posttoday

'ประเสริฐ'กางโทษใหม่ปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์จำคุกสูงสุด5ปีปรับ5แสน

11 มีนาคม 2567

ประเสริฐ จันทรรวงทอง รมว.ดีอี กางโทษกม.ใหม่ปราบแก็งคอลเซ็นเตอร์ รับเปิดบัญชีม้าโทษจำคุกสูงสุด 3 ปี ปรับ 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ กรณีเป็นธุระจัดหาบัญชีโทษจำคุกสูงสุด5 ปี ปรับ200,000-500,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ตอบกระทู้ถามพลตรีโอสถ ภาวิไล สมาชิกวุฒิสภา ถึงการป้องกันและปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยยอมรับว่า ปัญหามีความรุนแรงยิ่งขึ้นแต่รัฐบาล ก็มีมาตรการในป้องกัน ได้แก่ การบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการจับกุม ป้องกัน และปราบปรามอย่างต่อเนื่อง และธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. และสมาคมธนาคารไทย ได้มีการประสานงานร่วมกัน เพื่อระงับบัญชีม้า และบัญชีอื่นที่เกี่ยวข้อง พร้อมประสานกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ป.ป.ง.ให้ตรวจสอบเส้นทางการเงิน และยึดทรัพย์ รวมถึงการประสานกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. กรณีที่มีการหลอกลวงการลงทุน และประสานกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ และสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ ก.ส.ท.ช. เพื่อตรวจสอบซิมโทรศัพท์ถึงความผิดปกติในการใช้งาน เป็นต้น
 

นอกจากนี้ กระทรวงฯ และรัฐบาล ยังมีการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านอาชญากรรมออนไลน์ หรือ AOC สายด่วน 1441 และตราพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ซึ่งจะมีผลใช้บังคับ ตั้งแต่ 17 มีนาคมนี้ โดยจะเป็นมาตรการป้องกัน และปราบปรามการฉ้อโกง และการหลอกลวงออนไลน์ พร้อมกำหนดบทลงโทษผู้เปิด หรือยินยอมเปิดบัญชีให้คนอื่นใช้บัญชีเงินฝาก หรือ บัญชีม้า ซึ่งจะมีโทษจำคุกสูงสุดไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หรือกรณีเป็นธุระจัดหาบัญชีจะมีโทษจำคุก 2-5 ปี ปรับ 200,000 ถึง 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ พร้อมยังมีการประชาสัมพันธ์ ให้ประชาชนรับทราบถึงภัยการหลอกลวง โดยมีเว็บไซต์ของกระทรวงฯ และศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ทั้ง Facebook, LINE, Instagram, แอพลิเคชั่น X  รวมถึงสายด่วน AOC1441 

รัฐบาลตระหนักถึงความสำคัญ และความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อประชาชน เพราะในแต่ละวัน มีมูลค่าความเสียหายถึงวันละ 70-100 ล้านบาท โดยเฉพาะการหลอกให้ซื้อสินค้า หรือการขายสินค้าไม่ตรงปก และการหลอกให้ประชาชนลงทุน โดยกระทรวงฯ จะยกระดับการทำงานให้เข้มข้น เพื่อรองรับการแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน และหากการดำเนินการ ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ รัฐบาลพร้อมจะยกระดับให้ปัญหาดังกล่าวเป็นวาระแห่งชาติ และในเรื่องดังกล่าว ยังต้องมีการประสานงานกับต่างประเทศ จึงได้มอบหมายปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ไปประสานกับประเทศกัมพูชา เพื่อบูรณาการปราบปรามช่วงแนวชายแดน ทั้งสัญญาณ หรือผู้กระทำผิด ที่เดินทางข้ามไปมาในการก่ออาชญากรรม 

นอกจากนี้ ยังเปิดเผยแผนการแก้ไขปัญหา 3 ระยะ ทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว โดยในระยะสั้นรัฐบาลจะเคร่งครัดในการใช้พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลบุคคล หรือ กฎหมาย PDPA จากนั้นในระยะกลาง มีแผนการใช้ AI เข้ามาแก้ปัญหา โดยการตรวจจับสิ่งผิดปกติ ข่าวลวง หรือข่าวปลอม และในการแก้ไขปัญหาระยะยาว จะต้องมีการแก้ไขข้อกฎหมาย เช่น พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดคอมคอมพิวเตอร์ หรือ พ.ร.บ.คอมฯ และกฎหมายที่ป้องกัน และปราบปรามความเสียหายที่เกิดจากไซเบอร์, กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และจะต้องสร้างการตระหนักรู้ให้กับประชาชน ผ่านโครงการวัคซีนไซเบอร์ เพื่ออบรมให้ความรู้กับประชาชนอย่างต่อเนื่อง