อารยะ ดิ อีสเทิร์น เกตเวย์ ประตูสู่เมืองอุตสาหกรรมอัจฉริยะของไทย
อารยะ ดิ อีสเทิร์น เกตเวย์ ปักหมุดเมืองอุตสาหกรรมอัจฉริยะต้นแบบ บนทำเลยุทธศาสตร์บางนา–ตราด เชื่อม EEC รองรับอุตสาหกรรมอนาคตแบบครบวงจร
KEY
POINTS
- อารยะ ดิ อีสเทิร์น เกตเวย์ เป็นโครงการเมืองอุตสาหกรรมอัจฉริยะบนทำเลยุทธศาสตร์ (บางนา-ตราด กม. 32) ทำหน้าที่เป็นประตูเชื่อมโยงกรุงเทพฯ, สนามบินสุวรรณภูมิ, และ EEC เพื่อดึงดูดการลงทุนระดับโลก
- พัฒนาภายใต้แนวคิด "Industrial-Tech Ecosystem" ที่ผสมผสานโซนอุตสาหกรรมเป้าหมาย (S-Curve), เทคโนโลยี, โลจิสติกส์ และโซนไลฟ์สไตล์เข้าด้วยกัน เพื่อสร้างระบบนิเวศที่สมดุลระหว่างการทำงานและการใช้ชีวิต
- ยกระดับสู่ "Smart Industrial Estate" ด้วย 7 องค์ประกอบอัจฉริยะ โดยมีโครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัยและยั่งยืนจากการร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำ เพื่อเป็นต้นแบบและขับเคลื่อนอนาคตอุตสาหกรรมไทย
อารยะ ดิ อีสเทิร์น เกตเวย์ (ARAYA – The Eastern Gateway) ถือเป็นหนึ่งในโครงการที่สะท้อนการเปลี่ยนผ่านของประเทศไทยจากการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมแบบดั้งเดิมสู่การสร้าง “เมืองอุตสาหกรรมอัจฉริยะ” ที่ครบวงจรและยั่งยืนอย่างแท้จริง โครงการนี้ครอบคลุมพื้นที่กว่า 4,600 ไร่ บนถนนบางนา–ตราด กม. 32 จังหวัดสมุทรปราการ ทำเลเชิงยุทธศาสตร์ที่อยู่ใกล้กรุงเทพฯ สนามบินสุวรรณภูมิ ท่าเรือหลัก และเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ทำให้สามารถเชื่อมโยงการคมนาคมทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศได้อย่างสะดวก เป็นประตูตะวันออกที่พร้อมรองรับทั้งนักลงทุนและธุรกิจระดับโลก
โครงการนี้ถือกำเนิดขึ้นในช่วงที่รัฐบาลไทยผลักดันยุทธศาสตร์ Thailand 4.0 และมุ่งพัฒนาอุตสาหกรรม S-Curve เช่น เซมิคอนดักเตอร์ ยานยนต์ไฟฟ้า ดิจิทัล และโลจิสติกส์อัจฉริยะ บริษัท อารยะ แลนด์ ดีเวลลอปเม้นต์ จำกัด จึงมองเห็นโอกาสที่จะสร้างระบบนิเวศใหม่ที่ไม่ใช่แค่พื้นที่โรงงาน แต่เป็นการผสาน “ธุรกิจ–เทคโนโลยี–คุณภาพชีวิต” เข้าด้วยกัน โดยในช่วงปี 2563–2564 มีการศึกษาและออกแบบผังแม่บท ตามมาด้วยการเริ่มก่อสร้างระยะแรกในปี 2565 และได้รับการประกาศให้เป็นนิคมอุตสาหกรรมอย่างเป็นทางการในปี 2568 พร้อมเตรียมยกระดับสู่ “Smart Industrial Estate” โดยมีเป้าหมายในระยะถัดไปคือการพัฒนาเป็น “Smart Industrial Township” ที่จะกลายเป็นเมืองอัจฉริยะที่มีชีวิตจริงในประเทศไทย
แนวคิดการพัฒนาใช้กรอบ “Thailand’s First Industrial-Tech Ecosystem” โดยแบ่งพื้นที่ออกเป็นหลายโซน ทั้งนิคมอุตสาหกรรมอารยะที่รองรับกลุ่ม S-Curve แคมปัสอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสำหรับงานวิจัยและพัฒนานวัตกรรม โซนโลจิสติกส์ที่เชื่อมต่อซัพพลายเชนกับท่าเรือและสนามบิน รวมไปถึงโซนไลฟ์สไตล์และบริการที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนในพื้นที่ การออกแบบนี้จึงไม่เพียงสร้างโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการผลิต แต่ยังสร้าง “เมืองอุตสาหกรรมที่มีชีวิต” ที่ผู้คนสามารถอยู่อาศัย ทำงาน และใช้ชีวิตในที่เดียวกันได้อย่างสมดุล
การเดินหน้าสู่เมืองอัจฉริยะจำเป็นต้องมีพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ที่แข็งแกร่ง อารยะจึงร่วมมือกับองค์กรชั้นนำอย่าง ปตท. (PTT Group) ที่เข้ามาสนับสนุนพลังงานสะอาดและก๊าซธรรมชาติ เอไอเอส (AIS) ที่พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลด้วยเครือข่าย 5G และ Fiber Optic รวมถึงการไฟฟ้านครหลวง (MEA) ที่ดูแลระบบไฟฟ้า 115kV/24kV เพื่อให้มีความเสถียรต่อเนื่อง
ขณะเดียวกันยังลงทุนในด้านความยั่งยืน เช่น การติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคาและพื้นที่โล่ง และการออกแบบอาคารประหยัดพลังงาน เพื่อตอบโจทย์มาตรฐาน ESG และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
สิ่งที่ทำให้โครงการนี้โดดเด่นคือการยกระดับสู่ “Smart Industrial Estate” ด้วยกรอบองค์ประกอบ 7 ด้าน ได้แก่ Smart Facilities, Smart IT, Smart Energy, Smart Economy, Smart Governance, Smart Living และ Smart Workforce ทั้งหมดเชื่อมโยงกันผ่าน One-Stop Service Platform ที่ทำให้การจัดการทรัพยากรและพื้นที่เป็นเรื่องง่ายและมีประสิทธิภาพ นักลงทุนและผู้ประกอบการสามารถบริหารงานได้อย่างราบรื่น ขณะที่ผู้อยู่อาศัยก็มีคุณภาพชีวิตที่ดีควบคู่กันไป
จากศักยภาพเชิงทำเลและแนวคิดการพัฒนาที่ครอบคลุม อารยะ ดิ อีสเทิร์น เกตเวย์ได้รับความไว้วางใจจากบริษัทชั้นนำระดับโลก เช่น Infineon Technologies Manufacturing (Thailand) ในกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ MR. D.I.Y. (ประเทศไทย) ผู้ค้าปลีกรายใหญ่ในภูมิภาค รวมถึงผู้ให้บริการ Data Centre และผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมแห่งอนาคต การดึงดูดนักลงทุนระดับนี้สะท้อนว่าโครงการกำลังสร้างคลัสเตอร์อุตสาหกรรมใหม่ที่เชื่อมโยงไทยเข้ากับห่วงโซ่มูลค่าโลกอย่างแท้จริง
หากมองในมิติการพัฒนาเมืองอัจฉริยะระดับสากล โครงการ ARAYA มีความใกล้เคียงกับโมเดลของต่างประเทศ เช่น Jurong Innovation District ของสิงคโปร์ ที่บูรณาการการผลิต เทคโนโลยี และพื้นที่การเรียนรู้ หรือ Tsukuba Science City ของญี่ปุ่น ที่เน้นการสร้างเมืองวิจัยและพัฒนาควบคู่กับการอยู่อาศัย
นางสาวกมลกาญจน์ คงคาทอง กรรมการผู้จัดการ บริษัท อารยะ แลนด์ ดีเวลลอปเม้นต์ จำกัด กล่าวว่า “เราไม่ได้เพียงพัฒนาโครงการนิคมอุตสาหกรรมแห่งใหม่ แต่เรากำลังสร้างระบบนิเวศเพื่ออนาคตของอุตสาหกรรมไทยภายใต้แนวคิดนี้จึงเป็นที่มาขององค์ประกอบสำคัญต่างๆ ภายในโครงการ อาทิ แคมปัสอุตสาหกรรมและเทคโนโลยี, พื้นที่โลจิสติกส์, นิคมอุตสาหกรรมอารยะ และโซนไลฟ์สไตล์และบริการ ครบถ้วนในที่เดียว เพื่อรองรับการดำเนินธุรกิจของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ”
ข้อแตกต่างคือ อารยะถูกออกแบบให้เป็นทั้งเมืองอุตสาหกรรมและพื้นที่อยู่อาศัยในเวลาเดียวกัน โดยมุ่งสร้างสมดุลระหว่างการลงทุน การใช้ชีวิต และสิ่งแวดล้อม ซึ่งอาจกลายเป็นจุดขายสำคัญที่ทำให้ไทยสามารถแข่งขันและสร้างเอกลักษณ์ของเมืองอุตสาหกรรมอัจฉริยะได้ในเวทีโลก
ท้ายที่สุด อารยะ ดิ อีสเทิร์น เกตเวย์ ไม่ได้เป็นเพียงโครงการอสังหาริมทรัพย์เชิงอุตสาหกรรม แต่คือ “ฟันเฟืองขับเคลื่อนอนาคตอุตสาหกรรมไทย” ที่สะท้อนการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคใหม่ของการพัฒนาเมือง นี่คือประตูสู่การยกระดับไทยให้เป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมและนวัตกรรมของภูมิภาค และต้นแบบที่จะนำไปสู่การสร้างเมืองอัจฉริยะที่ยั่งยืนในอนาคต
พื้นที่ตั้งและสถานะนิคมอุตสาหกรรม
- โครงการ ARAYA ครอบคลุม พื้นที่ประมาณ 4,631 ไร่ (740 เฮกตาร์) ตลอดแนวถนนบางนา–ตราด กม. 32 ตำบลบางพลีน้อย อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งอยู่ใกล้สุวรรณภูมิ ใกล้กับเมืองหลัก ทำเลยุทธศาสตร์เพื่อการลงทุนระดับภูมิภาค
- เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2025 การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ได้อนุมัติให้พัฒนา นิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (Eco‑Industrial Estate) ขนาด 1,891 ไร่ ภายใต้ ARAYA – The Eastern Gateway ซึ่งได้รับสิทธิ์ด้านภาษีและการลงทุนตามนโยบายภาครัฐ และคาดว่าช่วยสร้างงานมากกว่า 14,560 ตำแหน่ง
- เว็บไซต์ของ กนอ. ยังยืนยันว่า ARAYA ประกอบด้วยหลายโซน ทั้งแคมปัสอุตสาหกรรมและเทคโนโลยี, พื้นที่โลจิสติกส์, นิคมฯ, โซนไลฟ์สไตล์และบริการ และพื้นที่ชุมชน


