posttoday

คืนเวลาคนกรุง! กทม. เผย ไฟจราจรอัจฉริยะ แก้รถติดได้จริง สูงสุด 41%

12 มิถุนายน 2568

กทม. ปลื้ม! "ไฟจราจรอัจฉริยะ" คืนเวลาคนกรุง ชี้ลดรถติดได้สูงสุด 41% หลังติดตั้งแล้ว 72 แยกทั่วกรุงเทพ เตรียมลุยเพิ่มอีก 200 แยกภายในปีหน้า

 

กทม. เผยผลสำเร็จโครงการติดตั้งระบบสัญญาณไฟจราจรอัจฉริยะ (Adaptive Signal Control) ใน 72 ทางแยกสำคัญทั่วกรุงฯ ช่วยลดความล่าช้าในการเดินทางช่วงทางแยกได้เฉลี่ย 10-41% ชี้เป็นก้าวสำคัญในการนำเทคโนโลยีมาแก้ปัญหารถติดอย่างยั่งยืน

 

ณ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (เสาชิงช้า) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้เป็นประธานในการประชุมหัวหน้าหน่วยงานของกรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 6/2568

 

โดยหนึ่งในวาระสำคัญที่นำมาสู่ความยินดีของคนกรุงเทพฯ คือการรายงานผลความสำเร็จของโครงการยกระดับสัญญาณไฟจราจรเพื่อแก้ปัญหาการจราจรในพื้นที่กรุงเทพมหานคร

 

ที่ประชุมได้เปิดเผยว่า กรุงเทพมหานครได้ดำเนินการติดตั้งและเปิดใช้งานระบบสัญญาณไฟจราจรทางแยกแบบอัจฉริยะ (Adaptive) ครบแล้วทั้ง 72 ทางแยก ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2568 ที่ผ่านมา

 

โดยเน้นในบริเวณทางแยกของถนนสายหลักในพื้นที่ชั้นในซึ่งเป็นจุดที่ประสบปัญหาการจราจรติดขัดสะสมมาอย่างยาวนาน อาทิ 

  • ถนนพระราม 9
  • ถนนดินแดง
  • ถนนพญาไท
  •  ถนนสุขุมวิท
  • ถนนเพลินจิต
  • ถนนพระรามที่ 1
  • ถนนพระรามที่ 4
  • ถนนสาทร
  • ถนนสีลม
  • ถนนพหลโยธิน

 

คืนเวลาคนกรุง! กทม. เผย ไฟจราจรอัจฉริยะ แก้รถติดได้จริง สูงสุด 41%

ไฟจราจรอัจฉริยะ (Adaptive) คืออะไร?

 

ปัจจุบัน สัญญาณไฟจราจรในกรุงเทพมหานครมีอยู่ประมาณ 500 แยก ซึ่งส่วนใหญ่ยังคงเป็น "ระบบอัตโนมือ" หรือที่เรียกว่า "Fix Time"

 

คือการตั้งเวลาปล่อยสัญญาณไฟเขียว-ไฟแดงตายตัวตามโปรแกรมที่กำหนดไว้ล่วงหน้า หรือให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นผู้กดสัญญาณไฟตามสภาพการจราจรที่เห็น ซึ่งมีข้อจำกัดอย่างมาก อาทิ

 

แม้จะเห็นสัญญาณไฟที่แสดงการนับถอยหลัง ซึ่งบ่งบอกว่าเป็นแบบตั้งเวลาไว้ แต่บ่อยครั้งที่พบว่ารถในทิศทางที่เป็นไฟเขียวโล่ง ไม่มีรถ แต่ฝั่งที่เป็นไฟแดงกลับมีรถติดยาวเหยียด ทำให้เสียเวลาและทรัพยากรโดยเปล่าประโยชน์

 

หากเป็นตำรวจกดสัญญาณไฟเอง แม้จะช่วยปรับตามสถานการณ์ได้บ้าง แต่ก็ไม่สามารถมองเห็นสภาพการจราจรทั้งหมดของทางแยกได้อย่างครอบคลุม ทำให้การตัดสินใจอาจไม่เหมาะสมที่สุดในบางเวลา

 

แต่สำหรับ ระบบสัญญาณไฟจราจรอัจฉริยะ (Adaptive Signal Control) ที่ กทม. นำมาใช้นั้น มีความแตกต่างอย่างสิ้นเชิง โดยมีหลักการทำงาน ดังนี้

  • กล้องวัดปริมาณจราจร (Image Processing Cameras): แทนการใช้เซ็นเซอร์แบบเดิม ระบบนี้ใช้กล้องวิดีโอที่มีความแม่นยำสูงติดตั้งที่ทางแยก ทำหน้าที่เป็น "ดวงตา" คอยตรวจจับและประมวลผลปริมาณรถในแต่ละช่องจราจรแบบเรียลไทม์

 

  • คอมพิวเตอร์คำนวณอัจฉริยะ (Central Processing Unit): ข้อมูลจากกล้องจะถูกส่งไปยัง "สมองกล" ซึ่งเป็นคอมพิวเตอร์ที่ใช้ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และ อัลกอริทึม (Algorithm) ในการคำนวณและวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อตัดสินใจว่าจะปล่อยสัญญาณไฟอย่างไรให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดและลดความล่าช้าในการเดินทางให้มากที่สุด

 

คืนเวลาคนกรุง! กทม. เผย ไฟจราจรอัจฉริยะ แก้รถติดได้จริง สูงสุด 41%

 

 

ประโยชน์ของไฟจราจรอัจฉริยะ Adaptive Control

 

  • ปรับเปลี่ยนสัญญาณไฟตามปริมาณรถจริง: ระบบสามารถยืดหรือหดระยะเวลาไฟเขียวได้ตามความหนาแน่นของรถในแต่ละทิศทาง ไม่มีการปล่อยไฟเขียวในทิศทางที่ไม่มีรถ และจะพยายามระบายรถในทิศทางที่ติดขัดให้เร็วที่สุด

 

  • ลดความล่าช้า: จากการนำร่องทดลองใช้ระบบ Adaptive Control ในช่วงที่ไม่ใช่ชั่วโมงเร่งด่วน พบว่าการจราจรดีขึ้นประมาณ 15% และกำลังอยู่ระหว่างเก็บข้อมูลในชั่วโมงเร่งด่วนร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อประเมินผลประสิทธิภาพสูงสุดอย่างแม่นยำ

 

  • เพิ่มประสิทธิภาพการจราจรโดยรวม: ช่วยให้การเคลื่อนตัวของรถยนต์เป็นไปอย่างต่อเนื่อง ลดการหยุดรถที่ไม่จำเป็น ช่วยประหยัดเวลาการเดินทาง ลดการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง และลดมลพิษทางอากาศ

 

 

คืนเวลาคนกรุง! กทม. เผย ไฟจราจรอัจฉริยะ แก้รถติดได้จริง สูงสุด 41%

 

แผนการขยายผลและคำเตือนเรื่องวินัยจราจร

 

ปัจจุบัน กทม. ได้ติดตั้งและเปิดใช้งานระบบ Adaptive Control ไปแล้ว 72 แยกสำคัญ ตามแนวถนนสุขุมวิท, แนวถนนเพชรบุรี, แนวถนนพระรามสี่, แนวถนนพหลโยธิน และบริเวณย่านสีลม

 

ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการจราจรหนาแน่น และมีแผนจะ ติดตั้งเพิ่มอีก 200 แยก ในปีหน้าเพื่อขยายผลให้ครอบคลุมพื้นที่สำคัญทั่วกรุงเทพฯ ให้มากที่สุด

 

อย่างไรก็ตาม ผู้ว่าฯ ชัชชาติ เน้นย้ำว่า แม้เทคโนโลยีจะฉลาดล้ำแค่ไหน แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือ "ระเบียบวินัยจราจร" ของผู้ใช้รถใช้ถนนทุกคน

 

หากคนไม่ปฏิบัติตามกฎจราจร ไม่เคารพสัญญาณไฟ หรือขาดวินัยในการขับขี่ เทคโนโลยีใด ๆ ก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างเต็มที่

 

ซึ่งในบางแยกที่รถติดหนักมาก อาจยังคงต้องใช้การประสานงานระหว่างระบบอัจฉริยะและการควบคุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อบริหารจัดการสถานการณ์เฉพาะหน้าอย่างเหมาะสม

 

การผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีอัจฉริยะและการมีวินัยของประชาชน จะเป็นกุญแจสำคัญในการพลิกโฉมการจราจรของกรุงเทพมหานครให้ดียิ่งขึ้นในอนาคต

ข่าวล่าสุด

กต.ชี้ กัมพูชาปิดด่านห้ามคนไทยกลับประเทศขัดกฎหมายระหว่างประเทศ