กทม.เสี่ยงน้ำท่วมซ้ำซาก "ดร.สนธิ" ชี้แก้ได้อยู่ที่ผู้บริหาร
ดร.สนธิ คชวัฒน์ ชี้ปัญหาน้ำท่วมกรุงเทพฯ เกิดจากน้ำเหนือ น้ำหนุน น้ำฝน และการจัดการ ขึ้นอยู่กับวิสัยทัศน์ผู้บริหารว่าจะรับมือได้หรือไม่
KEY
POINTS
- ปัญหาน้ำท่วมกรุงเทพฯ เกิดจากหลายปัจจัยซ้อนกัน ทั้งน้ำเหนือ น้ำทะเลหนุน ฝนตกหนักเกินกว่าที่ระบบท่อระบายน้ำจะรับไหว และการจัดการที่ไม่มีประสิทธิภาพ
- โครงสร้างพื้นฐานเดิมไม่สามารถรับมือกับสถานการณ์ปัจจุบันได้ เนื่องจากเมืองมีการทรุดตัวและขยายตัวจนพื้นที่รับน้ำลดลงอย่างมาก
- ดร.สนธิ สรุปว่าการแก้ปัญหาไม่ได้ขึ้นอยู่กับการสร้างโครงสร้างพื้นฐานใหม่เพียงอย่างเดียว แต่หัวใจสำคัญอยู่ที่วิสัยทัศน์และการบริหารจัดการของผู้บริหาร กทม.
ดร.สนธิ คชวัฒน์ นักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ จากชมรมนักวิชาการสิ่งแวดล้อมไทย ได้โพสต์ในเฟซบุ๊ก Sonthi Kotchawat เกี่ยวกับปัญหาน้ำท่วมในกรุงเทพมหานคร โดยสรุปสาระสำคัญดังนี้
สาเหตุหลักของปัญหาน้ำท่วมกรุงเทพฯ
น้ำเหนือ – ฝนที่ตกในภาคเหนือไหลลงมากรุงเทพฯ ก่อนระบายออกสู่ทะเล
น้ำหนุน – น้ำทะเลหนุนสูง ทำให้น้ำย้อนเข้าท่อและการระบายน้ำช้าลง โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ไม่มีพื้นที่รับน้ำในเมือง
น้ำฝน – ฝนตกหนักในพื้นที่กรุงเทพฯ ที่เป็นแอ่งลุ่มต่ำ ทำให้น้ำขังรอการระบาย
น้ำยา – การจัดการระบายน้ำไม่ดี เช่น ท่ออุดตันด้วยขยะ ท่อมีขนาดเล็ก ขาดพื้นที่แก้มลิงรองรับน้ำ
ความสามารถของระบบระบายน้ำ
กรุงเทพมหานครมีท่อระบายน้ำยาวกว่า 6,564 กิโลเมตร (ข้อมูลปี 2564) ขนาดท่อตั้งแต่ 30 ซม. ถึง 1.50 ม.
ท่อส่วนใหญ่ถูกออกแบบให้รองรับฝนไม่เกิน 60 มม./ชม. แต่ปัจจุบันฝนตกเกิน 100 มม./ชม. จึงไม่สามารถระบายน้ำได้ทัน
ความเสี่ยงจากภูมิประเทศและการขยายเมือง
พื้นที่กรุงเทพฯ ทรุดลง 1–2 ซม./ปี ปัจจุบันสูงกว่าระดับน้ำทะเลเฉลี่ยเพียง 1.5 เมตร
มากกว่า 96% ของพื้นที่เป็นลุ่มต่ำลักษณะกะทะเสี่ยงต่อน้ำท่วม
การขยายตัวของเมืองและการถมที่ทำให้พื้นที่รับน้ำลดลง โดยในกรุงเทพตะวันออกเคยมีพื้นที่รับน้ำ 150 ตร.กม. ปัจจุบันเหลือไม่เกิน 50 ตร.กม.
การบริหารจัดการน้ำ
ระบบการจัดการน้ำแบบ Polder ของกรุงเทพฯ ต้องพึ่งการสูบน้ำ แต่กำลังไม่เพียงพอกับปริมาณน้ำฝน
ถนนที่น้ำท่วมซ้ำซาก 14 สาย เช่น แจ้งวัฒนะ รัชดาภิเษก พหลโยธิน ราชวิถี พญาไท ศรีอยุธยา ถนนจันทน์ สุวินทวงศ์ เพชรเกษม และบางขุนเทียน-ชายทะเล เป็นต้น
อุโมงค์ระบายน้ำ
อุโมงค์ทำหน้าที่เป็น “ทางด่วนน้ำ” ที่ช่วยเร่งระบายน้ำลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา ปัจจุบันมีทั้งที่สร้างเสร็จและอยู่ระหว่างก่อสร้าง ได้แก่
สร้างเสร็จแล้ว 4 แห่ง
อุโมงค์ประชาราษฎร์ สาย 2 (30 ลบ.ม./วินาที, ครอบคลุม 3.5 ตร.กม.)
อุโมงค์บึงมักกะสัน (45 ลบ.ม./วินาที, ครอบคลุม 26 ตร.กม.)
อุโมงค์คลองแสนแสบ (60 ลบ.ม./วินาที, ครอบคลุม 50 ตร.กม.)
อุโมงค์คลองบางซื่อ (60 ลบ.ม./วินาที, ครอบคลุม 56 ตร.กม.)
อยู่ระหว่างก่อสร้าง 4 แห่ง
อุโมงค์หนองบอน (60 ลบ.ม./วินาที, ครอบคลุม 85 ตร.กม., เสร็จ พ.ค. 2569)
อุโมงค์คลองเปรมประชากร (60 ลบ.ม./วินาที, ครอบคลุม 109 ตร.กม., เสร็จ ก.พ. 2571)
อุโมงค์คลองแสนแสบ ส่วนต่อขยาย (30 ลบ.ม./วินาที, ครอบคลุม 25 ตร.กม., เสร็จ มิ.ย. 2570)
อุโมงค์คลองทวีวัฒนา (32 ลบ.ม./วินาที, ครอบคลุม 60 ตร.กม., เสร็จ ก.พ. 2569)
โดยสรุป ดร.สนธิชี้ว่า การแก้ปัญหาน้ำท่วมกรุงเทพฯ ไม่ใช่เรื่องโครงสร้างพื้นฐานอย่างเดียว แต่ขึ้นกับวิสัยทัศน์และการบริหารจัดการของผู้บริหาร กทม.


