เผยอากาศยานไร้คนขับ (โดรน) จะเติบโตก้าวประโดด Air Taxi ไม่ไกลเกินจริง

สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ได้เปิดเผยถึงภาพรวมของตลาด “อากาศยานไร้คนขับ” หรือโดรนในไทยว่า กำลังก้าวเข้าสู่จุดเปลี่ยนที่ชัดเจน และมีโอกาสเติบโตอย่างก้าวกระโดดในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า โดยเฉพาะในส่วนของการขนส่งสินค้าและผู้โดยสาร ซึ่งอาจกลายเป็นหนึ่งในโครงสร้างพื้นฐานด้านการบินรูปแบบใหม่ของประเทศ

 

กพท.คาดว่า จำนวนโดรนในประเทศไทยมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยอาจมี “ไม่ต่ำกว่า 1 ล้านลำ” ในอนาคต ผสมผสานจากการใช้งานในหลากหลายภาคส่วน ทั้งการเกษตร การขนส่งโลจิสติกส์ และการให้บริการผู้โดยสาร

 

โดยข้อมูลล่าสุดในปี 2567 พบว่า มีการจดทะเบียนโดรนแล้วถึง 27,822 ลำ ซึ่งถือว่าเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับปีแรกที่เปิดการจดทะเบียนในปี 2558 ที่มีเพียงหลักร้อยลำเท่านั้น

 

 

เพื่อรองรับการเติบโตดังกล่าว กพท.จึงได้เร่งผลักดันให้มีร่างพระราชบัญญัติเฉพาะด้านการใช้งานโดรนเพื่อการขนส่งและโลจิสติกส์ ซึ่งจะเป็นกรอบกฎหมายที่ช่วยในการควบคุมมาตรฐาน ความปลอดภัย และการใช้งานเชิงพาณิชย์ โดยเบื้องต้นคาดว่า พ.ร.บ.ดังกล่าวจะประกาศใช้ได้ภายในปี 2569 

 

ไม่เพียงแต่กฎหมายเท่านั้น กพท.ยังได้ร่วมมือกับภาคเอกชนและหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อจัดทำ “แผนแม่บท” หรือ Drone Master Plan ซึ่งจะเป็น Roadmap ครอบคลุมตั้งแต่นโยบาย กฎหมายไปจนถึงการพัฒนาบุคลากร โครงสร้างพื้นฐาน ด้านความปลอดภัย ด้านสิทธิส่วนบุคคล และเทคโนโลยีสนับสนุน อาทิ ระบบติดตามสถานะแบบ real-time การใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในขั้นตอนการอนุญาต การออกใบอนุญาตแบบ “Fast Track” เพื่อให้การดำเนินงานมีความทันสมัยและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

 

ด้านความร่วมมือภาคเอกชน กพท.ได้ลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) กับ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) (NT) เพื่อศึกษาและพัฒนาระบบ Drone Delivery System โดยมุ่งเน้นไปที่การขนส่งด้วยอากาศยานไร้คนขับ ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้โดรนเข้าสู่การปฏิบัติจริงในเชิงพาณิชย์ โดยมีเป้าหมายไม่เพียงแต่การใช้งานเพื่อเกษตรกรรมหรือสำรวจพื้นที่เท่านั้น แต่รวมถึงการขนส่งสินค้าและผู้โดยสารด้วย bangkokbiznews

 

นอกจากนี้ ยังมีการสาธิตการบินโดรนขนส่งผู้โดยสารรุ่น EH216-S ที่พัฒนาโดย EHang Intelligent Equipment จากประเทศจีน โดยบริษัท TAO AAM Co., Ltd. ร่วมกับ J Capital Public Company Limited (GCAP) ได้นำรุ่นดังกล่าวมาทดสอบในไทย เพื่อเตรียมรองรับบริการ Air Taxi หรือการให้บริการเดินทางด้วยอากาศยานไร้คนขับในเมืองหรือจุดท่องเที่ยวที่มีศักยภาพ โดยมีแผนนำมาให้บริการในอนาคตในพื้นที่ท่องเที่ยวหลัก ได้แก่ พัทยา ภูเก็ต สมุย เกาะพะงัน และเกาะเต่า ซึ่งหากได้รับอนุญาตแล้ว ก็จะถือว่าเป็นอีกก้าวสำคัญของไทยที่เข้าสู่ยุค Urban Air Mobility (UAM) อย่างจริงจัง 

 

จากภาพรวมที่ปรากฏ ทำให้เห็นว่า ไทยกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านของระบบขนส่งทางอากาศ จากเดิมที่โดรนถูกมองเป็นเครื่องมือเฉพาะกิจในภาคเกษตรหรือสำรวจพื้นที่ กลายเป็นเทคโนโลยีที่จะต้องมีมาตรฐานจัดการและกฎหมายรองรับอย่างครบวงจร เพื่อให้เกิดการใช้งานในเชิงพาณิชย์อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ ซึ่งไม่เพียงแต่สร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ แต่ยังส่งสัญญาณว่า การเดินทางและโลจิสติกส์ในเมืองไทยอาจจะมีแลนด์สเคปใหม่ที่แตกต่างออกไปในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

 

ทั้งนี้ ถึงแม้ภาพทิศทางจะชัดเจน แต่ก็ยังมีหลายประเด็นที่ต้องให้ความสำคัญ เช่น การจัดทำโครงสร้างพื้นฐานรองรับ อาทิ เขตการบินโดรนในเมือง ระบบการจราจรทางอากาศที่ไม่มีนักบิน สิทธิส่วนบุคคลและความเป็นส่วนตัว นโยบายด้านความปลอดภัยและการบังคับใช้กฎหมาย และการรับรู้ของสาธารณชน 

 

นับเป็นก้าวสำคัญของประเทศไทยในการเข้าสู่ยุคใหม่ของระบบขนส่งทางอากาศรูปแบบใหม่ ยกระดับคุณภาพการเดินทาง และเป็นทางเลือกของการคมนาคมขนส่งทางอากาศสำหรับประชาชน

 

 

ที่มา: กรุงเทพธุรกิจ