posttoday

ไทยเดินหน้าพัฒนาเทคฯ ระบบกักเก็บพลังงานขนาดใหญ่ หนุนอนาคตพลังงานสะอาด

07 ตุลาคม 2568

ONNEX by SCG จับมือ Sigenergy จากจีน พัฒนาเทคโนโลยี BESS แบตเตอรี่ขนาด 50MWh เสริมเสถียรระบบไฟฟ้า หนุนภาคอุตสาหกรรมไทยสู่ยุคพลังงานสะอาดอย่างยั่งยืน

KEY

POINTS

  • ระบบกักเก็บพลังงาน (BESS) เป็นเทคโนโลยีสำคัญที่ช่วยสร้างเสถียรภาพให้กับพลังงานหมุนเวียน ทำให้ไทยสามารถเปลี่ยนผ่านสู่การใช้พลังงานสะอาดและบรรลุเป้าหมายสังคมคาร์บอนต่ำได้
  • ภาคเอกชนไทย เช่น ONNEX by SCG ได้เริ่มลงทุนและร่วมมือกับบริษัทเทคโนโลยีต่างชาติเพื่อพัฒนาระบบ BESS ขนาดใหญ่สำหรับภาคอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นการขับเคลื่อนโครงสร้างพื้นฐานพลังงานสะอาดอย่างเป็นรูปธรรม
  • การพัฒนา BESS ในไทยมีการนำเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น AI และ Modular Design มาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และเป็นรากฐานสำคัญในการต่อยอดสู่ Smart Grid, Smart City และรองรับโครงสร้างพื้นฐานสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าในอนาคต

การพัฒนาระบบกักเก็บพลังงาน (Battery Energy Storage System: BESS) กำลังกลายเป็นหนึ่งในกลไกสำคัญของไทยในการก้าวสู่สังคมคาร์บอนต่ำและการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน (Energy Transition) อย่างเป็นรูปธรรม

 

การลงทุนในเทคโนโลยี BESS ไม่เพียงช่วยบริหารจัดการไฟฟ้าที่ผลิตจากพลังงานหมุนเวียน เช่น โซลาร์และลม ให้มีความเสถียรและพร้อมใช้งานตลอดเวลา แต่ยังช่วยลดความผันผวนของระบบไฟฟ้าและเพิ่มความมั่นคงด้านพลังงานให้กับภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม

 

ไทยเดินหน้าพัฒนาเทคฯ ระบบกักเก็บพลังงานขนาดใหญ่ หนุนอนาคตพลังงานสะอาด

 

ล่าสุด ONNEX by SCG ได้ประกาศความร่วมมือเชิงกรอบ (Framework Agreement) กับ Sigenergy Technology บริษัทเทคโนโลยีจากจีน เพื่อพัฒนาระบบ BESS ขนาด 50 เมกะวัตต์ชั่วโมง (50 MWh) สำหรับภาคอุตสาหกรรมไทย ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางการขับเคลื่อนพลังงานสะอาดของ SCG และเป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2050 ขององค์กร ความร่วมมือนี้สะท้อนให้เห็นถึงทิศทางที่ภาคเอกชนไทยเริ่มมีบทบาทสำคัญในการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานพลังงานสะอาด (Clean Energy Infrastructure) เพื่อรองรับการเติบโตของพลังงานหมุนเวียน

 

ในเชิงเทคนิค BESS มีบทบาทสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานของสถานประกอบการ ทั้งในด้านการกักเก็บไฟฟ้าในช่วงเวลาที่ผลิตเกินความต้องการ และปล่อยไฟฟ้าในช่วงพีคเพื่อลดค่าใช้จ่ายด้านอัตราไฟฟ้าสูงสุด นอกจากนี้ การพัฒนาระบบ BESS ในต่างประเทศ เช่น จีนและยุโรป ใช้เทคโนโลยี DC Coupling และ Modular Design เพื่อความยืดหยุ่นในการติดตั้ง พร้อมกับการใช้ AI วิเคราะห์ข้อมูลพลังงานแบบเรียลไทม์และคาดการณ์การใช้พลังงานล่วงหน้า ซึ่งเป็นแนวทางที่ไทยสามารถเรียนรู้และปรับใช้เพื่อต่อยอด Smart Grid และ Smart City ในอนาคต

 

ไทยเดินหน้าพัฒนาเทคฯ ระบบกักเก็บพลังงานขนาดใหญ่ หนุนอนาคตพลังงานสะอาด

 

นาย Samuel Zhang, President & Co Founder - Sigenergy Technology (ที่ 5 จากซ้าย) เผยว่า “Sigenergy เน้นการพัฒนาโซลูชันโซลาร์เซลล์และระบบกักเก็บพลังงาน (BESS – Battery Energy Storage System) โดยมีเทคโนโลยีอินเวอร์เตอร์และแบตเตอรี่ที่ทันสมัย ประสิทธิภาพสูง ทำให้มีจุดแข็งกว่าคู่แข่งในตลาด อาทิ ด้วยระบบ DC Coupling  ที่ไม่ต้องติดตั้งตู้ MDB และสายไฟฟ้าของระบบ AC Coupling จึงช่วยลดเงินลงทุนได้มากกว่า 21%, Modular Design ซึ่งสามารถเพิ่มลดขนาดของแบตเตอรี่ได้ตามความต้องการของผู้ใช้งาน, ระบบ AI ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพระบบแบบเรียลไทม์ สามารถวิเคราะห์ปัญหา ไปจนถึงการวางแผนพลังงานเชิงคาดการณ์ได้, Zero Millisec Power Injection ด้วยอัลกอริทึมขั้นสูง รับประกันความเสถียรและจ่ายพลังงานอย่างต่อเนื่องแม้ในขณะไฟฟ้าดับ และ Function V2X (Vehicle-to-Everything) คือเทคโนโลยีที่เปลี่ยนรถ EV ให้กลายเป็นแหล่งพลังงานอัจฉริยะที่สามารถจ่ายไฟกลับเข้าบ้านหรืออุปกรณ์ไฟฟ้าอื่น ๆ ได้”

 

จากมุมมองเชิงนโยบาย การพัฒนาระบบ BESS ยังสอดคล้องกับ แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า (Power Development Plan: PDP) ของไทย ที่เน้นการเพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนและลดการพึ่งพาพลังงานฟอสซิล การมี BESS ขนาดใหญ่รองรับจะช่วยให้ระบบไฟฟ้าสามารถรองรับการผลิตพลังงานหมุนเวียนในระดับสูงได้อย่างมั่นคง และเปิดโอกาสในการเชื่อมต่อกับระบบ EV Charging Infrastructure และอาคารอัจฉริยะ (Smart Building) เพื่อสร้างระบบพลังงานครบวงจรที่ยั่งยืน

 

โดยสรุปการลงทุนและพัฒนาระบบ BESS ไม่ใช่เพียงแค่การเสริมสร้างความมั่นคงด้านพลังงานให้ภาคอุตสาหกรรม แต่ยังเป็น รากฐานสำคัญของโครงสร้างพื้นฐานพลังงานสะอาด ที่จะขับเคลื่อนไทยสู่เป้าหมาย Net Zero และรองรับการเปลี่ยนผ่านสู่ Smart City ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

ข่าวล่าสุด

ดูบอลสด ถ่ายทอดสด อาร์เซน่อล พบ วูล์ฟ พรีเมียร์ลีก วันนี้ 13 ธ.ค.68