กทม.มั่นใจเอาอยู่ ! ป้องกันน้ำท่วม 3 ด้าน น้ำเหนือ น้ำหนุน ฝนตกหนัก
ชัชชาติลงพื้นที่ตรวจแนวป้องกันเจ้าพระยา กทม.วาง 5 มาตรการ ลดความเสี่ยงน้ำท่วม พร้อมติดตามระดับน้ำ-ฝนใกล้ชิดและช่วยเหลือประชาชนทันที
วันที่ 7 ตุลาคม 2568 นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นำทีมผู้บริหารและสื่อมวลชนลงพื้นที่สำรวจแนวป้องกันน้ำริมแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อยืนยันความพร้อมของกรุงเทพมหานครในการรับมือสถานการณ์น้ำท่วมจาก 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่ น้ำเหนือไหลบ่า น้ำทะเลหนุน และฝนตกหนัก
สำรวจแนวคันกั้นน้ำ-จุดเสี่ยง
การตรวจพื้นที่ครอบคลุมแนวริมแม่น้ำเจ้าพระยา เขตพระนคร บางกอกใหญ่ และบางกอกน้อย อาทิ ชุมชนท่าวัง แนวกระสอบทรายท่าราชวรดิษฐ์ การเสริมผนังกั้นน้ำบริเวณกรมอู่ทหารเรือ และแนวก่อสร้างเขื่อนฟันหลอบริเวณวัดระฆังโฆสิตาราม เพื่อสร้างความมั่นใจว่าจุดเสี่ยงต่าง ๆ จะสามารถรองรับสถานการณ์ได้
ระดับน้ำเจ้าพระยา-ฝนเดือนตุลาคม
สำนักการระบายน้ำรายงานว่า ระหว่างวันที่ 9–12 ตุลาคมนี้ ระดับน้ำทะเลจะหนุนสูงกว่าปกติ (+1.18 ถึง +1.20 เมตร รทก.) ส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาสูงขึ้น แต่ยังไม่กระทบแนวป้องกันน้ำของกรุงเทพฯ
ขณะเดียวกัน ช่วง 6–14 ตุลาคม จะมีฝนตกเพิ่มจากอิทธิพลหย่อมความกดอากาศต่ำและร่องมรสุม โดยคาดว่ากรุงเทพฯ และปริมณฑลจะมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มต่ำท้ายเขื่อน
5 มาตรการรับมือน้ำ
กทม.ได้จัดทำมาตรการรองรับน้ำเหนือและน้ำหนุน 2 ด้าน ได้แก่
- ตรวจสอบแนวป้องกันน้ำริมเจ้าพระยาและจุดเสี่ยงน้ำท่วม
- เตรียมความพร้อมเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือประชาชน
มาตรการรองรับฝนตกหนักอีก 3 ด้าน ได้แก่
- ลดระดับน้ำในคลองและแก้มลิงเพื่อรองรับฝน
- ตรวจสอบและเร่งระบายน้ำในระบบ
- เตรียมเครื่องจักร อุปกรณ์ และเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานทันทีเมื่อมีฝนตกหนัก
เสริมแนวป้องกัน-เครื่องสูบน้ำ
ปัจจุบัน กทม. ดำเนินการแก้ไขจุดฟันหลอแล้วเสร็จ 22 จุด เหลือ 10 จุดที่กำลังเร่งงาน พร้อมวางแนวกระสอบทราย 75 จุด ใช้รวมกว่า 198,700 ใบ นอกจากนี้ ยังติดตั้งเครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่และจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวัง 24 ชั่วโมง เพื่อเร่งระบายน้ำในกรณีที่มีน้ำรั่วซึมหรือฝนตกหนัก
น้ำเหนือยังอยู่ในเกณฑ์ควบคุมได้
ศูนย์อำนวยการน้ำแห่งชาติรายงานว่า ปริมาณน้ำใน 4 เขื่อนหลักลุ่มเจ้าพระยา ยังมีความจุรองรับได้กว่า 2,000 ล้านลูกบาศก์เมตร ขณะที่การระบายน้ำจากเขื่อนและการไหลผ่านแม่น้ำเจ้าพระยาอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ จึงยังไม่กระทบพื้นที่กรุงเทพมหานครในวงกว้าง
ช่องทางติดตามสถานการณ์
ประชาชนสามารถติดตามสถานการณ์น้ำและฝนจากกรุงเทพมหานครได้ทางเว็บไซต์ dds.bangkok.go.th
และ prbangkok.com
หรือผ่าน Facebook: @BKK.BEST, X (Twitter): @BKK_BEST รวมถึงสายด่วน 1555 และศูนย์ควบคุมระบบป้องกันน้ำ 0 2248 5115 และแอปพลิเคชัน Traffy Fondue


