“กังหันลมยักษ์นอกชายฝั่ง” พลังงานสะอาดจากจีนที่โลกจับตามอง
จีนเดินหน้าพลังงานสะอาดเต็มกำลัง กับ “กังหันลมยักษ์นอกชายฝั่ง” MingYang เริ่มการติดตั้งที่ไห่หนาน และถือเป็นกังหันลมที่ใหญ่ที่สุดในโลกในเวลานี้
KEY
POINTS
- จีนได้ติดตั้งกังหันลมนอกชายฝั่งรุ่น MySE 18.X-20 MW ซึ่งได้รับการประกาศว่าเป็นกังหันลมที่มีกำลังผลิตต่อหน่วยใหญ่ที่สุดในโลก สามารถผลิตไฟฟ้าเลี้ยงบ้านเรือนได้เกือบแสนครัวเรือนต่อปี
- กังหันลมยักษ์นี้มาพร้อมเทคโนโลยีล้ำสมัย เช่น ระบบปรับใบพัดอัจฉริยะเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุด และมีความแข็งแกร่งทนทานต่อพายุไต้ฝุ่นระดับรุนแรง
- การพัฒนาครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ชาติจีนที่มุ่งสู่การเป็น Net Zero ภายในปี 2060 และตอกย้ำสถานะผู้นำด้านพลังงานลมของโลก โดยมีกำลังการผลิตคิดเป็นกว่า 40% ของทั่วโลก
“กังหันลมยักษ์ของจีน” พลังงานสะอาดแห่งอนาคตที่โลกจับตามอง
จีนกำลังก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้นำระดับโลกด้านพลังงานสะอาดอย่างเต็มตัว หนึ่งในผลงานที่สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของประเทศได้ชัดเจนที่สุด คือ “กังหันลมยักษ์นอกชายฝั่ง” (Offshore Wind Turbine) ซึ่งในปัจจุบันได้พัฒนาไปไกลจนกลายเป็นสัญลักษณ์ของนวัตกรรมด้านพลังงานหมุนเวียนสมัยใหม่ของจีน
เมื่อ 28 สิงหาคม 2024 ที่ผ่านมา บริษัท MingYang Smart Energy (มิงหยาง สมาร์ทเอเนอร์จี้) ผู้ผลิตกังหันลมรายใหญ่ของจีน ได้เปิดตัวและติดตั้ง กังหันลมรุ่น MySE 18.X-20 MW ที่เกาะไห่หนาน (Hainan) ซึ่งบริษัทประกาศอย่างเป็นทางการว่าเป็น “กังหันลมนอกชายฝั่งที่มีกำลังผลิตต่อหน่วยใหญ่ที่สุดในโลก (largest single-capacity offshore wind turbine)” นับเป็นอีกก้าวสำคัญของอุตสาหกรรมพลังงานลมระดับโลก โดยกังหันรุ่นนี้มีกำลังผลิตระหว่าง 18 ถึง 20 เมกะวัตต์ และมีเส้นผ่านศูนย์กลางใบพัดขนาดมหึมาระหว่าง 260–292 เมตร ครอบคลุมพื้นที่หมุนรวมกว่า 66,000 ตารางเมตร หรือเทียบเท่ากับสนามฟุตบอลกว่า 9 สนามรวมกัน!
กังหันลมรุ่นใหม่นี้สามารถผลิตไฟฟ้าได้ถึง 80 ล้านกิโลวัตต์ชั่วโมงต่อปี (kWh) เมื่ออยู่ในพื้นที่ที่มีความเร็วลมเฉลี่ยประมาณ 8.5 เมตรต่อวินาที เพียงกังหันเดียวก็สามารถจ่ายพลังงานไฟฟ้าให้กับบ้านเรือนกว่า 96,000 ครัวเรือนต่อปี พร้อมช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากกว่า 66,000 ตันต่อปี ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่สะท้อนพลังของเทคโนโลยีสะอาดที่แท้จริง
สิ่งที่ทำให้กังหันลมรุ่นนี้โดดเด่นเหนือใครคือ เทคโนโลยีการออกแบบ Nacelle (ส่วนกลางของกังหันที่บรรจุระบบไฟฟ้าและกลไกทั้งหมด) ซึ่งมีทั้ง ระบบจอดเฮลิคอปเตอร์ขนาดเล็ก (Helipad) สำหรับภารกิจบำรุงรักษาทางอากาศ และระบบเซ็นเซอร์ตรวจจับลมอัจฉริยะที่สามารถปรับมุมใบพัดให้เหมาะสมกับทิศทางลมแบบเรียลไทม์ ลดการสูญเสียพลังงานและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตได้สูงสุดถึง 97%
นอกจากนี้ โครงสร้างของกังหันยังถูกออกแบบให้ทนต่อพายุไต้ฝุ่นระดับสูงสุดถึง Category 17 หรือความเร็วลมราว 80 เมตรต่อวินาที ซึ่งถือเป็นหนึ่งในจุดแข็งสำคัญที่เหมาะกับสภาพภูมิอากาศของทะเลจีนใต้
นอกจาก MingYang แล้ว จีนยังมีบริษัทพลังงานลมรายใหญ่อื่น ๆ เช่น Goldwind, CSSC Haizhuang และ Dongfang Electric ที่เร่งพัฒนาเทคโนโลยีกังหันขนาดใหญ่เช่นกัน โดยปัจจุบัน MingYang ได้ประกาศเดินหน้าพัฒนา กังหันลมรุ่นใหม่ขนาด 22 MW ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางใบพัดกว่า 310 เมตร ซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวภายในปี 2025 หากสำเร็จ จะเป็นการทำลายสถิติอีกครั้งของ “กังหันลมที่ใหญ่ที่สุดในโลก”
ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นถึงกลยุทธ์ระยะยาวของจีนที่มุ่งสู่การเป็น “Net Zero Nation” ภายในปี 2060 ตามคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้ต่อสหประชาชาติ รัฐบาลจีนได้ทุ่มงบสนับสนุนโครงการพลังงานหมุนเวียนขนาดใหญ่ทั่วประเทศ ทั้งในรูปแบบเงินลงทุน การลดหย่อนภาษี และการพัฒนาโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ (Smart Grid) เพื่อรองรับพลังงานสะอาดเหล่านี้ ปัจจุบันจีนมี กำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมมากกว่า 430 กิกะวัตต์ คิดเป็นกว่า 40% ของกำลังผลิตพลังงานลมทั่วโลก
ภาพของกังหันลมยักษ์ที่ตั้งตระหง่านกลางทะเลจีนใต้ ไม่เพียงเป็นสัญลักษณ์ของความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องยืนยันถึง การเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญของมนุษยชาติจากยุคพลังงานฟอสซิล สู่ยุคพลังงานหมุนเวียนอย่างแท้จริง จีนกำลังพิสูจน์ให้เห็นว่า “พลังงานสะอาด” ไม่ได้เป็นเพียงแนวคิดเพื่อสิ่งแวดล้อม แต่คือการลงทุนในอนาคตของโลกที่ยั่งยืนและทรงพลังยิ่งกว่าเดิม


