เทคโนโลยีทางการแพทย์ไขข้อสงสัย ผู้ชายเป็นหมันจะมีลูกได้หรือไม่?

ปัจจุบันมีการพัฒนาเทคโนโลยีทางการแพทย์เพื่อรักษาผู้มีบุตรยาก ซึ่งช่วยเพิ่มเปอร์เซนต์การตั้งครรภ์และสามารถปิดช่องโหว่การมีลูกยากได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

วิธีการหนึ่งที่ถูกพัฒนาขึ้นมานั่นคือการทำอิ๊กซี่ (ICSI : Intracytoplasmic Sperm Infection) ซึ่งเป็นการทำให้เกิดการปฏิสนธิภายนอกครรภ์มารดา หากแต่แตกต่างจากการทำเด็กหลอดแก้วหรือ IVF ซึ่งจะปล่อยให้อสุจิว่ายแข่งกันไปเจาะไข่คล้ายวิธีตามธรรมชาติ แต่อิ๊กซี่เป็นการฉีดตัวอสุจิเข้าไปในไข่ แทนการปล่อยให้อสุจิเจาะเข้าไปในไข่เองตามธรรมชาติ ใช้รักษาภาวะมีบุตรยากจากสาเหตุในเพศชายนั่นเอง

 

 

ผู้ชายเป็นหมันทำอิ๊กซี่ได้หรือไม่?

 

นายแพทย์วิวรรธน์ ชินพิลาศ แพทย์เฉพาะทางด้านเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์ โรงพยาบาล MedPark ได้ให้ข้อมูลในเรื่องนี้ไว้ว่า ในสมัยก่อนผู้ชายที่มีเชื้ออ่อนจะถูกเรียกว่าเป็นหมัน แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่มีการผลิตเชื้ออสุจิ เช่นเดียวกับผู้ชายที่ทำหมัน ที่แม้จะทำหมันแต่ก็ยังมีการผลิตเชื้ออสุจิอยู่ ซึ่งอิ๊กซี่จะสามารถเข้ามาช่วยเหลือกลุ่มผู้ชายเหล่านี้ให้สามารถมีบุตรได้

 

“ การอ่อนของเชื้ออสุจิมีหลายระดับ ถ้าเผื่อว่ายังคงมีเชื้ออสุจิที่มีชีวิตอยู่และเคลื่อนไหวได้ เราก็สามารถนำมาทำอิ๊กซี่ได้ เช่น มีการสะกิดเนื้อลูกอัณฑะแล้วพบว่ามีเชื้ออสุจิที่ยังมีชีวิตอยู่ และเป็นตัวเต็มวัย เราก็สามารถนำมาทำให้เกิดการปฏิสนธิกับไข่ได้แม้ว่าจะมีแค่ 5 ตัว ก็เพียงพอ ซึ่งโดยปกติแล้วเชื้ออสุจิจะมีอยู่ในหลักร้อยล้านตัว ”

 

สำหรับผู้ชายที่สงสัยว่าตนเองมีเชื้ออสุจิอ่อนหรือไม่ ต้องมาตรวจดูคุณภาพของเชื้ออสุจิ ซึ่งจะดูในหลายมิติ  เช่น ปริมาตร ความเข้มข้น การเคลื่อนไหว เปอร์เซ็นต์รูปร่างส่วนหัว และการแตกตัวของดีเอ็นเอของอสุจิ ทั้งหมดนี้เพื่อมาดูว่าอสุจิมีคุณสมบัติอย่างไร  โดยนายแพทย์วิวรรณธน์ได้กล่าวถึงปัญหาของเชื้ออสุจิของเพศชายในทุกวันนี้ มีสาเหตุมาจาก

1. ความเข้มข้นของตัวอสุจิลดลง

2. การเคลื่อนไหวของอสุจิลดลง

3. รูปร่างส่วนหัวมีเปอร์เซนต์ต่ำลง ( รูปร่างส่วนหัวจะมีความสำคัญในการเจาะเข้าไปในไข่)

4. ในสภาวะที่มีความเครียดสูง พบว่ามี การแตกตัวของดีเอ็นเอที่ตัวอสุจิสูงขึ้น

 

นายแพทย์วิวรรธน์ยังเปิดเผยว่าปัจจุบันพลว่าสถิติคุณภาพอสุจิของผู้ชายลดต่ำลง

 

“ 30-50 ปีที่ผ่านมา ตัวเลขทางสถิติของคุณภาพอสุจิผู้ชายลดต่ำลงโดยลำดับ ซึ่งเชื่อว่าเกิดขึ้นจากสิ่งแวดล้อม มลภาวะ และสารปนเปื้อนที่เรารับประทานเข้าไป เช่น ยาฆ่าแมลง และยาปฏิชีวนะ ซึ่งทำให้คุณภาพอสุจิลดต่ำลง”

 

ในปัจจุบันมีการเปิดเผยว่ามีการใช้อิ๊กซี่ในเกือบทุกเคสที่มารักษาผู้มีบุตรยาก เพราะสามารถนำเชื้ออสุจิเข้าไปปฏิสนธิกับไข่ในเวลาที่เหมาะสมได้ เพื่อได้อัตราการปฏิสนธิสูงขึ้นและคุณภาพของตัวอ่อนที่ดีขึ้น เพราะฉะนั้นการทำอิ๊กซี่ไม่ได้จำกัดแค่คู่สมรสที่ฝ่ายชายมีอสุจิน้อยเท่านั้น คนไข้ทั่วไปหรือคนไข้ที่ฝ่ายหญิงมีอายุมาก ก็มีการนำอิ๊กซี่มาใช้เช่นกัน

 

แนวโน้มเทคโนโลยีเด็กหลอดแก้ว เพิ่มอัตราการสำเร็จ

 

ปัจจุบันเทคโนโลยีการทำเด็กหลอดแก้วได้พัฒนามาตลอด 50 ปี นายแพทย์วิวรรธน์ กล่าวว่า จากที่เคยต้องใส่อสุจิต่อครั้ง 55-60 ตัว จนถึงการใส่อสุจิเพียงตัวเดียว แต่สามารถเพิ่มอัตราการสำเร็จสูงขึ้นด้วยพัฒนาการของเทคโนโลยี จากการทำเด็กหลอดแก้วธรรมดาเป็นการทำอิ๊กซี่ จากการเลี้ยงตัวอ่อนธรรมดาเป็นการเลี้ยงตัวอ่อนในตู้ โดยมีการตรวจโครโมโซมก่อน ซึ่งทำให้เพิ่มโอกาสสำเร็จ

 

“ แนวโน้มการทำเด็กหลอดแก้วในปัจจุบันคือ 1.การทำอิ๊กซี่ 2.การเลี้ยงตัวอ่อนจนถึงระยะบลาสโตซิสต์ 3.มีการตรวจโครโมโซมของตัวอ่อนก่อน ยิ่งถ้าตรวจก่อนก็จะมีการแช่แข็ง และใส่ในภายหลัง 1-2 เดือนหลังจากนั้น เพราะการใส่ตัวอ่อนสด พบว่ามีปัญหาคือฮอร์โมนเพศหญิงเป็นอุปสรรคในการใส่ตัวอ่อนสด เมื่อเรารอให้ฮอร์โมนลดลงจะเพิ่มโอกาสสำเร็จเพิ่มขึ้น”

 

ปัจจุบันอัตราการสำเร็จของเทคโนโลยีเด็กหลอดแก้ว อยู่ที่ร้อยละ 55-60 สำหรับการใส่ตัวอ่อนตัวเดียวที่โครโมโซมปกติ ซึ่งพัฒนาการมาจากความสำเร็จที่ร้อยละ 10 จากการใส่ 4-5 ตัว

 

การวางแผนมีบุตร เมื่อไหร่ดี?

การวางแผนมีบุตรในปัจจุบันเป็นเรื่องที่สำคัญ เนื่องจากพบว่าคนในยุคนี้กว่าที่จะพร้อมมีบุตรก็จะมีอายุมาก โดยนายแพทย์วิวรรธน์ได้แนะนำว่า หากผู้หญิงมีอายุ 35 ปีลงมา แต่งงานแล้ว 1 ปีแล้วไม่ได้คุมกำเนิด แต่กลับยังไม่มีลูกต้องมาพบแพทย์ แต่ถ้าหากอายุเกิน 35 ปีภายในระยะเวลา 6 เดือนไม่มีสัญญาณการตั้งครรภ์ก็ควรจะมาพบแพทย์ได้  หรือควรมาพบได้เลย อย่างน้อยก็ควรมาตรวจว่ามีปัญหาอะไรที่อาจจะเป็นอุปสรรคการตั้งครรภ์

 

“ ผู้หญิงเกิดมาด้วยไข่จำนวนคงที่และลดลงเรื่อยๆ เมื่ออายุมากขึ้น ทางชีววิทยา อายุที่เหมาะสมต่อการมีบุตรคืออายุ 18 -28 ปี แต่ในปัจจุบันกว่าจะมีลูกก็เกินอายุที่เหมาะสมแล้ว สิ่งที่ต้องการบอกคือ ใครอยากมีบุตรให้รีบมาปรึกษา เพื่อประเมินว่าคนไข้แต่ละคู่มีสถานการณ์ความสามารถในการมีบุตรเป็นอย่างไร เพื่อได้รับการให้คำแนะนำที่เหมาะสม เช่น การอยู่กันตามธรรมชาติ การผสมเทียมหรือทำเด็กหลอดแก้ว เป็นต้น

นอกจากนี้ ในปัจจุบันก็มีการฝากไข่สำหรับผู้หญิงในช่วง 28-34 ปี ใครที่ยังไม่มีคู่หรือครอบครัว ก็เป็นกลุ่มที่ควรฝากไข่ หรือคนที่แต่งงานแล้ว แต่ยังไม่คิดว่าจะมีบุตรจนกว่าจะพร้อมก็สามารถทำได้ เพราะเมื่อพร้อมก็อาจจะยากขึ้น  ก็ควรจะฝากตัวอ่อนไว้ก่อน เพื่อให้ได้ไข่คุณภาพดี ตัวอ่อนมีคุณภาพ"