10 จุดขาย หลายเหตุผล Soft Power แบบไทยๆ ขายอะไรในหมู่ชาวต่างชาติ
หลากหลายเหตุผลทำไม ชาวต่างชาติ ชอบเมืองไทย มาเมืองไทย และอยู่เมืองไทยแบบยาวๆ Soft Power แบบไทย ไม่ได้มีแค่ในอาหาร รอยยิ้ม และความบันเทิงดาษๆ แต่มีอะไรมากกว่านั้น
มีคำกล่าวในกลุ่มนักเดินทางต่างชาติว่า“ถ้ามาเมืองไทยแค่เพียงครั้ง คุณจะกลับมาอีกเสมอ” แต่กับชาวต่างชาติอีกหลายล้านคนทั่วโลก พวกเขาไม่ได้แค่ "กลับมา" แต่ “เลือกมาอยู่” แบบยาวๆ อย่างผูกพันเหมือน “บ้านหลังที่สอง”
เรื่องนี้กำลังเป็นไวรัลที่น่าสนใจ หากเราอยู่ในโลกโซเชียลแพลตฟอร์มต่างๆ เช่น TikTok เห็นได้ชัดที่สุดถึง Content สายฝรั่ง Love เมืองไทย&คนไทย ด้วยเหตุผลต่างๆ ในมุมมองของตัวเอง มีหลายสิ่งอย่างที่คนไทยมองเป็นเรื่องปกติธรรมดาแต่ชาวต่างชาติพวกนี้กลับมองเป็นเรื่องพิเศษ เช่น รถไฟฟ้าบ้านเราเงียบมากทั้งที่คนแน่นมาก และสะอาดมากหากเทียบกับรถไฟฟ้าในบางประเทศ บางรายถึงขั้นนำไปเทียบกับเมืองใหญ่ๆ ที่ทั้งสกปรกและหนวกหู หรือหากลืมของไว้ตรงไหนสักแห่ง ก็ยากที่ถูกขโมยหรือหยิบฉวยไป ไม่ได้แปลว่าไม่มีโจรแต่อัตราส่วนอาจไม่ได้อยู่ในระดับรุนแรงเกินต้านทานจนกลายเป็นชื่อเสียงในทางลบ
แน่ละว่ามันมีด้านอื่นๆ ที่แย่ๆ แต่ก็ยังมีเหตุผลอีกมากมายที่น่าสนใจว่าทำไม พวกเขาถึงอยากกลับมาและอยากมาอาศัยอยู่เมืองไทยแบบยาวๆ ทั้งที่คนไทยก็ไม่ได้พิศมัยอะไรสักเท่าไหร่ โพสต์ทูเดย์ลองไปหาคำตอบมาได้ประมาณนี้
เพราะเมืองไทยไม่ใช่แค่จุดหมายปลายทาง แต่คือ “วิถีชีวิต”
ไม่เชื่อลองถามคัลแลนและพี่จองว่าหลงรักอะไรในความบ้านๆ ของไทยในทุกจังหวัดที่เขาเลือกไป หรือปีเตอร์ ชายชาวสวีเดนวัย 62 ปีที่ย้ายมาใช้ชีวิตหลังเกษียณที่เชียงใหม่ เขาให้เหตุผลว่า ที่นี่มีทุกอย่างที่เขาเคยฝันถึงตั้งแต่วัยหนุ่ม ทั้งอากาศอบอุ่น ผู้คนใจดี อาหารอร่อย และภูเขาที่ทอดตัวอยู่เบื้องหลังระเบียงบ้าน
“ที่สตอกโฮล์ม ผมตื่นมาเจอหิมะกับความเงียบ แต่ที่เชียงใหม่ ผมตื่นมาเจอเสียงนกร้อง กลิ่นข้าวเหนียวหมูทอด และรอยยิ้มจากเจ้าของร้านกาแฟ”
เรื่องราวของปีเตอร์ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะประเทศไทยกลายเป็นจุดหมายอันดับต้น ๆ ของ ผู้เกษียณ, digital nomads, นักสร้างสรรค์, และคนแสวงหาความหมายชีวิตจากทั่วโลก ไม่มีการบังคับที่โหดร้าย อิสระเสรีในแบบชิลๆ (วินัยหย่อนๆ ในทุกด้าน) ที่สำคัญอาหารโคตรอร่อย หากินได้ตลอดเวลา หรือใครจะเถียง!
ชุมชนชาวต่างชาติที่หลากหลาย
“ผมไม่รู้สึกว่าอยู่คนเดียว เพราะที่นี่มีคนเหมือนผมเต็มไปหมด” เพราะคุณจะพบชุมชนชาวต่างชาติได้ใน กรุงเทพฯ ครบทุกแบบ ทั้งนักธุรกิจ ศิลปิน และ freelancer และเชียงใหม่ ที่เป็นเหมือน Hub ของคนทำงานสร้างสรรค์และคนทำงานระยะไกล ไปจนถึงภูเก็ต/พัทยา/หัวหิน/เชียงราย ที่กลายเป็นชุมชนผู้เกษียณที่ใหญ่ หลากหลายและมั่นคง
ในเมืองเหล่านี้มีทั้งโรงเรียนอินเตอร์ คลินิกนานาชาติ ร้านอาหารต่างชาติ และกิจกรรมชุมชนให้ร่วมเสมอ
Soft Power ไทย จึงที่ไม่ได้มีแค่ในวัด โขน ต้มยำ และตลาดน้ำ
แต่คือวัฒนธรรมด้านอื่นในวิถีชีวิตที่ "สัมผัสได้" ด้วยใจไม่ใช่ด้วยตา Soft Power ของไทยจึงไม่ใช่แค่การแสดงรำไทย โขน หรือวัดพระแก้ว แต่คือสิ่งที่ต่างชาติ "รู้สึกได้จริง" เช่น ความใจเย็นแบบคนไทย เย็นได้เย็น ถ้าไม่เกินไปนักเราทนได้ทน นี่คือเหตุผลสำคัญที่ทำให้คนเครียดๆ จริงจังทุกนาทีในโลกตะวันตกรู้สึกเบาสบาย ผ่อนคลายจากกฎเกณฑ์ทุกกระเบียดนิ้วในประเทศของตัวเองเมื่อมาเมืองไทย
เมื่อมองไปถึงระบบความเชื่อ หรือธรรมะแบบชาวพุทธ ที่เป็นความเชื่อแกนหลักของประเทศมาอย่างยาวนาน ที่สอนให้คนรู้จักปล่อยวาง ไปจนถึงไม่สนใจว่า คุณจะนับถือศาสนาอะไร คนไทยไม่สนใจเพราะพุทธศาสนาไม่มีการบังคับ แต่กลับทำให้ชาวยุโรปและชาติอื่นๆ หันมานั่งสมาธิ บวชเรียน ศึกษาธรรมแบบจริงจังและลึกซึ้งมากขึ้นเรื่อยๆ
ชาวตะวันตกบางคนให้นิยามความเชื่อแบบไทยๆ ที่ไม่ได้มีแค่พุทธ แต่ยังมีเทพในศาสนาอื่น (ฮินดู พราหมณ์ ทิเบต) อีกมายมายที่คนไทยนับถือบูชาว่า “บางทีศาสนาที่แท้ คือการไม่มีศาสนา” เพราะความเสรีในการนับถือหรือไม่นับถือที่ว่า ทำให้เกิดอัตลักษณ์และบุคลิกบางอย่างของคนไทย ที่ทำให้ชาวโลกสามารถสัมผัสได้ดีกว่าคนไทยด้วยกันเองเสียอีก ทั้งเรื่องของภาษาไทย ความตลกและรอยยิ้มธรรมดาๆ ที่ไม่ต้องแปล และไม่หวง
อาหารไทย ศิลปะที่กินได้
ก็จริงที่ผัดไทย ต้มยำกุ้ง ส้มตำ กลายเป็น “diplomatic dish” ที่สร้างแรงบันดาลใจให้หลายประเทศเปิด Thai Select Restaurant แต่ฝรั่งที่มาเมืองไทยจริงๆ และอยู่ยาวๆ พวกเขาได้พบกับอาหารไทยและไม่ไทยที่หลากหลายบนถนน ในตรอกซอกซอย ในมิติที่ล้ำลึกอีกมากมายหลายอย่างในทุกๆ ภาค (ในซอยเดียว) แม้แต่คนไทยเองทุกวันนี้ยังสาธยายไม่หมดถึงความอุดมสมบูรณ์ของเรื่องนี้ของประเทศตัวเอง
หลายคนย้ายมาอยู่เพราะ "อยากกินอาหารไทยทุกวัน" ไม่ใช่แค่เพราะอร่อย แต่เพราะมันเสน่ห์ที่หาไม่ได้ที่ไหนอื่น
ประเทศไทยมีอาหารที่เป็นมากกว่าความอร่อยแต่คือศิลปะ ประสบการณ์ และวัฒนธรรมที่แทรกอยู่ในทุกคำ ทั้งในอาหารริมทางราคาถูกแต่คุณภาพดี ในอาหารท้องถิ่นหลากหลายทั้งเหนือ อีสาน กลาง ใต้ และในร้านอาหารนานาชาติ (ญี่ปุ่น อิตาเลียน เวียดนาม ฯลฯ) มีอยู่ทั่วเมืองใหญ่ กินแบบเจ้าถิ่นได้ทุกวัน โดยไม่ต้องพกเงินมากมาย
Wellness & Spiritual Living
เมืองไทยกลายเป็นศูนย์กลางของ “การดูแลจิตใจ” แบบตะวันออก เช่น วัดสายพระป่าในอุบลฯ, ศูนย์ปฏิบัติธรรมในเชียงใหม่ หรือ Wellness Retreat ที่เกาะพะงัน สมุยและอีกหลายแห่งที่ไม่ได้เป็นจุดขาย และเป็นจุดอ่อนแบบ Soft Soft อันเงียบสงบ เหมือนสถานที่ที่คุณจะรู้สึกว่า ยังไม่มีใครค้นพบ มีฝรั่งจำนวนหนึ่งเลือกมา “ดีท็อกซ์ใจ” ที่นี่ ด้วยเหตุผลด้านสุขภาพกายและใจ ในราคาที่เข้าถึงได้ แน่นอนว่ามันช่วยให้ธุรกิจ Wellness ของไทยเติบโตอย่างรวดเร็วในทุกๆ ปี เมืองไทยที่ชาวต่างชาตินิยมอยู่ จึงไม่ใช่แค่กรุงเทพฯ
เชียงใหม่ เมืองหลวงของ digital nomads
ด้วยเหตุผลด้านเศรษฐกิจเป็นสำคัญ คือค่าใช้จ่ายต่ำ อินเทอร์เน็ตแรง อากาศเย็นในหน้าหนาว มีคาเฟ่ในระดับสร้างสรรค์มากมาย ทั้ง Co-working space อีกนับไม่ถ้วน เป็นชุมชนนักเขียน นักออกแบบ คนทำงานศิลปะจากทั่วโลก ที่จะทำให้คุณไม่รู้จักเบื่อเมื่อมาที่เมืองนี้ แถมยังมีเสน่ห์ของล้านนา มีที่ให้ปลีกวิเวก มีภูเขา มีวัดในป่า และมีความสะดวกครบครันแบบเมืองใหญ่เมื่อลงจากเขามา
“ผมเคยทำงานจากปารีส โตเกียว และนิวยอร์ก แต่ไม่มีที่ไหนที่ผมทำงานได้ดีเท่าที่นี่” – มิคาเอล นักออกแบบ UX จากเบอร์ลิน
ภูเก็ต สวรรค์ของนักลงทุน – wellness – คนรักทะเล
พร้อมไปด้วยชายหาดระดับโลก + วิลล่าสุดหรู + ศูนย์สุขภาพครบวงจร ภูเก็ตกลายเป็นบ้านของผู้เกษียณชาวอังกฤษ ออสเตรเลีย และสแกนดิเนเวียจำนวนมาก ที่มีเรือยอร์ชและท่าจอดเรือที่ทันสมัย มากกว่านั้นคือมีค่ายมวยและ wellness retreats ที่ดึงดูดคนจากทั่วโลก ย่านที่ชุมชนชาวต่างชาตินิยมอยู่อาศัยคือ กระทู้ ราไวย์ ฉลอง ลากูน่าและเชิงทะเล
ตัวอย่างเช่น ลากูน่า ภูเก็ต เป็นพื้นที่สุดหรูที่ตั้งอยู่ระหว่างหาดบางเทาและหาดลายัน โดดเด่นในฐานะชุมชนรีสอร์ทขนาดใหญ่ที่ครบครันด้วยวิลล่าระดับไฮเอนด์ อพาร์ตเมนต์หรู และโรงแรมระดับ 5 ดาวหลากหลายแห่ง พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งสปาระดับพรีเมียม ร้านอาหารนานาชาติ แหล่งช้อปปิ้ง และสนามกอล์ฟ 18 หลุมมาตรฐานสากล
กรุงเทพฯ เมืองหลวงของความขัดแย้งที่ลงตัว
แน่นอนว่าที่นี่มีทั้งความวุ่นวายและสงบในเมืองเดียวกัน และมีย่านสร้างสรรค์อย่าง อารีย์ ทองหล่อ เจริญกรุง พระราม 9 ทรงวาด ตลาดน้อย สุขุมวิทใต้ เป็น hub ของคนทำสตาร์ทอัพ ชาวต่างชาติที่ทำงานระยะยาว และครอบครัวที่ต้องการความสะดวกสบาย
เกาะพะงัน – เกาะเต่า – กระบี่ สวรรค์สายสมาธิ – slow life – creative escape
จุดขายมี retreat center, อาหารสุขภาพ, โยคะ และ community ต่างชาติที่เน้น “ชีวิตเรียบง่าย” คนจากนิวยอร์กและลอนดอนมาพักอยู่เป็นปี เพื่อ reset ชีวิต สร้างแรงบันดาลใจด้านศิลปะ ดนตรี และการเยียวยา ระดับ Therapy
Soft Power ของไทยคือความนุ่มนวลที่เปลี่ยนชีวิต ตอกย้ำว่า ประเทศไทยไม่ได้ขายแค่ทิวทัศน์ วัดวา หรืออาหาร แต่ขาย “ความรู้สึก” ที่หาได้ยากในโลกปัจจุบัน ความรู้สึกว่าชีวิตยังเรียบง่ายได้ ความรู้สึกว่าการยิ้มให้กันยังมีความหมายและความรู้สึกว่าเราไม่จำเป็นต้องเร่งรีบทุกวันและชิลได้จริง
ไม่ว่าจะอยู่ที่เชียงใหม่ริมดอย หรือเดินจิบกาแฟที่ทองหล่อ เหตุผลที่ชาวต่างชาติ (expats, retirees, digital nomads และนักท่องเที่ยวระยะยาว) นิยมมา อาศัยอยู่ในประเทศไทย และ อยู่ต่อ ไม่ใช่เพราะเมืองไทยสมบูรณ์แบบ แต่เพราะเมืองไทย สมดุลกับหัวใจของเขา “ในราคาที่ไม่ต้องรวย”
ค่าครองชีพไม่แพง แต่คุณภาพชีวิตดี
ลองจินตนาการว่าคุณสามารถใช้ชีวิตในคอนโดกลางเมืองใหญ่ มีอาหารดี ๆ กินทุกวัน เที่ยวเสาร์-อาทิตย์ได้บ่อยโดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย ประเทศไทยคือหนึ่งในไม่กี่ประเทศในโลกที่ “เงินไม่เยอะแต่มีความสุขได้จริง”
- ค่าอาหารริมถนน: เริ่มต้น 40-60 บาท
- ค่ารักษาพยาบาล: คุณภาพระดับสากลแต่ราคาถูกกว่าหลายประเทศ 5–10 เท่า
- ที่พัก: มีตั้งแต่คอนโดหรูใจกลางกรุงเทพฯ ไปจนถึงบ้านกลางธรรมชาติในเชียงใหม่
ทั้งหมดคือเหตุผลที่ทำให้เมืองไทยติดอันดับ “ประเทศที่เหมาะแก่การใช้ชีวิตหลังเกษียณ” และ “จุดหมายปลายทางอันดับต้นของ digital nomads” อยู่เสมอ
ธรรมชาติที่เปลี่ยนทุกวันให้เป็นวันพักผ่อน
อยู่เมืองไทย เหมือนได้ “staycation” ทุกวัน ชาวต่างชาติชอบเมืองไทยเพราะที่นี่มีทุกอย่าง ทะเลสีฟ้า ภูเขาเขียวขจี เมืองเก่า เมืองใหม่ และหมู่บ้านเล็กๆ กลางธรรมชาติ สถานที่อย่าง ภูเก็ต หรูหราแต่เข้าถึงได้ เกาะพะงัน ป่าชายเลน โยคะ และ community สายธรรมชาติ เชียงใหม่ มีภูเขาและความสงบ กระบี่/สมุย/หัวหิน วิวระดับโลก แต่ใช้ชีวิตได้แบบบ้าน เหมาะกับทุกสายไม่ว่าจะเป็นสายผจญภัยหรือสายชิลล์ เมืองรองอย่าง เชียงราย น่าน ปาย เกาะพะงัน กลายเป็น “โอเอซิส” ของชาวต่างชาติที่เบื่อวัฒนธรรมเร่งรีบ
ระบบสาธารณสุขดี ราคาจับต้องได้
เมืองไทยคือหนึ่งในจุดหมายของ Medical Tourism ระดับโลก ไม่ใช่เพราะราคาถูกอย่างเดียว แต่เพราะคุณภาพระดับโรงพยาบาลเอกชนไทยนั้น “ดีกว่า” หลายประเทศในตะวันตกเพราะ
- รักษาโรคเรื้อรัง ศัลยกรรม ตรวจสุขภาพได้อย่างสบายใจ
- หมอเก่ง พยาบาลพูดอังกฤษได้ ระบบทันสมัย
- ค่าใช้จ่ายต่ำกว่าประเทศพัฒนาแล้วหลายเท่า
ผู้เกษียณจำนวนมากเลือกไทยเพราะอยาก “แก่ตัวอย่างสบายใจ”
เหมาะกับสาย Remote Work และ Digital Nomads
"Work from beach", "Work from Chiang Mai café" จริง ไม่ใช่แค่ฝัน ด้วยอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ราคาไม่แพง Co-working space มีแทบทุกเมือง ในขณะที่ Community สายเทคโนโลยีและฟรีแลนซ์เติบโตอย่างรวดเร็ว แถมรัฐบาลไทยยังเปิดตัววีซ่า Long-Term Resident (LTR) สำหรับผู้มีรายได้สูงและทักษะเฉพาะ เพื่อจูงใจให้ย้ายมาอยู่ระยะยาวอีก
เชื่อมโยงกับโลก แต่ไม่วุ่นวายเหมือนโลก
- กรุงเทพฯ เป็น ศูนย์กลางการบินในเอเชีย
- มีเที่ยวบินราคาประหยัดไปยัง ญี่ปุ่น เกาหลี เวียดนาม สิงคโปร์ อินเดีย ฯลฯ
- สนามบินสุวรรณภูมิ และดอนเมือง ทำให้เดินทางไปกลับยุโรป–ออสเตรเลียได้ง่าย
นี่คือข้อดีสำหรับคนที่ทำงานกับต่างประเทศ หรืออยากเที่ยวเอเชียบ่อย ๆ
มีกฎหมายยืดหยุ่น และทางเลือกวีซ่าหลากหลาย
ไทยมีวีซ่าหลากหลายที่ตอบโจทย์วิถีชีวิตชาวต่างชาติ:
- Retirement Visa สำหรับผู้เกษียณ
- Education Visa สำหรับคนเรียนภาษาไทย มวยไทย หรือกิจกรรมเชิงวัฒนธรรม
- Thailand Elite Visa อยู่ยาวได้ 5–20 ปี พร้อมสิทธิพิเศษ
- LTR Visa สำหรับผู้มีรายได้สูง/ดิจิทัลทาเลนต์
รัฐบาลไทยกำลังผลักดันให้ชาวต่างชาติสามารถซื้อคอนโด ทำธุรกิจ และทำงานระยะไกลได้ง่ายขึ้น นี่อาจคือ Thailand Complex ของจริงที่แท้ที่ทุกภาคส่วนร่วมกันขับเคลื่อนตั้งแต่รากจนถึงปลาย ทั้งแบบรู้ตัวและไม่รู้ตัวว่ามันคือเสน่ห์ประหลาดที่ลงตัว ไม่มากเกินไปไม่น้อยเกินไป ไม่ตึงและไม่หย่อนมากนัก แต่คือความสมดุลที่ใครๆ ในโลกอาจหาพบได้ที่นี่
ทำให้ประเทศไทยเป็นเหมือนบ้านหลังที่สองของชาวต่างชาติจำนวนมาก ที่พร้อมเข้ามาเป็นมันสมอง ไม่ใช่แค่ขุมทองของมาเฟีย ทุนข้ามชาติและแหล่งกบดานของอาชญากร


