อีเดน โปรเจ็กต์ มอร์คัมบ์ เมื่อธรรมชาติและศิลปะปลุกเมืองชายทะเล
Eden Project Morecambe โครงการยักษ์ริมอ่าวอังกฤษ คอมเพล็กซ์ที่ผสานธรรมชาติ-ศิลปะ ฟื้นเมืองชายทะเล คาดดึง 7.5 แสนคน/ปี เปิดปลายปี 2028
KEY
POINTS
- โครงการ "Eden Project Morecambe" คือแลนด์มาร์กแห่งใหม่ที่เมืองมอร์คัมบ์ ประเทศอังกฤษ ที่มีสถาปัตยกรรมรูปทรงเปลือกหอยโดดเด่น โดยหลอมรวมธรรมชาติ ศิลปะ และชุมชนเข้าไว้ด้วยกัน
- มีเป้าหมายหลักเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจของเมืองชายทะเลที่เคยซบเซา โดยคาดว่าจะดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ถึง 750,000 คนต่อปี และสร้างงานใหม่กว่า 1,250 ตำแหน่ง
- ภายในโครงการนำเสนอประสบการณ์ที่เชื่อมโยงกับธรรมชาติผ่านโซนต่างๆ เช่น โลกแห่งพระอาทิตย์และพระจันทร์ รวมถึงสวนกลางแจ้งที่ใช้ศิลปะและเทคโนโลยีเพื่อเล่าเรื่องราวของสิ่งแวดล้อม
เมือง Morecambe (มอร์คัมบ์) ที่ตั้งอยู่ริมอ่าว Lancashire ประเทศอังกฤษ เคยเป็นดั่งอัญมณีแห่งการท่องเที่ยวชายทะเลในศตวรรษที่ 20
นักท่องเที่ยวหลั่งไหลมาเพื่อพักผ่อน เดินเล่นริมชายหาด และชมพระอาทิตย์ตกดินที่งดงาม แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไป เมืองแห่งนี้ค่อย ๆ เงียบเหงา อาคารหลายแห่งปิดตัวลง บรรยากาศเศรษฐกิจก็ซบเซา อย่างไรก็ตาม ชะตากรรมของ Morecambe กำลังจะเปลี่ยนไปอีกครั้งด้วยโครงการที่ทั่วโลกกำลังจับตามอง "Eden Project Morecambe" (อีเดน โปรเจ็กต์ มอร์คัมบ์) เวนเจอร์ขนาดยักษ์ที่จะหลอมรวมธรรมชาติ ศิลปะ และชุมชนให้กลายเป็นหนึ่งเดียว
สถาปัตยกรรมจากเปลือกหอย แลนด์มาร์กแห่งศตวรรษที่ 21
ภาพร่างของ Eden Project Morecambe เป็นโครงสร้างอาคารได้รับแรงบันดาลใจจาก รูปทรงของเปลือกหอยและคลื่นทะเล ทำให้ดูเสมือนว่าอาคารกำลังงอกออกจากผืนทรายริมอ่าว Morecambe Bay เมื่อมองจากมุมสูง จะเห็นโดมโค้งที่เรียงตัวเป็นแพทเทิร์นธรรมชาติ เป็นการออกแบบที่สะท้อนทั้งความงามและพลังชีวิต
ภายในเปลือกหอยแห่งอนาคตนี้ถูกแบ่งเป็นสองอาณาจักรสำคัญคือ
Realm of the Sun โลกที่เต็มไปด้วยแสงและสีสัน ต้นไม้ Elder Tree ขนาดยักษ์สูงกว่า 20 เมตรตั้งตระหง่านอยู่กลางไบโอม เป็นสัญลักษณ์ของพลังชีวิตและความอุดมสมบูรณ์ นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสประสบการณ์เชิงศิลป์ นิทรรศการ และกิจกรรมที่พาให้เชื่อมโยงกับธรรมชาติ
Realm of the Moon โลกที่เงียบสงบและเต็มไปด้วยความลึกลับ ที่นี่มี สระหินเสมือนจริง ซึ่งจำลองการขึ้น–ลงของน้ำทะเลแบบเร่งเวลา ผสมผสานแสง สี เสียง และการเล่าเรื่อง immersive จนกลายเป็นการแสดงที่ดึงดูดให้ผู้เข้าชมรู้สึกเหมือนเดินอยู่ในใต้สมุทร
นอกเหนือจากพื้นที่ในร่ม Eden Project Morecambe ยังออกแบบสวนกลางแจ้ง 3 แห่ง แต่ละแห่งมีบทบาทเป็น “ตัวละคร” ที่ถ่ายทอดเรื่องราวธรรมชาติในแบบของตนเอง
All Seasons Garden แสดงวงจรของฤดูกาลทั้งสี่
Rhythm Gardens ถ่ายทอดจังหวะและการเคลื่อนไหวของชีวิต
Bring Me Sunshine Garden คือพื้นที่แห่งความอบอุ่นและความหวัง สะท้อนชื่อเสียงเพลงอมตะที่เกี่ยวโยงกับเมือง Morecambe
การเดินผ่านสวนเหล่านี้จึงไม่ใช่เพียงการชมดอกไม้แต่เป็นการดื่มด่ำเรื่องราวที่ธรรมชาติและศิลปะเล่าร่วมกัน
เศรษฐกิจชุมชนและความหวังใหม่
โครงการนี้ไม่ได้หยุดอยู่ที่ความงามทางสถาปัตยกรรม แต่ยังเป็น เครื่องยนต์ฟื้นฟูเศรษฐกิจของเมือง คาดว่าจะดึงดูดผู้เข้าชมมากถึง 750,000 คนต่อปี และสร้างงานใหม่กว่า 1,250 ตำแหน่ง เงินหมุนเวียนที่เกิดขึ้นจะช่วยยกระดับมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า £150 ล้านต่อปี
รัฐบาลอังกฤษมองเห็นศักยภาพนี้อย่างจริงจัง จึงสนับสนุนด้วย เงินทุน £50 ล้านจากโครงการ Levelling Up Fund และผลักดันให้ Eden Project Morecambe เป็นตัวอย่างของการใช้ วัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อมเป็นเครื่องมือฟื้นฟูเมือง
การก่อสร้างจะเริ่มขึ้นใน ฤดูร้อนปี 2026 และคาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ใน ปลายปี 2028 เวลาสามปีนี้จะเป็นช่วงแห่งความคาดหวังและความตื่นเต้นสำหรับชาว Morecambe และผู้ที่เฝ้าดูจากทั่วโลก วันที่โดมเปลือกหอยเปิดประตูต้อนรับนักท่องเที่ยวครั้งแรก อาจกลายเป็นวันแห่งการเปลี่ยนโฉมประวัติศาสตร์ของเมืองนี้ก็เป็นได้...
FACT:
- การก่อสร้าง Eden Project Morecambe ได้เริ่มอย่างเป็นทางการแล้ว โดยเริ่มด้วยการสำรวจพื้นที่ เช่น การตรวจสอบแนวกำแพงทะเลและซากของอาคารเดิม เช่น Bubbles Leisure หรือ Super Swimming Stadium
- โครงการนี้มีมูลค่า 100 ล้านปอนด์ ได้รับการออกแบบให้เปลี่ยนโฉมเมืองชายทะเล Morecambe ให้กลายเป็นรีสอร์ทร่วมสมัยแห่งศตวรรษที่ 21
- การก่อสร้างหลักจะเริ่มใน ช่วงฤดูร้อนปี 2026 และมีกำหนดแล้วเสร็จใน ปลายปี 2028
- โครงสร้างจะถูกออกแบบให้ได้รับแรงบันดาลใจจาก ธรรมชาติ โดยเฉพาะโครงของเปลือกหอย มีการจัดสรรภายในเป็นหลายโซน เช่น Realm of the Sun และ Realm of the Moon รวมถึงสวนกลางแจ้งอีก 3 แห่ง ได้แก่ All Seasons Garden, Rhythm Gardens และ Bring Me Sunshine Garden
ที่มา: The Sun


