รู้จัก “PETER” มาตรการป้องกัน-จัดการปัญหาการพนันครบวงจรของรัฐบาลไทย
สำรวจมาตรการ PETER และ มาตรการป้องกันและจัดการปัญหาการพนันอย่างครบวงจร จากรัฐบาลในโครงการแสนล้าน “Thailand Entertainment Complex”
ในช่วงเวลาที่ประเทศไทยกำลังพิจารณาแนวทางใหม่ ๆ ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ แม้ประเทศไทยจะเริ่มต้นได้ช้ากว่าเพื่อนบ้านในการเปิดให้มี “Entertainment Complex” แต่ก็คือโอกาสที่จะทำให้เราได้ศึกษาโมเดลต่างๆ ได้อย่างรอบคอบและรอบด้านมากขึ้น หนึ่งในประเด็นสำคัญที่ถูกหยิบยกขึ้นมาพิจารณา ไม่ใช่เพียงแค่เรื่อง คาสิโนถูกกฎหมายเท่านั้น หากคือมุมมองที่ว่า หากมีการจัดการอย่างเหมาะสม “Thailand Entertainment Complex” ไม่เพียงแต่จะช่วยสร้างรายได้มหาศาลให้ประเทศ แต่ยังสามารถควบคุม ป้องกัน และเยียวยาปัญหาสังคมที่อาจตามมาได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วย เพราะเป็นประเด็นที่ถูกจับตามองมากที่สุดในเวลานี้
วันนี้ ฝั่งรัฐบาลโดย นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังและนายศึกษิษฏ์ ศรีจอมขวัญ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีได้แถลงรายละเอียดของโครงการ “THAILAND ENTERTAINMENT COMPLEX” มหานครแห่งประสบการณ์ระดับโลก ที่กระทรวงการคลัง โดยได้เปิดเผยถึงมาตรการ PETER และมาตรการอื่นๆ ที่จะเข้ามาแก้ไขปัญหาเชิงสังคม โพสต์ทูเดย์ได้เรียบเรียงรายละเอียดมาดังนี้
1. มาตรการป้องกันและจัดการปัญหาการพนันอย่างครบวงจร "PETER"
- ไม่ใช่แค่การป้องกัน (Prevention) อย่างเดียวเท่านั้น แต่ต้องบูรณาการทุกมิติ ได้แก่
- Prevention (P) = การป้องกัน
- Application (A) = การบังคับใช้กฎหมาย
- Treatment (T) = การบำบัดรักษาผู้ติดการพนัน
- Enforcement (E) = การบังคับใช้กฎเข้มงวด
- Research (R) = การวิจัยและพัฒนามาตรการอย่างต่อเนื่อง
- พนักงานทุกคนต้องผ่านการอบรมและมีหน้าที่สังเกตพฤติกรรมเสี่ยง เช่น คนรายได้น้อย หรือผู้เล่นบ่อย ๆ เพื่อป้องกันและช่วยเหลืออย่างทันท่วงที
2. มาตรการคุมเข้มพื้นที่ Entertainment Complex
- ใช้เทคโนโลยีกล้องวงจรปิดครอบคลุมพื้นที่ทุกตารางนิ้ว
- มีระบบการลงทะเบียนลูกค้า (KYC - Know Your Customer) ตรวจสอบข้อมูลด้วยการสแกนหน้า พาสปอร์ต บัตรประชาชน เพื่อคัดกรองกลุ่มเสี่ยง
- มาตรการแบนเข้าเล่น (Self-exclusion) มี 3 รูปแบบ ได้แก่
- Safe exclusion: ผู้เล่นสามารถแบนตัวเองได้
- Secondary exclusion: ครอบครัวสามารถแบนคนในครอบครัวที่เสี่ยงได้
- Third party exclusion: รัฐบาลสามารถแบนกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้มีประวัติอาชญากรรม หรือคนที่เคยล้มละลาย
3. การจัดการปัญหาการฟอกเงิน (Money Laundering)
- ระบบควบคุมเข้มงวด เทียบเท่าระดับโลก เช่น สิงคโปร์ มาเก๊า
- พื้นที่ Entertainment Complex มีการตรวจสอบและบันทึกข้อมูลทางการเงินทุกบาททุกสตางค์ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์
- มาตรฐานตรวจสอบเข้มงวดจนทำให้การฟอกเงินในพื้นที่เหล่านี้ทำได้ยากมากกว่าธุรกิจอื่น เช่น ธนาคาร อสังหาริมทรัพย์ หรือร้านจิวเวลรี่
- มีการกำหนดสัดส่วนการใช้จ่ายในเกมมิ่ง เช่น ต้องใช้เงินในเกมไม่น้อยกว่า 90% ของเงินที่แลกเข้าไป เพื่อป้องกันการฟอกเงินง่าย ๆ
4. กฎหมายและการบริหารจัดการรายได้
- มีการจัดเก็บภาษี ค่าธรรมเนียม และค่าลิขสิทธิ์ จากผู้ประกอบการในระดับสูง
- เงินที่ได้จะถูกจัดสรรไปใช้สนับสนุนทุนการศึกษา พัฒนาเยาวชน ดนตรี กีฬา เทคโนโลยี และกิจกรรมสาธารณประโยชน์ในชุมชน
- มีการตั้งโครงการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการพนันและอาชญากรรมในชุมชน
- เงินส่วนหนึ่งนำไปสนับสนุนการบังคับใช้กฎหมาย เช่น รางวัลนำจับการพนันผิดกฎหมาย
5. ผลกระทบเชิงบวกทางเศรษฐกิจ
- เงินลงทุนในเมกะโปรเจคด้าน Entertainment Complex ประมาณ 100,000 ล้านบาท (อาจสูงถึง 300,000 ล้านบาท)
- ผลักดัน GDP ในช่วงก่อสร้าง 0.23% และหลังเปิดบริการ 0.2-0.8%
- สร้างงานหลายหมื่นตำแหน่ง และช่วยกระตุ้นธุรกิจในประเทศ เช่น วัสดุก่อสร้าง สินค้าเครื่องใช้ต่าง ๆ
- เพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยวและกิจกรรมเสริม เช่น คอนเสิร์ต สวนสนุก ร้านอาหาร
- ดึงดูดนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 5-20% และช่วยแก้ปัญหาช่วงโลว์ซีซั่นของการท่องเที่ยว
- รายได้รัฐจากภาษีและค่าธรรมเนียมประมาณ 10,000-40,000 ล้านบาท
6. แนวทางการกำกับดูแลและปรับปรุงกฎหมาย
- ร่าง พ.ร.บ. เพื่อควบคุมกิจกรรมและเงินรายได้อย่างรัดกุม
- มีการฟังเสียงประชาชนและผู้เกี่ยวข้อง เพื่อปรับปรุงกฎหมายให้เหมาะสม
- กำหนดให้ผู้ได้รับใบอนุญาตต้องมี CSR (กิจกรรมเพื่อสังคม) อย่างต่อเนื่อง เช่น พัฒนาชุมชน หรือจังหวัดห่างไกล
- แนวคิดนำโมเดลการบริหารจัดการจากสิงคโปร์และมาเก๊ามาประยุกต์ใช้ในไทย
อย่างไรก็ตาม นายจุลพันธ์ เปิดเผยด้วยว่า หากหมดวาระรัฐบาลชุดนี้ในอีกสองปีและหากมีรัฐบาลใหม่ โครงการ " Entertainment Complex" ก็อาจถูกพับโครงการไปและอาจต้องเริ่มจากศูนย์ใหม่ หรืออีกทางหนึ่งคือมีการสานต่อในเรื่องกฎหมายต่อไป...


