มธ. ชู 30 นวัตกรรม SDGs รวมเทคโนโลยีที่ใช้งานได้ในชีวิตประจำวัน
ลบภาพงานวิจัยบนหิ้ง สู่เทคโนโลยีที่ใช้งานได้ในชีวิตประจำวัน มธ. เปิดพิกัดนิทรรศการ ‘SDGs เพื่อประชาชน’ ตั้งแต่เครื่องเตือนภัยแผ่นดินไหวไปจนถึงอาหารแห่งอนาคต
ท่ามกลางโจทย์ท้าทายระดับชาติที่ซับซ้อน ตั้งแต่ภัยพิบัติที่ทวีความรุนแรง ความเหลื่อมล้ำที่ฝังรากลึก ไปจนถึงวิกฤตสิ่งแวดล้อมและพลังงาน
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์กำลังเดินหน้าเปลี่ยนกรอบแนวคิด "การพัฒนาที่ยั่งยืน" (SDGs) ให้กลายเป็นเครื่องมือที่จับต้องได้จริง
ผ่านการเปิดตัวนวัตกรรมกว่า 30 ผลงาน ที่ไม่ได้เป็นเพียงโครงการบนหิ้ง แต่ถูกออกแบบมาเพื่อปิดรอยร้าวและบรรเทา "Pain Point" ของสังคมไทยในหลากหลายมิติ
นิทรรศการ “SDGs เพื่อประชาชน: นวัตกรรมเพื่อชีวิต – สร้างอนาคตที่ยั่งยืน” ไม่ได้เป็นเพียงการจัดแสดงผลงาน
แต่คือการจำลองอนาคตที่ประเทศไทยสามารถรับมือกับความเปราะบางต่างๆ ได้ดีขึ้น ตั้งแต่นวัตกรรมด้านภัยพิบัติ พลังงาน เมือง อาหาร ไปจนถึงสิ่งแวดล้อม
โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนและไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
จาก 'Pain Point' ระดับชาติ สู่ 'นวัตกรรม' ที่จับต้องได้
ศ. ดร.ศุภสวัสดิ์ ชัชวาลย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ชี้ให้เห็นถึงโจทย์ใหญ่ที่ประเทศไทยกำลังเผชิญ ซึ่งเป็นแรงผลักดันสำคัญเบื้องหลังการพัฒนานวัตกรรมเหล่านี้
ข้อมูลจากสหประชาชาติสะท้อนภาพความจริงที่น่ากังวลว่า ประเทศไทยยังคงมีความเหลื่อมล้ำทางรายได้สูงที่สุดในอาเซียน
และเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราผู้เสียชีวิตจากภัยพิบัติต่อประชากรสูงที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ขณะที่ข้อมูลจากธนาคารโลก (World Bank) ระบุว่าไทยปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากกว่า 250 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี
ซึ่งตัวเลขเหล่านี้ไม่ใช่แค่สถิติ แต่คือสภาพชีวิตจริงที่ประชาชนต้องเผชิญ และเป็นโจทย์ที่นวัตกรรม SDGs ต้องตอบให้ได้อย่างเป็นรูปธรรม
ด้วยเหตุนี้ ธรรมศาสตร์จึงไม่ได้มอง SDGs เป็นเพียงเป้าหมายสากล แต่เป็น "กลไกสร้างการเปลี่ยนแปลง"
โดยบูรณาการองค์ความรู้ข้ามศาสตร์ ทั้งวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี สังคมศาสตร์ และการออกแบบ เพื่อสร้างสรรค์ผลงานที่แก้ปัญหาได้จริงในระดับชุมชน
เจาะ 5 โซนไฮไลต์: นวัตกรรมเปลี่ยนชีวิตเพื่อคนไทย
นิทรรศการครั้งนี้ได้รวบรวมนวัตกรรมกว่า 30 ชิ้น แบ่งออกเป็น 5 โซนหลักที่สะท้อนการแก้ปัญหาในมิติต่างๆ ของประเทศ ได้แก่
- โซนความพร้อมรับมือภัยพิบัติ (Resilience & Disaster Preparedness): นำเสนอเทคโนโลยีที่จำเป็นในภาวะวิกฤต เช่น เครื่องเตือนภัยแผ่นดินไหว และระบบสื่อสารฉุกเฉิน
- โซนนวัตกรรมพลังงานสะอาดและโครงสร้างพื้นฐาน (Clean Energy & Infrastructure): จัดแสดงเทคโนโลยีแห่งอนาคต เช่น ระบบ Solar Tracker ติดตามดวงอาทิตย์ และคอนกรีตไร้ซีเมนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
- โซนเมืองและถิ่นฐานมนุษย์อย่างยั่งยืน (Sustainable Urban & Public Spaces): เสนอแนวคิดการออกแบบพื้นที่สาธารณะเพื่อทุกคน เช่น AI ดูแลต้นไม้ในเมือง และพื้นที่ออกกำลังกายสำหรับผู้พิการ
- โซนสุขภาพและอาหารเพื่อชีวิตที่ดี (Health & Future Food): พบกับนวัตกรรมอาหารแห่งอนาคตและเทคโนโลยีทางการแพทย์ เช่น อาหารฟังก์ชันสำหรับผู้ป่วย และ Microwave MedTech
- โซนเศรษฐกิจหมุนเวียนและนวัตกรรมเพื่อการผลิตที่ยั่งยืน (Circular Economy & Sustainable Production): จัดแสดงการใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด เช่น บรรจุภัณฑ์ชีวภาพ และการเปลี่ยนเส้นใยเหลือใช้เป็นสิ่งทอใหม่
หัวใจสำคัญของนวัตกรรมธรรมศาสตร์คือหลักการ “Leave No One Behind” ซึ่งเห็นได้ชัดเจนจากผลงานที่จัดแสดง
หนึ่งในไฮไลต์สำคัญคือ ระบบสื่อสารฉุกเฉิน EmergencyTU ที่ออกแบบมาเพื่อรับมือกับสถานการณ์ภัยพิบัติที่สัญญาณโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ตล่ม
โดยระบบนี้สามารถส่งข้อมูลและแจ้งเตือนผ่านโครงข่ายวิทยุพื้นฐานได้ ช่วยให้การสื่อสารในภาวะวิกฤตเป็นไปได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกล
ในด้านการพัฒนาเมือง ต้นแบบสวนสาธารณะเพื่อการออกกำลังกายสำหรับผู้พิการ 7 ประเภท ได้ถูกนำเสนอเพื่อสร้างพื้นที่สาธารณะที่เท่าเทียม
ครอบคลุมความต้องการที่หลากหลายทั้งทางร่างกายและการรับรู้ ควบคู่ไปกับ Future Street ต้นแบบถนนแห่งอนาคตที่ผสานเทคโนโลยี Interactive เพื่อสร้างความปลอดภัยและตอบสนองผู้คนในชุมชนเมือง
ส่วนในมิติของอาหารและสุขภาพ ผักแผ่นอบกรอบ ได้ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อเป็นต้นแบบ Food Innovation ที่ไม่เพียงดีต่อสุขภาพ
แต่ยังช่วยยืดอายุการเก็บรักษา (Shelf Life) และคงคุณค่าทางสารอาหารไว้ได้สูง ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่และสามารถต่อยอดในเชิงพาณิชย์เพื่อเกษตรกรได้
นิทรรศการ “SDGs เพื่อประชาชน: นวัตกรรมเพื่อชีวิต – สร้างอนาคตที่ยั่งยืน” เปิดให้ประชาชน นักเรียน นักศึกษา และผู้ที่สนใจเข้าร่วมเรียนรู้และสัมผัสประสบการณ์จริงกับนวัตกรรมเหล่านี้ได้ ตั้งแต่วันนี้ จนถึง 30 กันยายน 2568


