EEC ผนึกกำลัง สอวช. ปั้นระบบนิเวศการลงทุน รับอุตสาหกรรมเป้าหมายพิเศษ
สกพอ. ผนึกกำลัง สอวช. MOU ปั้นระบบนิเวศการลงทุน เตรียมกำลังคนรองรับอุตสาหกรรมเป้าหมายพิเศษในพื้นที่อีอีซี
ประเทศไทยกำลังเร่งเดินหน้าสู่เศรษฐกิจฐานนวัตกรรม เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor: EEC) ถือเป็นหัวใจสำคัญของการขับเคลื่อนประเทศสู่อนาคต ด้วยบทบาทศูนย์กลางด้านการลงทุน การผลิต และเทคโนโลยีชั้นสูง ล่าสุด เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2568 สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) และสำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) เพื่อพัฒนา “ระบบนิเวศการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายพิเศษ และการพัฒนากำลังคน” ให้สอดรับกับทิศทางการเติบโตของพื้นที่อีอีซี
เดินหน้า 3 แผนงานหลัก หนุนอุตสาหกรรมอนาคต
ดร. จุฬา สุขมานพ เลขาธิการ สกพอ. ระบุว่า ความร่วมมือในครั้งนี้จะมุ่งเน้นการดำเนินการ 3 กิจกรรมหลัก ได้แก่
1. ประเมินศักยภาพของอุตสาหกรรมเป้าหมายพิเศษในพื้นที่อีอีซี และสนับสนุนนโยบายลงทุนในเทคโนโลยีขั้นสูง
2. สร้างระบบนิเวศการลงทุน โดยส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาคเอกชนกับสถาบันการศึกษา พัฒนาหลักสูตรและบุคลากรให้ตอบโจทย์อุตสาหกรรม
3. จัดทำฐานข้อมูลนักวิชาการและแรงงานทักษะสูง เพื่อวางแนวทางพัฒนากำลังคนอย่างสอดคล้องกับความต้องการจริงของภาคการผลิตและบริการ
ทั้งนี้ การผลักดันให้เกิดการลงทุนใน “อุตสาหกรรมเป้าหมายพิเศษ” หรือ New S-Curve เช่น อุตสาหกรรมดิจิทัล การแพทย์ครบวงจร หุ่นยนต์อัจฉริยะ เชื้อเพลิงชีวภาพ และโลจิสติกส์การบิน จำเป็นต้องอาศัยบุคลากรที่มีทักษะสูงและความสามารถเฉพาะทาง ซึ่ง สกพอ. พร้อมสนับสนุนผ่านกลไกของ สอวช. เช่น นโยบายพัฒนากำลังคน (Manpower Policy) และ แพลตฟอร์ม STEM Plus ที่มุ่งเน้นการผลิตบุคลากรในสายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรม และคณิตศาสตร์
ที่ผ่านมา ความร่วมมือในรูปแบบดังกล่าวส่งผลให้เกิดการจ้างงานใหม่กว่า 10,684 อัตรา และมีผู้เข้ารับการฝึกอบรมแล้ว กว่า 445,967 คน ครอบคลุม 1,205 หลักสูตรจาก 129 หน่วยฝึกอบรม ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการสร้างความพร้อมด้านบุคลากรเพื่อรองรับการลงทุนในอนาคต
สอวช. วางยุทธศาสตร์ 4 มิติ สู่การพัฒนากำลังคนแห่งอนาคต
ด้าน ดร. สุรชัย สถิตคุณารัตน์ ผู้อำนวยการ สอวช. กล่าวเสริมว่า สอวช. มีบทบาทในการกำหนดทิศทางนโยบายการพัฒนากำลังคนเพื่อรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมเป้าหมายพิเศษ โดยวางแนวทางขับเคลื่อนใน 4 มิติหลัก ได้แก่
1. Formulation – การปรับปรุงนโยบายให้สอดคล้องกับทิศทางของประเทศ
2. Adoption – การกำหนดความสำคัญของทักษะที่จำเป็น และการสร้างนวัตกรรมด้านการศึกษา
3. Integration – การจัดทำแพลตฟอร์มพัฒนากำลังคนสมรรถนะสูง เช่น STEM Plus
4. Evaluation – การประเมินผลเชิงปริมาณ เช่น ตั้งเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนบุคลากรสมรรถนะสูงให้ได้ 25%
ดร. สุรชัยเน้นว่า ความร่วมมือระหว่าง สอวช. และ สกพอ. จะช่วยวางรากฐานการทำงานเชิงรุก รองรับการขยายตัวของภาคการผลิตและบริการ โดยเฉพาะในพื้นที่อีอีซี ซึ่งเป็นหัวใจของยุทธศาสตร์ประเทศไทย 4.0 และเป็นสนามจริงของนวัตกรรม เทคโนโลยี และการลงทุนจากทั่วโลก


