กทม. จัดประชุม 8 เมืองเอเชีย ร่วมวางแผนรับมือภัยพิบัติอนาคต
รองผู้ว่าฯ ทวิดา เปิดเวทีแลกเปลี่ยนประสบการณ์จัดการวิกฤติ เผยบทเรียนแผ่นดินไหวและการใช้เทคโนโลยีช่วยเหลือประชาชนผ่านระบบ Traffy Fondue
กรุงเทพมหานครเปิดเวทีการประชุม “Crisis Management Conference 2025” เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2568
โดยมีผู้นำเมืองจาก 8 เมืองใหญ่ในเอเชีย ได้แก่ โตเกียว, จาการ์ตา, ไทเป, นิวไทเป, มะนิลา, โซล, กัวลาลัมเปอร์ และสิงคโปร์ เข้าร่วมแลกเปลี่ยนแนวทางการรับมือกับภัยพิบัติ ร่วมกับผู้แทนจากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และเจ้าหน้าที่กรุงเทพมหานคร ณ โรงแรมอัศวิน แกรนด์ คอนเวนชัน เขตหลักสี่
รศ. ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นประธานเปิดงาน ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างเมืองในการเผชิญกับวิกฤตที่ซับซ้อนและรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะในยุคที่ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกำลังทวีความรุนแรง เช่น น้ำท่วมฉับพลัน คลื่นความร้อน ฝุ่นละออง PM 2.5 ไปจนถึงภัยธรรมชาติอย่างแผ่นดินไหว
เธอได้ยกตัวอย่างเหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ซึ่งมีศูนย์กลางอยู่ที่เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศเมียนมา และแรงสั่นสะเทือนส่งผลกระทบมาถึงกรุงเทพฯ เหตุการณ์นี้ทำให้อาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินที่กำลังก่อสร้างพังถล่ม มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนหนึ่ง ถือเป็นสัญญาณเตือนว่าเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพฯ ต้องให้ความสำคัญกับการตรวจสอบและเสริมความแข็งแรงของอาคารอย่างสม่ำเสมอ
ไฮไลต์สำคัญของการประชุมครั้งนี้คือการแลกเปลี่ยนบทเรียนและแนวปฏิบัติที่ดีจากเมืองต่าง ๆ ผ่านเครือข่าย The Network เพื่อสร้างระบบบริหารจัดการภัยพิบัติที่เข้มแข็ง มีการเตรียมพร้อมเชิงรุก และวางแผนพัฒนาเมืองให้มีความยืดหยุ่นและปลอดภัยในระยะยาว
ในเวทีบรรยายพิเศษ หัวข้อ “ความท้าทายการจัดการภาวะวิกฤติในเขตเมืองของมหานครและเมืองใหญ่” รองผู้ว่าฯ ทวิดา ได้นำเสนอกรณีศึกษาการจัดการเหตุการณ์อาคารถล่มในกรุงเทพฯ ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายภาคส่วน รวมถึงการใช้เทคโนโลยีอย่างระบบ “Traffy Fondue” ที่เปิดให้ประชาชนแจ้งรอยร้าวและความเสียหายผ่านภาพถ่ายและพิกัด ทำให้เจ้าหน้าที่สามารถตอบสนองและช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที
การประชุม “Crisis Management 2025” ครั้งนี้จึงไม่เพียงเป็นเวทีหารือระดับภูมิภาค แต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นของความร่วมมือที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นระหว่างมหานครทั่วเอเชีย เพื่อยกระดับความสามารถในการป้องกันและรับมือภัยพิบัติในโลกที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็วขึ้นทุกวัน


