ไฟโซลาร์แพงเกินจริง ส่อเอื้อประโยชน์ ขบวนการเงียบผิดปกติ
ดีลขายไฟฟ้าแพงกว่ามาตรฐาน จุดคำถามใครได้ประโยชน์ เหตุฝ่ายการเมืองที่เคยต้านไฟแพงกลับเงียบสนิท สังคมกังขาโปร่งใสพลังงานหรือเป็นเกมผลประโยชน์
คณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2568 มีมติรับทราบข้อเสนอของคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) อนุญาตให้บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIMM ดำเนินธุรกิจพลังงานไฟฟ้าและน้ำเย็นในเขตสนามบินนานาชาติอู่ตะเภา จ.ระยอง
แต่ข้อมูลที่เปิดเผยออกมากลับสะท้อนความน่ากังวล เมื่อพบว่า BGRIMM ได้สิทธิผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์สูงสุด 18 เมกะวัตต์ และทำสัญญาขายไฟให้กิจการไฟฟ้าสวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือ ในราคา 3.48 บาทต่อหน่วย ซึ่งสูงกว่าราคารับซื้อไฟฟ้าโซลาร์มาตรฐานที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เพิ่งกำหนดไว้เพียง 2.16 บาทต่อหน่วย
ข้อกังขา: ขายไฟให้ใคร คุ้มค่าหรือไม่
โครงการนี้ตั้งใจผลิตไฟฟ้าเพื่อป้อนสนามบินอู่ตะเภาเป็นหลัก แต่เนื่องจากการก่อสร้างสนามบินล่าช้า ทำให้ BGRIMM หันไปขายไฟที่เหลือให้สวัสดิการกองทัพเรือแทน เกิดคำถามสำคัญว่า ทำไมไม่เลื่อนการดำเนินการให้สอดคล้องกับสนามบิน แต่กลับเร่งเดินหน้าโครงการที่อาจสร้างภาระค่าไฟให้สังคมแทน
ยิ่งไปกว่านั้น การกำหนดราคาที่สูงกว่ามาตรฐานยังถูกตีความได้ว่าอาจเป็นการ เอื้อประโยชน์เฉพาะกลุ่ม มากกว่าการพัฒนาสาธารณูปโภคเพื่อส่วนรวม
การเมืองพลังงาน: เงียบผิดปกติ
ท่าทีของ พรรคประชาชน ยิ่งตอกย้ำข้อสงสัย เพราะแม้จะเคยประกาศจุดยืนผลักดันโครงสร้างค่าไฟโปร่งใสและเป็นธรรม แต่กลับ เงียบสนิท ต่อดีลซื้อไฟแพงครั้งนี้ ทั้งที่ในอดีต ส.ส.ของพรรคเคยออกมาโจมตีกิจการไฟฟ้าสวัสดิการกองทัพเรือว่าขายไฟให้ประชาชนแพงและไฟไม่เสถียร
คำถามจึงมีอยู่ว่า เหตุใดครั้งนี้ถึงนิ่งเฉย หรือเป็นเพราะเครือข่ายผู้มีอำนาจในแวดวงพลังงานและการเมืองมีความเชื่อมโยงกันอยู่เบื้องหลัง
ผู้บริหารเอกชน-อนุ กมธ. พลังงาน: ผลประโยชน์ทับซ้อน?
สิ่งที่ไม่อาจมองข้ามคือผู้บริหาร BGRIMM หลายคนมีบทบาทในคณะอนุกรรมาธิการพลังงานของสภาฯ การที่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียโดยตรงเข้าไปนั่งในเวทีที่ควรทำหน้าที่ตรวจสอบและถ่วงดุล ย่อมก่อให้เกิด คำถามเรื่องความเป็นอิสระและผลประโยชน์ทับซ้อน อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
สังคมรอคำตอบ
กรณีโครงการไฟฟ้าโซลาร์สนามบินอู่ตะเภา จึงไม่ใช่เพียงการลงทุนด้านพลังงานสะอาด แต่เป็น บทพิสูจน์ความโปร่งใสของระบบการเมืองและนโยบายพลังงานไทย ว่าจะถูกใช้เพื่อผลประโยชน์สาธารณะ หรือเป็นเพียงเครื่องมือของกลุ่มทุนและเครือข่ายอำนาจ
ขณะที่ประชาชนยังคงรอคำตอบว่า ใครกันแน่ที่ได้ประโยชน์จากไฟฟ้าแพงครั้งนี้


