posttoday

มาสดาร์ ซิตี้ เมืองอนาคตที่กำลังปลดล็อกการเดินทางไร้คนขับ

15 กรกฎาคม 2568

Masdar City ในนครอาบูดาบีได้เริ่มการทดสอบรถยนต์ไร้คนขับ (AV) ระดับ 4 แบบใช้งานจริง บนเส้นทางวนรอบ 2.4 กิโลเมตร โดยไม่ต้องมีคนขับควบคุม ในโซนที่กำหนด

เมืองที่เกิดจากวิสัยทัศน์ ไม่ใช่แค่แผนที่

 

ย้อนกลับไปเมื่อเกือบสองทศวรรษก่อนมาสดาร์ ซิตี้ (Masdar City) ถูกสร้างขึ้นจากแนวคิดที่ทะเยอทะยาน (บวกเงินมหาศาล) โดยหมายมั่นปั้นมือให้เป็นเมืองที่ปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ ใช้พลังงานสะอาดเป็นหลัก และมีเทคโนโลยีที่ทำให้ชีวิตของผู้คนดีขึ้น

 

มาสดาร์ ซิตี้ เมืองอนาคตที่กำลังปลดล็อกการเดินทางไร้คนขับ

 

ถนนในเมืองนี้เงียบสงบ ไม่มีเสียงแตรจอแจ หรือฝุ่นคลุ้งจากไอเสีย เพราะเมืองนี้ส่งเสริมให้ผู้คน เดิน ปั่นจักรยาน และใช้ยานพาหนะไฟฟ้าอัตโนมัติ แทนการขับรถเอง

 

Level 4 เมื่อรถไม่ต้องมีคนขับอีกต่อไป

 

วันที่ 12 กรกฎาคม 2025 Masdar City ในนครอาบูดาบีได้เริ่มกระบวนการทดสอบรถยนต์ไร้คนขับ (autonomous vehicles หรือ AV) ระดับ 4 ซึ่งจัดเป็นอีกขั้นสำคัญของการนำเทคโนโลยีไร้คนขับมาใช้งานจริง โดย AV-L4 เริ่มวิ่งบนเส้นทางวนรอบ 2.4 กิโลเมตร แบบไม่ต้องมีคนขับควบคุม ในโซนที่กำหนด

 

อย่างไรก็ตาม รถยนต์ไร้คนขับระดับ L4 ต้อง “รู้จักเมือง” มากพอจะเคลื่อนที่ไปตามจุดหมายด้วยตัวเอง แน่นอนเส้นทางถูกกำหนดไว้ล่วงหน้าในระบบของรถ AV  

 

แม้ในช่วงแรกจะมีเจ้าหน้าที่นั่งอยู่ในรถเพื่อความปลอดภัย แต่เป้าหมายคือ การเปลี่ยนไปสู่ระบบควบคุมระยะไกลแบบเต็มรูปแบบจากศูนย์บัญชาการกลาง เมื่อระบบเสถียรพอ

 

AV-Level 4 คือระดับที่รถสามารถขับเองได้สนิทในสภาพแวดล้อมหรือพื้นที่ที่ระบบเข้าใจและได้รับการกำหนดไว้ล่วงหน้า (geofenced) โดยไม่ต้องอาศัยมนุษย์ช่วยเหลือ

 

มาสดาร์ ซิตี้ เมืองอนาคตที่กำลังปลดล็อกการเดินทางไร้คนขับ

 

ทำไมเลือก Masdar City?

มาสตาร์ ซิตี้ได้รับการออกแบบมาให้เป็น "เมืองต้นแบบแห่งอนาคต" ใจกลางทะเลทรายอาบูดาบี ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

 

เมืองไม่ได้ถูกสร้างขึ้นเพียงเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยหรือศูนย์กลางธุรกิจเท่านั้น แต่ถูกออกแบบมาเพื่อเป็น "ห้องทดลองมีชีวิต" สำหรับนวัตกรรม เทคโนโลยีสะอาดและความยั่งยืนในระดับโลก

 

Masdar City เริ่มต้นโปรเจ็กต์ในปี 2008 โดยได้รับการสนับสนุนจากบริษัท Masdar ซึ่งเป็นบริษัทด้านพลังงานสะอาดในเครือ Mubadala Investment Company ภายใต้รัฐบาลอาบูดาบี เมืองนี้ถูกวางแผนให้เป็นศูนย์กลางระดับโลกของนวัตกรรมด้านพลังงานทดแทน การออกแบบเมืองยั่งยืน และระบบขนส่งอัจฉริยะ โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือการสร้างเมืองที่ใช้พลังงานสะอาด 100% และมีการปล่อยคาร์บอนต่ำที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

 

ภาพจาก masdar.ae

 

พื้นที่เมืองครอบคลุมพื้นที่กว่า 6 ตารางกิโลเมตร ตั้งอยู่ใกล้สนามบินนานาชาติอาบูดาบี เมืองนี้ถูกวางโครงสร้างให้เหมาะกับการใช้ชีวิตและการทำงานของประชากรประมาณ 40,000 คน และสามารถรองรับแรงงานได้อีกกว่า 50,000 คนเมื่อสร้างเสร็จสมบูรณ์ ทุกองค์ประกอบของเมืองถูกออกแบบมาโดยอิงหลักการพัฒนาเมืองยั่งยืน ตั้งแต่ทิศทางลมที่ช่วยระบายความร้อนโดยธรรมชาติ อาคารที่ลดการใช้พลังงาน ไปจนถึงการใช้เทคโนโลยี Internet of Things (IoT) และ Smart Grid ในการบริหารจัดการพลังงานแบบเรียลไทม์

 

หนึ่งในจุดเด่นของ Masdar City คือระบบขนส่งอัตโนมัติ เมืองนี้เป็นหนึ่งในพื้นที่แรกของโลกที่นำระบบรถไร้คนขับ Personal Rapid Transit (PRT) มาใช้งานจริงตั้งแต่ช่วงเริ่มต้น และในปี 2025 Masdar City ได้กลายเป็นหัวหอกในการทดสอบรถยนต์ไร้คนขับระดับ 4 ซึ่งเป็นระดับที่รถสามารถขับเคลื่อนได้อย่างอัตโนมัติโดยไม่ต้องมีมนุษย์ช่วยควบคุมในพื้นที่ที่กำหนดไว้

 

Personal Rapid Transit (PRT) หรือ ระบบขนส่งผู้โดยสารส่วนบุคคลแบบอัตโนมัติ คือ ระบบขนส่งสาธารณะรูปแบบหนึ่งที่ใช้ยานพาหนะขนาดเล็ก (podcars) วิ่งบนโครงสร้างนำทาง (guideway) ที่เฉพาะเจาะจง

 

 

Masdar City ยังเป็นที่ตั้งของอาคารสีเขียวที่ได้รับการรับรองมาตรฐานสากล เช่น LEED และ Estidama ซึ่งเป็นมาตรฐานการก่อสร้างที่เน้นความยั่งยืนของอาบูดาบีเอง อาคารของบริษัทระดับโลกอย่าง Siemens และสถาบันด้านพลังงานสะอาดอย่าง IRENA ต่างมีสำนักงานใหญ่อยู่ภายในเมืองนี้ โดยเฉพาะ Masdar Institute ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Khalifa University ถือเป็นศูนย์วิจัยด้านพลังงานหมุนเวียนที่สำคัญของภูมิภาคและทำงานร่วมกับสถาบันชั้นนำอย่าง MIT

 

แม้โครงการนี้จะต้องเผชิญกับความท้าทายหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นวิกฤตเศรษฐกิจโลกในปี 2008 ที่ทำให้การพัฒนาเมืองล่าช้ากว่ากำหนดหลายปี หรือการปรับลดงบประมาณจากเดิมกว่า 22,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลงเหลือราว 15,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ แต่ Masdar City ก็ยังคงเดินหน้าและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันมีการก่อสร้างแล้วประมาณ 15–20% ของพื้นที่ทั้งหมดและมีผู้อยู่อาศัยและผู้ประกอบการเข้าไปใช้งานจริงแล้วจำนวนหนึ่ง

 

ภาพจาก waymo.com

 

 

รถยนต์ไร้คนขับ (Autonomous Vehicles) ถูกแบ่งระดับการขับเคลื่อนอัตโนมัติตามมาตรฐานของ SAE International (Society of Automotive Engineers) ออกเป็นทั้งหมด 6 ระดับ (Level 0 ถึง Level 5) โดยพิจารณาจากระดับการควบคุมของมนุษย์และระบบอัตโนมัติ ดังนี้

 

Level 0 – ไม่มีระบบอัตโนมัติ

มนุษย์ขับเองทั้งหมด ระบบอาจมีฟีเจอร์ช่วยเหลือ เช่น ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน หรือเบรกอัตโนมัติ ผู้ขับยังคงควบคุมทั้งคันทุกอย่าง

 

Level 1 – ระบบช่วยเหลือการขับขี่ (Driver Assistance)

ระบบช่วยควบคุม “อย่างใดอย่างหนึ่ง” เช่น Adaptive Cruise Control (รักษาความเร็ว + ระยะห่างอัตโนมัติ) หรือ Lane Keeping Assist (ช่วยควบคุมพวงมาลัยให้อยู่ในเลน) คนขับยังต้องควบคุมรถโดยรวม

 

Level 2 – ระบบอัตโนมัติบางส่วน (Partial Automation)

รถสามารถควบคุมความเร็ว + พวงมาลัยได้พร้อมกัน ระบบอย่าง Tesla Autopilot, Mercedes Drive Pilot ก็อยู่ในระดับนี้ คนขับยังต้องจับพวงมาลัยและพร้อมรับช่วงต่อเสมอ

 

Level 3 – ระบบอัตโนมัติแบบมีเงื่อนไข (Conditional Automation)

รถขับเองได้ในบางสถานการณ์ (เช่น ทางด่วน) คนขับสามารถละมือจากพวงมาลัยได้ชั่วคราวแต่ต้องพร้อมกลับมาควบคุมเมื่อระบบร้องขอ ตัวอย่าง เช่น Honda Legend, Mercedes-Benz Drive Pilot (ในบางตลาด)

 

Level 4 – ระบบอัตโนมัติระดับสูง (High Automation)

รถสามารถขับเองได้เต็มรูปแบบในพื้นที่ที่ “ระบบรู้จัก” (Geofenced area) ไม่ต้องพึ่งคนขับในพื้นที่ที่กำหนด ถ้าออกนอกเขต ระบบอาจไม่ทำงาน มีใช้จริงแล้วในบางเมือง เช่น รถ Waymo ในฟีนิกซ์, UAE และจีน

 

Level 5 – อัตโนมัติเต็มรูปแบบ (Full Automation)

รถขับได้ทุกที่ ทุกเวลา โดยไม่มีพวงมาลัยหรือคันเร่ง ไม่ต้องมีคนขับแม้ในสถานการณ์ฉุกเฉิน ยังไม่มีใช้งานจริงในปัจจุบัน

 

มาสดาร์ ซิตี้ เมืองอนาคตที่กำลังปลดล็อกการเดินทางไร้คนขับ

 

AV-L4 มีที่ในประเทศใดแล้ว

 

มีเมืองหลายแห่งทั่วโลกเริ่มนำรถยนต์ไร้คนขับระดับ Level 4 (L4) มาใช้งานจริงแล้วโดยจัดเป็นโครงการเชิงพาณิชย์หรือทดลองบนเส้นทางที่ควบคุมได้อย่างชัดเจน ดังนี้

 

สหรัฐอเมริกา

  • Waymo One (Alphabet/Google) ให้บริการ Robotaxi แบบไร้คนขับในเมือง Phoenix, San Francisco, Los Angeles และ Austin โดยไม่ต้องมีคนขับประจำอยู่ในรถ
  • Cruise (GM) เปิดทดลอง Robotaxi แบบ L4 ใน San Francisco และกำลังขยายสู่เมืองอื่น
  • Tesla Robotaxi เริ่มทดสอบใน Austin มีผู้ควบคุมความปลอดภัย แต่ตั้งเป้า L4 และกำลังยื่นขออนุญาตใน Phoenix และ Bay Area

 

จีน

  • Baidu Apollo Go เปิดให้บริการ Robotaxi ในหลายเมือง เช่น Wuhan และ Peking (Beijing), พร้อมรถโดยสาร L4 แบบไมโครบัส Autolobus Apolong
  • WeRide เริ่มใช้งานจริง L4 Robotaxi และ Robobus ในกวางโจว พร้อมขยายงานสู่ดูไบและอาบูดาบี
  • XPeng G9 ทำการทดสอบ Robotaxi L4 ในกวางโจวอย่างเป็นทางการ

 

ญี่ปุ่น

รัฐบาลอนุญาตใช้รถ L4 บนถนนจริงตั้งแต่เม.ย. 2023 และเริ่มใช้ระบบ “AI Pilot” จาก Tier IV บนพื้นที่ทดลองหลายแห่ง

 

เกาหลีใต้

Hyundai เริ่มโครงการ Level 4 ใน Sejong City และขยายไปที่ Gangnam และ Pangyo โดยใช้รถ e‑Palette และ IONIQ5

 

สหราชอาณาจักร

Wayve–Uber เตรียมเริ่มทดลอง Robotaxi L4 ในลอนดอนปี 2025 ก่อนขยายเชิงพาณิชย์ในปี 2026

 

สิงคโปร์

LTA อนุญาตทดสอบและใช้งานรถไร้คนขับ L4 บนถนนจริงตั้งแต่ปี 2017 มีรถกว่า 40 คัน

 

สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

นอกเหนือจาก Masdar City แล้ว WeRide ยังเปิดตัว L4 Robotaxi ในอาบูดาบีและวางแผนเข้าสู่ดูไบ

ข่าวล่าสุด

วปอ.68 มอบตาข่ายป้องกันโดรน ทิ้งระเบิด และสิ่งของ ช่วยทหารชายแดนภาค 2