ธนาธร เสนอพิมพ์เขียวเศรษฐกิจใหม่ สร้างเทคโนโลยีไทยดึงเงินลงทุน
ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ชูวิสัยทัศน์ "เมกะโปรเจกต์พลิกชาติ" ใช้งบแสนล้านแก้ปัญหาขยะ-น้ำประปา-สมาร์ทกริด สร้างเทคโนโลยีไทย เศรษฐกิจไปต่อได้
ภายในงาน “55 ปี NATION :ผ่าทางตันประเทศไทย กับ 3 ผู้นำทางความคิด : Chapter 2 3 บก. ถาม ‘ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ’ ตอบ ณ ห้องพญาไท 4 ชั้น 6 โรงแรมอีสติน แกรนด์พญาไท
ดำเนินรายการโดย 3 บก.สมชาย มีเสน รองประธานกรรมการ บริษัท เนชั่น กรุ๊ป (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน), บากบั่น บุญเลิศ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เนชั่น กรุ๊ป (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน), และประธานกรรมการ บริษัท ฐานเศรษฐกิจ มัลติมีเดีย จำกัด,วีระศักดิ์ พงศ์อักษร บรรณาธิการอำนวยการเครือเนชั่น
นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้าและอดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ได้แสดงวิสัยทัศน์ด้านการลงทุนเพื่อพลิกโฉมเศรษฐกิจไทย โดยเสนอให้รัฐบาลเปลี่ยนมุมมองจากการแก้ปัญหาระยะสั้น
ไปสู่การลงทุนใน "เมกะโปรเจกต์" ที่แก้ปัญหาคุณภาพชีวิตของประชาชน ควบคู่ไปกับการสร้างเทคโนโลยีและซัพพลายเชนของคนไทยเอง ชี้ว่านี่คือการสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศอย่างแท้จริง
จากบ่อขยะ สู่คำถามที่ว่า "เทคโนโลยีไทยอยู่ไหน?"
นายธนาธรเริ่มต้นด้วยการยกตัวอย่าง "บ่อขยะ" ที่ไม่ได้มาตรฐานซึ่งมีอยู่หลายร้อยแห่งทั่วประเทศ เป็นปัญหาที่ทุกคนรับรู้แต่ไม่เคยถูกแก้ไขอย่างจริงจัง
อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ได้เปรียบเทียบกับโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ "ชลบุรี คลีน เอนเนอร์จี้" ซึ่งเป็นโรงงานที่ทันสมัยและจัดการมลพิษได้ดีที่สุดในประเทศ แต่กลับพบความจริงที่น่าตกใจ
"ผมเข้าไปดูโรงงานนี้ด้วยตัวเอง เทคโนโลยีหลักมาจากฝรั่งเศส (Suez) คนก่อสร้างคือญี่ปุ่น (Marubeni) ซอฟต์แวร์ควบคุมก็ของญี่ปุ่น (JFT) เทอร์ไบน์จากเยอรมนี (Siemens) สารเคมีจากเบลเยียม ไม่มีเทคโนโลยีของคนไทยอยู่ในโรงงานที่ดีที่สุดในประเทศนี้เลย" นายธนาธรกล่าว
นี่คือจุดตั้งต้นของคำถามสำคัญว่า ทำไมการลงทุนขนาดใหญ่ในประเทศจึงไม่นำไปสู่การสร้างองค์ความรู้และอุตสาหกรรมของคนไทย
วิสัยทัศน์ 3 เมกะโปรเจกต์ สร้างงาน สร้างชาติ สร้างเทคโนโลยี
นายธนาธรเสนอแนวทางการลงทุนใน 3 เมกะโปรเจกต์หลัก ที่ต้องอาศัยความต่อเนื่องทางการเมืองและวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนจากรัฐบาล
1. การจัดการขยะทั่วประเทศ (งบประมาณ 1 แสนล้านบาท ระยะเวลา 8 ปี)
- เป้าหมาย: แก้ปัญหาขยะตกค้างทั่วประเทศให้มีมาตรฐานเทียบเท่าประเทศญี่ปุ่นภายใน 8 ปี (2 สมัยรัฐบาล) และที่สำคัญคือ สร้างเทคโนโลยีการจัดการขยะให้เป็นของคนไทย
2. น้ำประปาดื่มได้ทั่วประเทศ (งบประมาณ 8 หมื่นล้านบาท ระยะเวลา 8 ปี)
- เป้าหมาย: ยกระดับคุณภาพชีวิตขั้นพื้นฐาน ทำให้ประชาชนทุกครัวเรือนมีน้ำประปาที่สะอาดปลอดภัยสำหรับดื่ม
- แนวคิด: เป็นการลงทุนที่สร้างงานและพัฒนาเทคโนโลยีด้านการจัดการน้ำในประเทศ
3. สมาร์ทกริด (Smart Grid) (งบประมาณ 5 แสนล้านบาท ระยะเวลา 12-16 ปี)
- เป้าหมาย: ปฏิวัติระบบโครงข่ายไฟฟ้าของประเทศ เพื่อรองรับภาวะ Climate Change และเทรนด์พลังงานสะอาด ที่บ้านเรือนจะกลายเป็นทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภคไฟฟ้า
"นี่คือการลงทุนที่คุณหนีไม่พ้น ยังไงก็ต้องลงทุน คำถามคือทำยังไงให้เงิน 500,000 ล้านนี้ ไม่ใช่การไปซื้อของจากจีน แต่เป็นการสร้างซัพพลายเชนใหม่ๆ และการจ้างงานในประเทศไทย" นายธนาธรกล่าวเสริม
กุญแจสำคัญ: รัฐสร้าง "ความแน่นอนของตลาด" ดึงเอกชนลงทุน
นายธนาธรย้ำว่า การจะทำให้เมกะโปรเจกต์เหล่านี้เกิดขึ้นและสร้างเทคโนโลยีของไทยได้จริง หัวใจสำคัญคือ รัฐบาลต้องสร้างความแน่นอนของตลาดในอนาคต (Market Visibility)
"เอกชนเขาต้องการความแน่นอน ถ้ารัฐประกาศแผนแม่บทที่ชัดเจนว่า ในอีก 10-12 ปีข้างหน้า รัฐจะซื้อสมาร์ทมิเตอร์, อินเวอร์เตอร์ หรือระบบแบตเตอรี่ เป็นมูลค่า 500,000 ล้านบาท และต้องการให้ผลิตในประเทศ ผู้ประกอบการไทยหรือต่างชาติก็จะกล้ามาลงทุนตั้งโรงงานในไทย"
นายธนาธรเสนอให้รัฐบาลต้องทำงานอย่างบูรณาการ ตั้งแต่กระทรวง อว. ที่ต้องให้ทุนวิจัยกับมหาวิทยาลัย, กระทรวงศึกษาและแรงงานที่ต้องพัฒนาทักษะคนให้ตรงจุด ไปจนถึง BOI และกระทรวงพาณิชย์ที่ต้องสนับสนุนผู้ประกอบการและเจรจาการค้า
"นี่คือการพัฒนาประเทศ คือการจัดสรรงบประมาณให้สอดคล้องกับการแก้ปัญหาของประชาชน และในขณะเดียวกันก็สร้างเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน" นายธนาธรกล่าวสรุป


