโดยเร็วที่สุด มีทางเชื่อม Skywalk เข้าอาคารชั้นสอง เชื่อมต่อกับศูนย์การแพทย์สมเด็จพระเทพรัตน์และสะพานลอย ซึ่งในอนาคตมีแผนเชื่อมกับรถไฟฟ้าที่จะมาถึง

  • การเรียนการสอนบุคลากรการแพทย์ (Education)

มีการจัดพื้นที่ให้มีการศึกษา พูดคุยระหว่างผู้เรียนกับผู้สอนอย่างเหมาะสมกลมกลืนกับการปฏิบัติงาน เตรียมพื้นที่สำหรับการใช้ชีวิตของบุคลากรทางการแพทย์ เช่น จัดพื้นที่ห้องทำงานแบบ Co-Working Space ห้องประชุม ห้องรับประทานอาหารและห้องพักสำหรับผู้อยู่เวร

  • การวิจัย (Research)

เพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการทางการแพทย์แก่ผู้ป่วยทุกระดับชั้น ควบคู่ไปกับการผลิตบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขที่มีความรู้และเชี่ยวชาญระดับสูงให้มีศักยภาพสูง ตลอดจนการผนึกกำลังกับเครือข่ายการแพทย์และวิทยาศาสตร์สุขภาพในย่านนวัตกรรมการแพทย์โยธี (YMID) เพื่อนำมาสู่การสร้างนวัตกรรมด้านการแพทย์ ชีวการแพทย์ และการดูแลสุขภาพที่สามารถนำไปต่อยอดและเป็นประโยชน์ทางด้านสาธารณสุขของประเทศในระยะยาว 

ข่าวล่าสุด

เส้นทาง “เถ้าแก่ส้ม” ร้อยล้าน ปั้นโชกุนเบตง–สายน้ำผึ้งฝางดังทั่วประเทศ