posttoday

ธนาธร เสนอพิมพ์เขียวเศรษฐกิจใหม่ สร้างเทคโนโลยีไทยดึงเงินลงทุน

18 กรกฎาคม 2568

ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ชูวิสัยทัศน์ "เมกะโปรเจกต์พลิกชาติ" ใช้งบแสนล้านแก้ปัญหาขยะ-น้ำประปา-สมาร์ทกริด สร้างเทคโนโลยีไทย เศรษฐกิจไปต่อได้

 

ภายในงาน “55 ปี NATION :ผ่าทางตันประเทศไทย กับ 3 ผู้นำทางความคิด :  Chapter 2  3 บก. ถาม ‘ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ’ ตอบ ณ ห้องพญาไท 4 ชั้น 6 โรงแรมอีสติน แกรนด์พญาไท

 

ดำเนินรายการโดย 3 บก.สมชาย มีเสน รองประธานกรรมการ บริษัท เนชั่น กรุ๊ป (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน), บากบั่น บุญเลิศ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เนชั่น กรุ๊ป (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน), และประธานกรรมการ บริษัท ฐานเศรษฐกิจ มัลติมีเดีย จำกัด,วีระศักดิ์ พงศ์อักษร บรรณาธิการอำนวยการเครือเนชั่น



 

นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้าและอดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ได้แสดงวิสัยทัศน์ด้านการลงทุนเพื่อพลิกโฉมเศรษฐกิจไทย โดยเสนอให้รัฐบาลเปลี่ยนมุมมองจากการแก้ปัญหาระยะสั้น

 

ไปสู่การลงทุนใน "เมกะโปรเจกต์" ที่แก้ปัญหาคุณภาพชีวิตของประชาชน ควบคู่ไปกับการสร้างเทคโนโลยีและซัพพลายเชนของคนไทยเอง ชี้ว่านี่คือการสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศอย่างแท้จริง

 

ธนาธร เสนอพิมพ์เขียวเศรษฐกิจใหม่ สร้างเทคโนโลยีไทยดึงเงินลงทุน

 

จากบ่อขยะ สู่คำถามที่ว่า "เทคโนโลยีไทยอยู่ไหน?"

 

นายธนาธรเริ่มต้นด้วยการยกตัวอย่าง "บ่อขยะ" ที่ไม่ได้มาตรฐานซึ่งมีอยู่หลายร้อยแห่งทั่วประเทศ เป็นปัญหาที่ทุกคนรับรู้แต่ไม่เคยถูกแก้ไขอย่างจริงจัง

 

อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ได้เปรียบเทียบกับโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ "ชลบุรี คลีน เอนเนอร์จี้" ซึ่งเป็นโรงงานที่ทันสมัยและจัดการมลพิษได้ดีที่สุดในประเทศ แต่กลับพบความจริงที่น่าตกใจ

 

"ผมเข้าไปดูโรงงานนี้ด้วยตัวเอง เทคโนโลยีหลักมาจากฝรั่งเศส (Suez) คนก่อสร้างคือญี่ปุ่น (Marubeni) ซอฟต์แวร์ควบคุมก็ของญี่ปุ่น (JFT) เทอร์ไบน์จากเยอรมนี (Siemens) สารเคมีจากเบลเยียม ไม่มีเทคโนโลยีของคนไทยอยู่ในโรงงานที่ดีที่สุดในประเทศนี้เลย" นายธนาธรกล่าว

 

นี่คือจุดตั้งต้นของคำถามสำคัญว่า ทำไมการลงทุนขนาดใหญ่ในประเทศจึงไม่นำไปสู่การสร้างองค์ความรู้และอุตสาหกรรมของคนไทย

 

ธนาธร เสนอพิมพ์เขียวเศรษฐกิจใหม่ สร้างเทคโนโลยีไทยดึงเงินลงทุน

 

 

วิสัยทัศน์ 3 เมกะโปรเจกต์ สร้างงาน สร้างชาติ สร้างเทคโนโลยี

 

นายธนาธรเสนอแนวทางการลงทุนใน 3 เมกะโปรเจกต์หลัก ที่ต้องอาศัยความต่อเนื่องทางการเมืองและวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนจากรัฐบาล

 

1. การจัดการขยะทั่วประเทศ (งบประมาณ 1 แสนล้านบาท ระยะเวลา 8 ปี)

 

  • เป้าหมาย: แก้ปัญหาขยะตกค้างทั่วประเทศให้มีมาตรฐานเทียบเท่าประเทศญี่ปุ่นภายใน 8 ปี (2 สมัยรัฐบาล) และที่สำคัญคือ สร้างเทคโนโลยีการจัดการขยะให้เป็นของคนไทย

 

2. น้ำประปาดื่มได้ทั่วประเทศ (งบประมาณ 8 หมื่นล้านบาท ระยะเวลา 8 ปี)

 

  • เป้าหมาย: ยกระดับคุณภาพชีวิตขั้นพื้นฐาน ทำให้ประชาชนทุกครัวเรือนมีน้ำประปาที่สะอาดปลอดภัยสำหรับดื่ม

 

  • แนวคิด: เป็นการลงทุนที่สร้างงานและพัฒนาเทคโนโลยีด้านการจัดการน้ำในประเทศ

 

3. สมาร์ทกริด (Smart Grid) (งบประมาณ 5 แสนล้านบาท ระยะเวลา 12-16 ปี)

 

  • เป้าหมาย: ปฏิวัติระบบโครงข่ายไฟฟ้าของประเทศ เพื่อรองรับภาวะ Climate Change และเทรนด์พลังงานสะอาด ที่บ้านเรือนจะกลายเป็นทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภคไฟฟ้า

 

"นี่คือการลงทุนที่คุณหนีไม่พ้น ยังไงก็ต้องลงทุน คำถามคือทำยังไงให้เงิน 500,000 ล้านนี้ ไม่ใช่การไปซื้อของจากจีน แต่เป็นการสร้างซัพพลายเชนใหม่ๆ และการจ้างงานในประเทศไทย" นายธนาธรกล่าวเสริม

 

ธนาธร เสนอพิมพ์เขียวเศรษฐกิจใหม่ สร้างเทคโนโลยีไทยดึงเงินลงทุน

 

กุญแจสำคัญ: รัฐสร้าง "ความแน่นอนของตลาด" ดึงเอกชนลงทุน

 

นายธนาธรย้ำว่า การจะทำให้เมกะโปรเจกต์เหล่านี้เกิดขึ้นและสร้างเทคโนโลยีของไทยได้จริง หัวใจสำคัญคือ รัฐบาลต้องสร้างความแน่นอนของตลาดในอนาคต (Market Visibility)

 

"เอกชนเขาต้องการความแน่นอน ถ้ารัฐประกาศแผนแม่บทที่ชัดเจนว่า ในอีก 10-12 ปีข้างหน้า รัฐจะซื้อสมาร์ทมิเตอร์, อินเวอร์เตอร์ หรือระบบแบตเตอรี่ เป็นมูลค่า 500,000 ล้านบาท และต้องการให้ผลิตในประเทศ ผู้ประกอบการไทยหรือต่างชาติก็จะกล้ามาลงทุนตั้งโรงงานในไทย"

 

นายธนาธรเสนอให้รัฐบาลต้องทำงานอย่างบูรณาการ ตั้งแต่กระทรวง อว. ที่ต้องให้ทุนวิจัยกับมหาวิทยาลัย, กระทรวงศึกษาและแรงงานที่ต้องพัฒนาทักษะคนให้ตรงจุด ไปจนถึง BOI และกระทรวงพาณิชย์ที่ต้องสนับสนุนผู้ประกอบการและเจรจาการค้า

 

"นี่คือการพัฒนาประเทศ คือการจัดสรรงบประมาณให้สอดคล้องกับการแก้ปัญหาของประชาชน และในขณะเดียวกันก็สร้างเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน" นายธนาธรกล่าวสรุป

ข่าวล่าสุด

ดูบอลสด ถ่ายทอดสด บีจี ปทุม พบ เมืองทอง ฟุตบอลไทยลีก วันนี้ 14 ธ.ค.68