posttoday

TDRI ชี้ หากภาครัฐยังไม่เร่งเปิด TPA ไฟฟ้าพลังงานสะอาด ไทยจะสูญเสียอะไร?

07 ตุลาคม 2568

การเปิด TPA ไม่ใช่เพียงแค่นโยบายพลังงาน แต่คือ “ยุทธศาสตร์เพื่อความอยู่รอด” ของประเทศในโลกที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานสะอาด

KEY

POINTS

  • TDRI ชี้ หากภาครัฐยังไม่เร่งเปิด TPA  ไทยจะสูญเสียโอกาสในการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) โดยเฉพาะจากบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ที่ต้องการใช้พลังงานสะอาด 100% สำหรับดาต้าเซ็นเตอร์ ซึ่งอาจย้ายฐานการลงทุนไปยังประเทศคู่แข่ง
  • ความสามารถในการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรมลดลงจากต้นทุนค่าไฟฟ้าที่สูงและภาษีคาร์บอนข้ามพรมแดน (CBAM) และเสี่ยงต่อปัญหาการว่างงานและความเหลื่อมล้ำทางรายได้จากการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจสีเขียวที่ล่าช้า
  • พลาดเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) และ Net Zero เพราะไม่สามารถเพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนได้ทันตามความต้องการ และอาจต้องพึ่งพาพลังงานฟอสซิลมากขึ้น

ประเด็นเชื่อมโยงจากงาน ESG Symposium 2025 (2 ตุลาคม 2568) ภายในงาน SX2025 หรือ SUSTAINABILITY EXPO 2025 ที่ QSNCC กรุงเทพมหานคร 3 วาระสำคัญที่ถูกยกมากล่าวถึง ได้แก่ การเร่งเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด (Energy Transition) การยกระดับ SMEs สู่ธุรกิจคาร์บอนต่ำอย่างครบวงจรและเป็นธรรม (Just Transition for SMEs) และการเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับภาวะโลกรวน (Climate Adaptation) ที่โพสต์ทูเดย์ได้นำเสนอผ่านหัวข้อข่าว ESG Symposium 2025 เร่งเปิดเสรีไฟฟ้าผ่าน TPA Code เอกชนเข้าถึงพลังงานสะอาด

 

ในประเด็นที่ทางสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือ TDRI โดย ดร.อารีพร อัศวินพงศ์พันธ์ นักวิจัยอาวุโสจากสถาบัน TDRI นำเสนอมุ่งเน้นในการเร่งเปิด Third Party Access (TPA) หรือ "การเปิดใช้ระบบโครงข่ายไฟฟ้าให้แก่บุคคลที่สาม" เพื่อส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าพลังงานสะอาด ว่าจะเป็นทั้งทางรอดและโอกาสของระบบพลังงานไทย ไปจนถึงกรณีที่หากภาครัฐยังไม่เร่งเปิด TPA ไฟฟ้าพลังงานสะอาด ไทยจะสูญเสีย "โอกาส" อะไรบ้างนั้น แม้ว่าไอเดียเรื่อง TPA หรือ การเปิดทางให้เอกชนส่งไฟฟ้าเข้าระบบได้ เพื่อให้ธุรกิจเลือกใช้ไฟสะอาดได้ จะคือกุญแจสำคัญของการส่งเสริมพลังงานสะอาดในไทยที่หลายประเทศใช้กันมานานแล้ว แต่เรื่องนี้ก็ยังเกิดขึ้นได้ยากเต็มที (นานเกิน 10 ปีถึงเกือบ 20 ปีที่ริเริ่มไอเดียนี้)

 

TDRI ชี้ หากภาครัฐยังไม่เร่งเปิด TPA ไฟฟ้าพลังงานสะอาด ไทยจะสูญเสียอะไร?

 

เรื่องนี้อาจเข้าใจยาก แต่ความจริงใกล้ตัวกว่าที่คิด เพราะคุณอาจไม่รู้ตัวว่าทุกครั้งที่ดูวิดีโอบน YouTube หรือส่งข้อความใน LINE คุณกำลังใช้พลังงานจาก “Data Center” — ศูนย์กลางข้อมูลขนาดมหึมาที่ต้องเปิดตลอด 24 ชั่วโมง ไม่มีวันหยุด และต้องการ “ไฟฟ้าที่ไม่สะดุด” ตลอดเวลา

 

ปัญหาคือบริษัทเทคโนโลยีระดับโลกอย่าง Google, Microsoft, TikTok ต่างตั้งเป้าใช้พลังงานหมุนเวียน 100% และกำลังมองหาประเทศในเอเชียที่มี “ไฟฟ้าสะอาดเพียงพอ” เพื่อรองรับการเติบโตของศูนย์ข้อมูลเหล่านี้ แต่ประเทศไทยยังไม่มีระบบเปิดให้เอกชนเข้าถึงไฟฟ้าสะอาดโดยตรง หรือที่เรียกว่า TPA (Third Party Access)

 

ข้อมูลจาก TDRI คาดการณ์ว่า ภายในปี 2036 ไทยจะต้องใช้ไฟสะอาดมากกว่า 5,400 เมกะวัตต์ เพื่อรองรับ Data Center แต่หากยังไม่เปิด TPA ไทยอาจเห็นภาพบริษัทเหล่านี้ย้ายฐานไปตั้งในเวียดนาม สิงคโปร์ หรือมาเลเซียแทน

 

ดร.อารีพร ชี้ให้เห็นชัดๆ ว่าประเทศไทยกำลังเผชิญความท้าทายครั้งสำคัญในการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด แม้ประชาชนส่วนใหญ่เข้าถึงไฟฟ้าได้เกือบทั้งหมดและระบบไฟฟ้ามีความเสถียร แต่รายงานจาก World Economic Forum 2024 ชี้ให้เห็นว่า คะแนนดัชนีการเปลี่ยนผ่านพลังงานของไทยอยู่ที่เพียง 55.8 คะแนน ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยโลก (56.5 คะแนน) และยังตามหลังประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคอย่างเห็นได้ชัด

 

จุดอ่อนสำคัญคือการพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานสะอาดที่ล่าช้า ขาดแคลนแรงงานทักษะสีเขียว และยังคงพึ่งพาการนำเข้าก๊าซธรรมชาติจำนวนมาก ทำให้ต้นทุนพลังงานสูงและกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของประเทศโดยรวม

 

TDRI ชี้ หากภาครัฐยังไม่เร่งเปิด TPA ไฟฟ้าพลังงานสะอาด ไทยจะสูญเสียอะไร?

 

แผน PDP และการเปลี่ยนผ่านที่ยังไม่ตอบโจทย์เศรษฐกิจไทย

และแม้ประเทศไทยจะมี แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า (PDP) เป็นแม่บทหลักในการบริหารจัดการพลังงาน แต่การดำเนินการกลับล่าช้าและตั้งเป้าหมายพลังงานสะอาดต่ำกว่าความต้องการของภาคอุตสาหกรรมและเอกชน ทำให้ประเทศเสี่ยงพลาดโอกาสทางเศรษฐกิจ สูญเสียการลงทุนจากต่างชาติ และไม่สามารถบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2050 ได้อย่างแท้จริง

 

ทำไมการเร่งเปิด Third Party Access (TPA) คือทางรอดของระบบพลังงานไทย

ทางออกสำคัญที่ TDRI เสนอคือการ “เปิดระบบ TPA” หรือ Third Party Access ให้เอกชนสามารถเชื่อมต่อระบบโครงข่ายไฟฟ้าได้โดยตรง เพื่อส่งเสริมการผลิตและซื้อขายไฟฟ้าพลังงานสะอาดอย่างเสรี การเปิด TPA จะช่วยลดต้นทุนไฟฟ้า ดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ และเพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนให้มากขึ้นตามเป้าหมาย NDC 3.0 ที่มุ่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเหลือเพียง 152 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์ภายในปี 2035

 

TDRI ชี้ หากภาครัฐยังไม่เร่งเปิด TPA ไฟฟ้าพลังงานสะอาด ไทยจะสูญเสียอะไร?

 

TDRI ระบุว่า หากภาครัฐยังไม่เร่งเปิด TPA ผลกระทบที่เกิดขึ้นจะรุนแรงทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม

ด้านเศรษฐกิจ ต้นทุนการผลิตของภาคอุตสาหกรรมจะสูงขึ้นจากค่าไฟฟ้าและภาษีคาร์บอนข้ามพรมแดน (CBAM) การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) มีแนวโน้มลดลง โดยเฉพาะจากญี่ปุ่น สิงคโปร์ และสหรัฐฯ ที่มีความต้องการใช้พลังงานสะอาดสูง รวมถึงอุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่ เช่น ยานยนต์ไฟฟ้า ดิจิทัล และเศรษฐกิจ BCG อาจชะลอตัวเนื่องจากขาดไฟฟ้าสะอาดรองรับ

 

ด้านสังคม การจ้างงานในธุรกิจสีน้ำตาลจะลดลงอย่างต่อเนื่อง ขณะที่งานสีเขียวซึ่งต้องใช้ทักษะเฉพาะทางเติบโตเพียงเล็กน้อย ส่งผลให้แรงงานจำนวนมากเสี่ยงตกงาน และเกิดความเหลื่อมล้ำทางรายได้ เนื่องจากแรงงานสีเขียวมีรายได้สูงกว่าในทุกระดับการศึกษา

 

ด้านสิ่งแวดล้อม การขาดไฟฟ้าสะอาดอาจทำให้ไทยต้องหันกลับไปพึ่งพาพลังงานฟอสซิลมากขึ้น โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรมและศูนย์ข้อมูล (Data Center) ที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว ซึ่งอาจทำให้ประเทศไม่สามารถรักษาเสถียรภาพด้านพลังงานและพลาดเป้าหมาย Net Zero

 

TDRI ชี้ หากภาครัฐยังไม่เร่งเปิด TPA ไฟฟ้าพลังงานสะอาด ไทยจะสูญเสียอะไร?

 

แรงกดดันจากเศรษฐกิจโลกและโอกาสใหม่ของไทย

การเปิด TPA และตลาดซื้อขายไฟฟ้าพลังงานสะอาดแบบ Direct PPA ถือเป็นกุญแจสำคัญในการรักษาความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยในยุคเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ บริษัทข้ามชาติจำนวนมากตั้งเป้าลดการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ ซึ่งหากไทยไม่สามารถจัดหาพลังงานสะอาดได้เพียงพอ บริษัทเหล่านี้อาจย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศเพื่อนบ้านที่ดำเนินการได้รวดเร็วกว่าทันที

 

ข้อเสนอเชิงนโยบาย “ชัด คล่อง เป็นจริง”

TDRI เสนอแนวทางเร่งรัดการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานของไทยในสามระดับ

ระยะสั้น: ทบทวนโครงสร้างค่าไฟให้สะท้อนต้นทุนจริง เปิดการแข่งขันในตลาดไฟฟ้าอย่างเป็นขั้นตอน และเร่งออกนโยบายสนับสนุน Direct PPA พร้อมจัดตั้ง “ช่องทางด่วนสีเขียว” (Green Channel) สำหรับโครงการที่มีความสำคัญต่อการบรรลุเป้าหมาย NDC

ระยะกลาง: ปรับโครงสร้างกิจการไฟฟ้าให้เข้าสู่ระบบเสรี สร้างกลไกตลาดที่เป็นธรรม โปร่งใส และวางระบบสำรองไฟฟ้าอย่างมั่นคง เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นและเสถียรภาพของระบบพลังงาน

ระยะยาว: วางแผนบูรณาการการเปลี่ยนผ่านพลังงานกับยุทธศาสตร์ชาติและแผนพัฒนาเศรษฐกิจ-สังคม โดยใช้แนวทาง Public-Private Partnership และการทดลองเชิงนโยบาย (Sandbox) เพื่อปรับกฎระเบียบให้เหมาะกับสภาพจริงในพื้นที่

 

ถึงเวลาที่รัฐต้องฟังเสียงของภาคเอกชนและลงมือจริง

การเปลี่ยนผ่านพลังงานไม่ใช่แค่เรื่องของภาพลักษณ์ แต่คือเรื่อง “การอยู่รอดทางเศรษฐกิจ” ของประเทศ การเร่งเปิดทางให้ไฟฟ้าสะอาดจะช่วยรักษามูลค่าทางเศรษฐกิจ สร้างงานใหม่ เพิ่มรายได้ และลดความเหลื่อมล้ำ ขณะเดียวกันยังช่วยให้ประเทศไทยเดินหน้าอย่างมั่นคงสู่เป้าหมาย Carbon Neutrality 2050 อย่างเป็นธรรมและยั่งยืนสำหรับทุกภาคส่วน

 

“กกพ. เปิดรับฟังความเห็นร่างข้อกำหนดเปิดเสรีไฟฟ้า TPA”

ล่าสุด สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นต่อ “ร่างข้อกำหนดการเปิดใช้ระบบโครงข่ายไฟฟ้าให้แก่บุคคลที่สาม (Third Party Access Code: TPA Code) ตั้งแต่ 3 – 10 ต.ค. นี้

 

โดยร่างข้อกำหนด TPA Code จัดทำขึ้นตาม แผนปฏิรูปประเทศด้านพลังงาน (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2564) และ มติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ครั้งที่ 1/2567 เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2567 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการเปิดให้ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) สามารถเปิดให้บุคคลที่สามใช้และเชื่อมต่อระบบโครงข่ายไฟฟ้า (Transmission และ Distribution Network) ได้อย่างเท่าเทียม โปร่งใส และเป็นธรรม

 

โดยก่อนหน้านี้ในปี 2565 การไฟฟ้านครหลวง ก็ได้รับฟังความคิดเห็น (ร่าง) ข้อกำหนดว่าด้วยการเปิดใช้ระบบโครงข่ายไฟฟ้าให้แก่บุคคลที่สาม (Third Party Access Code: TPA Code) ของการไฟฟ้านครหลวง พ.ศ. ... (อ่านรายละเอียดคลิก)

ข้อกำหนด ว่าด้วย การเปิดใช้ระบบโครงข่ายไฟฟ้าให้แก่บุคคลที่สาม

ข่าวล่าสุด

"สุภกิต" นำทัพซีพีอาสาพื้นที่หาดใหญ่ ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ช่วยชาติยามวิกฤต