เปิดแล้ว! สะพานเชื่อมเขาอ่างฤๅไน-เขาชะเมา ลดอุบัติเหตุคน-ช้าง
เปิดใช้แล้ว! สะพานเชื่อมระบบนิเวศ "เขาอ่างฤๅไน-เขาชะเมา-เขาวง" ต้นแบบแก้ปัญหาสัตว์ป่า-คนอยู่ร่วมกัน ดันท่องเที่ยว 2 จังหวัดสู่ความยั่งยืน
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า กรมทางหลวงชนบท (ทช.) ได้ประสบความสำเร็จในการก่อสร้างและเปิดใช้งาน สะพานเชื่อมระบบนิเวศ บนสายทาง รย.4060 ที่เชื่อมต่อระหว่างจังหวัดระยองและจันทบุรี
โดยสะพานแห่งนี้นับเป็นก้าวสำคัญในการส่งเสริมการอยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืนระหว่างคนและช้างป่า รวมถึงยกระดับการคมนาคมและกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวในพื้นที่
โครงการก่อสร้างสะพานดังกล่าวเชื่อมต่อระหว่างเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤๅไน และอุทยานแห่งชาติเขาชะเมา - เขาวง ซึ่งเป็นพื้นที่สำคัญในการอนุรักษ์ธรรมชาติและสัตว์ป่าในภาคตะวันออกของประเทศไทย
สะพานแห่งนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของ โครงการพัชรสุธาคชานุรักษ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ในพื้นที่ป่ารอยต่อ 5 จังหวัดภาคตะวันออก ซึ่งมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างคนกับช้างป่า ด้วยการฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและรักษาสมดุลของระบบนิเวศ
มิติใหม่ของการเดินทาง: ปลอดภัยทั้งคนและช้าง
นายสุริยะ กล่าวย้ำว่า ปัจจุบันสะพานได้เปิดให้ประชาชนใช้งานแล้ว ทำให้การเดินทางเชื่อมระหว่างอำเภอเขาชะเมา จังหวัดระยอง และอำเภอแก่งหางแมว จังหวัดจันทบุรี มีความสะดวกสบายและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
ที่สำคัญคือ ช้างป่าสามารถเดินลอดใต้สะพานได้อย่างอิสระและปลอดภัย ซึ่งเป็นการลดความเสี่ยงของการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน และช่วยส่งเสริมการเคลื่อนย้ายถิ่นฐานของสัตว์ป่าได้อย่างเป็นธรรมชาติ
นับเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการอนุรักษ์สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ควบคู่ไปกับการส่งเสริมการอยู่ร่วมกันระหว่างคนและสัตว์ป่าอย่างยั่งยืน
รายละเอียดโครงสร้างสะพาน เพื่อการอนุรักษ์และคมนาคม
นายมนตรี เดชาสกุลสม อธิบดีกรมทางหลวงชนบท (ทช.) ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า โครงการนี้ประกอบด้วยการก่อสร้างสะพาน 2 แห่ง พร้อมจุดจอดรถบนสะพานทั้งสองด้าน ความยาวด้านละ 30 เมตร สำหรับเจ้าหน้าที่และประชาชนที่สนใจสามารถใช้สังเกตพฤติกรรมของสัตว์ป่าได้
โครงสร้างส่วนบนของสะพานเป็นเหล็กชนิดป้องกันการกัดกร่อน ส่วนล่างเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก สะพานมีความกว้าง 11 เมตร รองรับการจราจร 2 ช่องทาง (ไป - กลับ) และมีความสูงช่องลอด 10 เมตร ใช้งบประมาณก่อสร้างรวม 587 ล้านบาท โดยมีรายละเอียดของสะพานแต่ละแห่งดังนี้:
- สะพานแห่งที่ 1: มีความยาว 630 เมตร ตั้งแต่ กม. ที่ 4+525 - 5+155 และมีถนนต่อเชื่อมผิวจราจรเดิมยาว 420 เมตร กว้าง 8 เมตร รวมไหล่ทาง นอกจากนี้ยังมีถนนคู่ขนานพร้อมจุดกลับรถใต้สะพานกว้าง 4 เมตร รวมไหล่ทาง ความยาว 1,596 เมตร และถนนจุดกลับรถทิศทางเดียวกว้าง 3.50 เมตร รวมไหล่ทาง ความยาว 180 เมตร
- สะพานแห่งที่ 2: มีความยาวรวม 420 เมตร ตั้งแต่ กม. ที่ 9+517.25 - 9+937.25 พร้อมถนนต่อเชื่อมผิวจราจรเดิมยาว 380 เมตร กว้าง 8 เมตร รวมไหล่ทาง เช่นเดียวกับสะพานแห่งแรก มีถนนคู่ขนานพร้อมจุดกลับรถใต้สะพานกว้าง 4 เมตร รวมไหล่ทาง ความยาว 1,596 เมตร และถนนจุดกลับรถทิศทางเดียวกว้าง 3.50 เมตร รวมไหล่ทาง ความยาว 180 เมตร
ทั้งนี้ สะพานแห่งนี้ถือเป็น สะพานเชื่อมระบบนิเวศแห่งที่ 2 ของประเทศไทย และเป็น สะพานเชื่อมระบบนิเวศแห่งแรกที่ดำเนินการโดยกรมทางหลวงชนบท (ทช.)
การก่อสร้างสะพานแห่งนี้ไม่เพียงช่วยให้สัตว์ป่าสามารถเคลื่อนย้ายถิ่นฐานได้อย่างปลอดภัยและลดอุบัติเหตุบนท้องถนนเท่านั้น แต่ยังช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตในการเดินทางของประชาชนในพื้นที่ ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ
ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย ซึ่งจะนำไปสู่การกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับท้องถิ่นและประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด


