อารีย์–ประดิพัทธ์ DNA ย่านสร้างสรรค์สู่เมืองฉลาดรู้ ผ่านมุมมองนักออกแบบ
สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) ได้วางแผนยกระดับพื้นที่อารีย์ให้กลายเป็น “ARI Tech District” หรือย่านนวัตกรรมที่เป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีเชิงลึก (Deep Tech) แห่งแรกของประเทศไทย
KEY
POINTS
- ย่านอารีย์-ประดิพัทธ์มีรากฐานจากการเป็น "ย่านสร้างสรรค์" ที่แข็งแกร่ง โดยมีรถไฟฟ้า BTS เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ดึงดูดกลุ่มคนทำงานสร้างสรรค์และสตูดิโอออกแบบจำนวนมาก จนเกิดเป็นระบบนิเวศเศรษฐกิจสร้างสรรค์ที่เข้มแข็ง
- ความสำเร็จของย่านเกิดจากการผสมผสานโครงสร้างพื้นฐานที่เอื้อต่อการเดิน (Walkable Urban Fabric) ความหลากหลายทางเศรษฐกิจที่กระตุ้นนวัตกรรมข้ามศาสตร์ และพลังของชุมชนที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์แก้ปัญหาและสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียนในพื้นที่
- อนาคตของย่านมุ่งสู่การเป็น "เมืองฉลาดรู้" (Cognitive City) ซึ่งเป็นวิสัยทัศน์ของสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) ที่จะพัฒนาย่านให้เป็นเขตเทคโนโลยีเชิงลึก (Deep Tech District) แห่งแรกของไทย โดยใช้เทคโนโลยีต่อยอดจากฐานทุนเดิมเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต
ในอดีต ย่านอารีย์-ประดิพัทธ์มีตัวตนที่หลากหลายและซ้อนทับกันอยู่หลายชั้น ตั้งแต่การเป็นย่านที่อยู่อาศัยของข้าราชการที่ทำงานใกล้หน่วยงานภาครัฐ ไปจนถึงการเป็นย่านพักแรมของทหารจีไอ (G.I.) ชาวอเมริกันในยุคสงครามเวียดนาม ซึ่งทิ้งมรดกทางกายภาพที่เป็นรูปธรรมไว้ในสถานที่อย่าง "โรงแรมอลิซาเบธ" และซากอาคาร "เสรีคอร์ท" ควบคู่ไปกับการเป็นย่านธุรกิจเก่าแก่ที่เคยรุ่งเรือง
จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญที่เข้ามาพลิกโฉมย่านนี้คือการมาถึงของ รถไฟฟ้าบีทีเอส (BTS) ซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวเร่งปฏิกิริยา (Catalyst) กระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างมหาศาล โครงข่ายคมนาคมที่สะดวกสบายได้ดึงดูดกลุ่มคนใหม่ๆ ทั้งผู้อยู่อาศัยและผู้ประกอบการให้หลั่งไหลเข้ามา ก่อให้เกิดคอนโดมิเนียมสมัยใหม่ และที่สำคัญคือการรวมตัวของกลุ่มคนในสายงานสร้างสรรค์
การหยั่งรากลึกของเศรษฐกิจสร้างสรรค์ในพื้นที่นี้ไม่ได้เกิดขึ้นตามกระแสชั่วข้ามคืน แต่มีศูนย์กลางที่เข้มแข็งอย่าง "หมู่บ้านนักออกแบบ" ณ 33 Space ในซอยประดิพัทธ์ 17 ซึ่งเป็นที่รวมตัวของสตูดิโอออกแบบกว่า 57 แห่ง ครอบคลุมทั้งสถาปัตยกรรม กราฟิก และเทคโนโลยี ที่ก่อตั้งมานานกว่า 10 ปี สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นว่าความคิดสร้างสรรค์ได้ฝังตัวเป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างทางเศรษฐกิจและสังคมของย่านมาอย่างยาวนาน
อารีย์–ประดิพัทธ์ จากย่านสร้างสรรค์สู่เมืองฉลาดรู้ ผ่านมุมมองนักออกแบบ
ย่านอารีย์–ประดิพัทธ์ในวันนี้ได้ก้าวข้ามภาพจำของการเป็นเพียงแหล่งรวมคาเฟ่ ร้านอาหาร และพื้นที่แฮงเอาต์สุดชิคไปไกลกว่านั้น หากมองผ่านสายตาของนักออกแบบเมือง ที่นี่ไม่ต่างจาก “ห้องทดลอง” ขนาดใหญ่ซึ่งเต็มไปด้วยพลังสร้างสรรค์และการทดลองนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่มีชีวิตจริงอยู่ในทุกตารางเมตร ย่านนี้กำลังเคลื่อนตัวจาก “ย่านสร้างสรรค์” (Creative District) ที่มีเสน่ห์เฉพาะตัว ไปสู่การเป็น “เมืองฉลาดรู้” (Cognitive City) ซึ่งผสมผสานทั้งชุมชน เทคโนโลยี และวิสัยทัศน์เชิงนวัตกรรมเข้าด้วยกันอย่างน่าจับตา
เมื่อถอดรหัสองค์ประกอบที่ทำให้อารีย์–ประดิพัทธ์เติบโตได้อย่างไม่หยุดนิ่งจะพบว่ามีหลายปัจจัยร่วมกัน ประการแรกคือโครงสร้างกายภาพที่เหมาะสม ย่านนี้ตั้งอยู่ในตำแหน่งยุทธศาสตร์ของกรุงเทพฯ มีทั้งถนนสายหลักและรถไฟฟ้าเชื่อมโยง ทำให้เกิด “สภาพแวดล้อมที่เดินได้” (Walkable Urban Fabric) ธุรกิจสร้างสรรค์จึงเบ่งบานท่ามกลางผู้คนที่อยู่อาศัยและสัญจรเข้ามาไม่ขาดสาย ประการต่อมาคือความหลากหลายทางเศรษฐกิจ ตั้งแต่อุตสาหกรรมอาหารที่ครองสัดส่วนใหญ่ ไปจนถึงธุรกิจออกแบบและแพทย์แผนไทย ความแตกต่างเหล่านี้สร้างโอกาสในการนวัตกรรมข้ามศาสตร์ เช่น สตาร์ทอัพด้าน Food–tech หรือโซลูชันบรรจุภัณฑ์ยั่งยืน
สุดท้ายคือพลังของชุมชน ซึ่งสะท้อนผ่านแพลตฟอร์มอย่าง AriAround และโครงการ ARI Coin ที่เปลี่ยนขยะพลาสติกให้กลายเป็นมูลค่า นี่ไม่ใช่เพียงระบบสะสมแต้ม แต่คือการออกแบบ “เศรษฐกิจหมุนเวียนจุลภาค” ที่ชุมชนมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง
ความคิดสร้างสรรค์ในย่านนี้ไม่ได้หยุดอยู่ที่การตกแต่งหรือการค้าขาย แต่ถูกนำมาใช้แก้ปัญหาเมืองอย่างจริงจัง ตัวอย่างในงาน Bangkok Design Week 2020 แสดงให้เห็นชัดเจน โครงการ “Tinker Potform” ช่วยรวมเครือข่ายนักออกแบบที่กระจัดกระจายให้เชื่อมโยงกันได้ ขณะที่ “Eats Meet Waste” หยิบปัญหาขยะอาหารจากอุตสาหกรรมร้านอาหารมาออกแบบเป็นโซลูชันที่สร้างมูลค่าใหม่ และการจัดระเบียบการสัญจรในซอยอารีย์ก็เป็นอีกบทเรียนของการใช้การออกแบบบริการเพื่อจัดการความวุ่นวาย นอกจากนี้ กิจกรรม “ทัวร์สุ่มสี่สุ่มให้” ยังได้รื้อฟื้นความทรงจำทางประวัติศาสตร์ เปลี่ยนภูมิทัศน์ทางความคิดของผู้คนจากการมองย่านนี้เป็นแค่แหล่งคาเฟ่ ไปสู่พื้นที่ที่มีชั้นเชิงทางการเมืองและวัฒนธรรมที่ซ่อนอยู่
ทั้งหมดนี้ปูทางสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ เมื่อสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) เปิดตัววิสัยทัศน์ “Toward ARI: 2025 The Cognitive City” ที่จะยกระดับอารีย์–ประดิพัทธ์สู่การเป็นย่านนวัตกรรมและเทคโนโลยีเชิงลึกแห่งแรกของประเทศ ปัจจัยสนับสนุนมาจากทั้งโครงสร้างพื้นฐานของหน่วยงานระดับประเทศ คอมมูนิตี้ที่แข็งแกร่ง ความเป็นศูนย์กลางไลฟ์สไตล์ และการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องจากหน่วยงานสร้างสรรค์ ทำให้ย่านนี้พร้อมสำหรับการต่อยอดไปสู่ “เมืองฉลาดรู้”
เส้นทางของอารีย์–ประดิพัทธ์จึงเป็นบทพิสูจน์ของการพัฒนาเมืองที่ผสานทั้งพลังจากเบื้องล่างและวิสัยทัศน์จากเบื้องบน ฝั่งหนึ่งคือพลังสร้างสรรค์ของชุมชนที่รวมตัวกัน สร้างสตูดิโอออกแบบ สร้างแพลตฟอร์ม และออกแบบกิจกรรมขึ้นเอง อีกฝั่งคือการสนับสนุนเชิงนโยบายจากรัฐ ทั้ง CEA ที่ใช้เทศกาลออกแบบเป็นเครื่องมือ และ NIA ที่เข้ามาต่อยอดด้วยเทคโนโลยี ภาพรวมที่เกิดขึ้นคือ “โมเดลอารีย์” ต้นแบบของเมืองที่เติบโตอย่างมีพลวัต ยั่งยืน และเต็มไปด้วยชีวิต
อารีย์–ประดิพัทธ์จึงไม่ใช่เพียงย่านที่คนมาเสพบรรยากาศชั่วครั้งชั่วคราว แต่เป็นบทเรียนสำคัญของการพัฒนาเมืองไทย ที่แสดงให้เห็นว่าความคิดสร้างสรรค์ นวัตกรรม และความร่วมมือของผู้คน เมื่อมาบรรจบกันอย่างลงตัวแล้ว ย่อมมีพลังมากพอที่จะเปลี่ยนย่านหนึ่งให้ก้าวไปสู่การเป็น “เมืองฉลาดรู้” อย่างแท้จริง
DNA ของย่าน องค์ประกอบที่ทำให้เติบโต
นักออกแบบมองว่าย่านนี้มี “สินทรัพย์” สำคัญในหลายมิติ ทั้งด้านกายภาพ เศรษฐกิจ และสังคม โครงสร้างคมนาคมที่เข้าถึงง่ายทำให้พื้นที่รอบ BTS กลายเป็นศูนย์กลางการพัฒนาแบบ TOD มีความหนาแน่นของที่อยู่อาศัยและกิจกรรมเชิงพาณิชย์ที่เอื้อต่อการเดินเท้า ธุรกิจสร้างสรรค์ก็มีความหลากหลาย ตั้งแต่อาหาร สถาปัตยกรรม แพทย์แผนไทย ไปจนถึงงานออกแบบ ความหลากหลายนี้ทำให้เกิดการบ่มเพาะนวัตกรรมข้ามศาสตร์ เช่น สตาร์ทอัพด้าน Food-tech หรือบริการออกแบบเพื่อธุรกิจอาหาร
สิ่งที่ทำให้ย่านนี้โดดเด่นกว่าพื้นที่อื่น คือสถานที่สร้างสรรค์ที่ผสมผสานการออกแบบเข้ากับวิถีชีวิตประจำวันอย่างลงตัว เช่น
Gump’s Ari Community Space ศูนย์รวมร้านอาหาร คาเฟ่ แฟชั่น และงานอาร์ต ที่กลายเป็นแลนด์มาร์กของคนรุ่นใหม่และนักสร้างสรรค์
Josh Hotel บูทีคโฮเทลที่สะท้อนการออกแบบวินเทจผสมสีสันร่วมสมัย สร้างบรรยากาศ “ย้อนยุคแต่เท่” จนกลายเป็นโลเคชันยอดนิยมสำหรับงานถ่ายภาพ
บ้านนวล (Baan Nual) ร้านอาหารเล็ก ๆ ที่แฝงเสน่ห์บ้านไทยดั้งเดิมไว้ในบรรยากาศอบอุ่น เป็นตัวอย่างของการ “รีดีไซน์บ้านเก่า” ให้กลายเป็นพื้นที่ร่วมสมัย
O’ganic Concept ร้านกาแฟและแกลเลอรีที่นำเสนอแนวคิดความยั่งยืนผ่านอาหาร เครื่องดื่ม และพื้นที่จัดนิทรรศการ
ทั้งหมดนี้ไม่เพียงแต่เป็นจุดนัดพบ แต่ยังสะท้อนการใช้ “ดีไซน์” เป็นภาษากลางในการสร้างชุมชน
เปิดยุทธศาสตร์พื้นที่อารีย์-ประดิพัทธ์
พื้นที่เชิงกายภาพ อารีย์-ประดิพัทธ์เป็นพื้นที่ต่อเนื่องกันมีถนนพหลโยธินและถนนพระราม 6 เป็นถนนหลักที่วิ่งคู่ขนานผ่านทั้งสองพื้นที่ สัดส่วนของการใช้ประโยชน์ที่ดินมากกว่า 70% เป็นที่อยู่อาศัย รองลงมาเป็นสำนักงาน และพื้นที่ราชการ
การเข้าถึง ถนนพหลโยธินเป็นถนนสายสำคัญที่มีความสำคัญระดับเมืองเชื่อมต่อตั้งแต่อนุสาวรีย์ชัย ยาวไปจนถึงเส้นรังสิต จึงเป็นเส้นทางสัญจรที่มีการผ่านไปมามาก และมีความเชื่อมต่อในระดับเมืองสูง สามารถเข้าถึงได้ง่าย นอกจากนี้ยังมีรถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีอารีย์ และสถานีสะพานควายที่ช่วยกระจายคนให้มาสู่ย่าน
อุตสาหกรรมฮอตในย่าน (ข้อมูลจาก bangkokdesignweek)
1. อุตสาหกรรมอาหาร กลุ่มร้านอาหารและคาเฟ่ 38%
2. อุตสาหกรรมสถาปัตยกรรม 15.20%
3. อุตสาหกรรมการแพทย์แผนไทย 11.20%
4. อุตสาหกรรมออกแบบ 8.00%
"Toward ARI: 2025 The Cognitive City” คือแผนของ สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) ที่ต้องการยกระดับย่านอารีย์–ประดิพัทธ์ให้เป็น ย่านนวัตกรรมและเทคโนโลยีเชิงลึก (Deep Tech District) แห่งแรกของไทย โดยใช้โมเดล “Living Lab” หรือพื้นที่ทดลองนวัตกรรมจริง
จุดเด่นและเหตุผลที่เลือกอารีย์
- มีองค์กรระดับชาติหลายแห่ง เช่น ธนาคารออมสิน, EXIM Bank, AIS, กสทช. อยู่ในพื้นที่ สร้างศักยภาพเชิงเศรษฐกิจและทรัพยากรบุคลากร
- มีคอมมูนิตี้เข้มแข็งและแพลตฟอร์มอย่าง AriAround และ ARI Coin ที่เชื่อมโยงคนในย่าน
- เป็นศูนย์กลางไลฟ์สไตล์ มีร้านค้า–บริการกว่า 450 จุด และเดินทางสะดวกด้วย BTS
- ได้รับการผลักดันต่อเนื่องจากหน่วยงานสร้างสรรค์ เช่น CEA ผ่านงาน Bangkok Design Week
แนวทางการพัฒนา
- ใช้ Deep Tech เช่น AI, Robotics, AR/VR, IoT ในการแก้ปัญหาเมืองและยกระดับคุณภาพชีวิต
- พัฒนา ระบบนิเวศนวัตกรรม (Innovation Ecosystem) ผ่านความร่วมมือกับพันธมิตรภาครัฐ–เอกชน–สถาบันการศึกษา
- สร้าง เศรษฐกิจหมุนเวียนจุลภาค และวิถีชีวิตฉลาดรู้ (Cognitive Lifestyle) โดยชุมชนมีส่วนร่วม
ความต่างระหว่าง Smart City กับ Cognitive City
เมืองอัจฉริยะ (Smart City) มักเน้นการเก็บข้อมูลและบริหารจัดการแบบเรียลไทม์ (real-time) ในขณะที่เมืองฉลาดรู้ (Cognitive City) จะก้าวไปอีกขั้น โดยไม่ใช่เพียงตอบสนอง (reactive) แต่เป็น “คาดการณ์ล่วงหน้า” (proactive / predictive) และเรียนรู้ปรับตัวต่อผู้ใช้เมืองอย่างต่อเนื่อง
องค์ประกอบสำคัญของเมืองฉลาดรู้
– โครงสร้างข้อมูล (Data infrastructure) / ระบบเซนเซอร์ / IoT / ดิจิทัลทวิน (digital twin) เพื่อเชื่อมข้อมูลโลกจริงกับแบบจำลองเสมือน
– AI / การวิเคราะห์เชิงลึก (analytics) เพื่อแปรข้อมูลเป็น insight และคำแนะนำที่ปรับตามพฤติกรรมของผู้ใช้
– การมีส่วนร่วมของประชาชน / governance แบบมุ่งรวมผู้คน / ความโปร่งใสในการใช้ข้อมูล และสร้างความไว้วางใจกับผู้ใช้
อ้างอิง:
- NIA: Ari Innovation District
- Matichon: พันธมิตร 17 องค์กรขับเคลื่อน ARI Tech
- iJournalist: Ari Cognitive City
- Bloomberg Media


