รัฐบาลเข้มมาตรฐาน EV และยูโร 6 หนุนไทยสู่ยานยนต์สะอาด ดึงลงทุนโลก
สมอ. เดินหน้าคุมเข้มมาตรฐานยูโร 6 และยานยนต์ไฟฟ้า (EV) เพื่อลด PM 2.5 พร้อมยกระดับเทคโนโลยีไทยทัดเทียมสากล หวังดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติ
รัฐบาลโดยสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เร่งขับเคลื่อนนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านทางเทคโนโลยีและการลงทุนจากต่างชาติ
นายเอกนิติ รมยานนท์ เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เปิดเผยว่า มติ ครม. เห็นชอบให้บังคับใช้มาตรฐานการควบคุมมลพิษให้เป็นไปตามเกณฑ์สากล ล่าสุด สมอ. เตรียมบังคับใช้ มาตรฐานยูโร 6 สำหรับรถบัสและรถบรรทุกขนาดใหญ่ที่ใช้เครื่องยนต์เบนซิน ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2569 เป็นต้นไป
หลังจากที่เริ่มใช้กับรถยนต์ขนาดเล็กไปแล้วเมื่อต้นปี 2568 เพื่อแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศและฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 อย่างยั่งยืน
การยกระดับมาตรฐานดังกล่าวมีวัตถุประสงค์สำคัญในการ สร้างสภาพแวดล้อมเพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ ที่มุ่งเน้นการพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูงและพลังงานสะอาด ให้ทัดเทียมกับกลุ่มประเทศในสหภาพยุโรป
ทั้งนี้ สมอ. ได้เตรียมความพร้อมให้แก่ผู้ประกอบการในการยื่นขออนุญาตผ่านระบบ E-license แล้วกว่า 140 ราย
นอกเหนือจากการควบคุมมลพิษจากเครื่องยนต์สันดาปแล้ว สมอ. ยังได้กำหนดมาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับ ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ออกมาแล้วถึง 198 มาตรฐาน เพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไทยให้พร้อมรับการเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยี
โดยมาตรฐานเหล่านี้ครอบคลุมทั้ง แบตเตอรี่รถยนต์และรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า, สถานีอัดประจุ, สายไฟฟ้า, ไปจนถึงระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ เช่น ระบบจอดรถอัตโนมัติ และระบบลดความเสียหายจากการชนด้านหน้า
ในอนาคตอันใกล้ สมอ. ยังตั้งเป้าพัฒนาไปสู่ มาตรฐานยูโร 7 ซึ่งจะมีความเข้มงวดมากยิ่งขึ้น โดยจะครอบคลุมยานยนต์ทุกประเภททั้งเบนซิน ดีเซล และไฟฟ้า ซึ่งมาตรฐานใหม่นี้จะไม่เพียงควบคุมมลพิษจากท่อไอเสียเท่านั้น แต่ยังรวมถึงมลพิษที่ไม่ใช่ไอเสีย อาทิ
ฝุ่นจากเบรกและยาง ตลอดจนการกำหนด มาตรฐานความทนทานของแบตเตอรี่ EV เพื่อปรับปรุงคุณภาพอากาศตลอดอายุการใช้งานจริงของรถ ซึ่งภาคอุตสาหกรรมไทยจำเป็นต้องเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับกฎระเบียบสากลที่จะทยอยบังคับใช้ตั้งแต่ปี 2026 เป็นต้นไป


