posttoday

กกพ. ปลดล็อกโซลาร์ ติดตั้งใช้เอง-ขายไฟ ไม่ต้องขอใบอนุญาต

17 พฤษภาคม 2568

“ปลดล็อกโซลาร์” ครั้งประวัติศาสตร์: เมื่อ กกพ. ปรับกติกา ลดขั้นตอน ยกเว้นขอใบอนุญาตผลิตไฟฟ้า หนุนพลังงานสะอาดทั่วไทย

ประเทศไทยกำลังเข้าสู่ยุคใหม่ของการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์อย่างแท้จริง หลังจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ประกาศปลดล็อกข้อจำกัดสำคัญที่เคยเป็นอุปสรรคต่อการติดตั้งและใช้งานโซลาร์เซลล์ ทั้งในภาคครัวเรือนและภาคอุตสาหกรรม โดยออกประกาศใหม่เรื่อง “ขั้นตอนการรับแจ้งการประกอบกิจการพลังงานที่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องขอรับใบอนุญาตการประกอบกิจการไฟฟ้า พ.ศ. 2568” มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 4 เมษายน 2568 เป็นต้นไป

 

นับเป็นอีกหนึ่งก้าวใหญ่ของไทยในการเดินหน้าสู่เป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน และเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานสะอาด (Renewable Energy) อย่างเป็นรูปธรรม

 

นายพูลพัฒน์ ลีสมบัติไพบูลย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ในฐานะโฆษกคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดเผยว่า

“กกพ. เดินหน้าสนับสนุนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดมีมติลดขั้นตอนในการยกเว้นการจดแจ้งโซลาร์เซลล์ทั้งผลิตเพื่อใช้เองและผลิตไว้เพื่อขาย คาดว่าจะทำให้ประชาชนและผู้ประกอบการได้รับความสะดวกอย่างเต็มที่ มีการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนอย่างแพร่หลาย โดยหวังว่าจะช่วยลดภาระค่าพลังงาน ค่าครองชีพ และยังจะเป็นการสนับสนุนการเพิ่มสัดส่วนพลังงานสะอาดลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนได้อีกทางหนึ่งด้วย”

จากระบบอนุญาตยุ่งยาก สู่ระบบแจ้งง่าย ยืดหยุ่นมากขึ้น

ในอดีต การติดตั้งระบบโซลาร์เพื่อผลิตไฟฟ้าใช้เอง หรือแม้แต่การผลิตเพื่อขายให้กับเครือข่ายไฟฟ้า จำเป็นต้องผ่านกระบวนการขอ “ใบอนุญาตผลิตไฟฟ้า” จาก กกพ. ซึ่งในทางปฏิบัติมักมีความซับซ้อน ต้องเตรียมเอกสารหลายชุด ใช้ระยะเวลาในการพิจารณานาน และบางกรณีต้องประสานกับหลายหน่วยงาน เช่น การไฟฟ้าฝ่ายจำหน่าย กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน เป็นต้น

 

แม้ในปี 2565 จะเคยมีการผ่อนปรนด้วยประกาศยกเว้นการขอใบอนุญาตสำหรับกิจการขนาดเล็กแล้ว แต่ก็ยังคงมีข้อจำกัด โดยเฉพาะกรณีที่ต้องเชื่อมต่อระบบเข้ากับโครงข่ายไฟฟ้าของผู้อื่นที่ไม่ใช่การไฟฟ้า ซึ่งยังต้องแจ้งรายละเอียดและรอการอนุมัติ

 

สาระสำคัญของประกาศใหม่ พ.ศ. 2568: ใครได้ประโยชน์?

ประกาศฉบับล่าสุดของ กกพ. ได้ทำให้แนวทางการส่งเสริมโซลาร์เซลล์มีความยืดหยุ่นมากขึ้น โดยยกเว้นการขอใบอนุญาตผลิตไฟฟ้าสำหรับระบบขนาดเล็กถึงระดับกลาง และอำนวยความสะดวกในการแจ้งข้อมูลผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่เชื่อมโยงกับการไฟฟ้าฝ่ายจำหน่ายโดยตรง

 

จุดเด่นของประกาศใหม่:

• ปลดล็อกระบบโซลาร์ต่ำกว่า 1,000 กิโลโวลต์แอมแปร์ (kVA) ไม่ว่าจะติดตั้งเพื่อใช้ไฟฟ้าเองในครัวเรือน โรงงาน หรือผลิตเพื่อจำหน่าย หากขนาดไม่เกิน 1,000 kVA ต่อแหล่งผลิต สามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องขอใบอนุญาต

• แบ่งกลุ่มผู้ใช้เป็น 2 ระดับ ได้แก่

1. ระบบต่ำกว่า 200 kVA: ไม่ต้องขอใบอนุญาตควบคุมพลังงาน (พค.2)

2. ระบบ 200–999 kVA: ต้องขอใบอนุญาตควบคุมพลังงาน (พค.2) หลังติดตั้งเสร็จ

• เชื่อมระบบกับการไฟฟ้าได้ทันที: ผู้ใช้งานสามารถยื่นคำขอเชื่อมต่อระบบไฟฟ้ากับเครือข่ายของการไฟฟ้าฝ่ายจำหน่าย ผ่านช่องทางออนไลน์ ถือว่าเป็นการแจ้งกิจการโดยอัตโนมัติ

• ใช้เวลาพิจารณาไม่เกิน 5 วันทำการ: กกพ. จะประกาศรายชื่อผู้ได้รับการยกเว้นใบอนุญาตผ่านเว็บไซต์ www.erc.or.th

• รองรับทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงการผลิตเพื่อขายให้กับระบบของผู้อื่น เช่น สวนอุตสาหกรรมที่มีระบบโครงข่ายของตนเอง

 

กกพ. ปลดล็อกโซลาร์ ติดตั้งใช้เอง-ขายไฟ ไม่ต้องขอใบอนุญาต

 

ผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม

การปลดล็อกครั้งนี้จะมีผลกระทบในวงกว้าง ทั้งในระดับครัวเรือน ธุรกิจขนาดเล็ก ไปจนถึงภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะในจังหวะที่ค่าไฟฟ้ามีแนวโน้มสูงขึ้นและพลังงานสะอาดกลายเป็นทางเลือกที่ทุกฝ่ายให้ความสำคัญมากขึ้น

 

ประโยชน์หลักๆ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้น ได้แก่:

• ลดค่าไฟฟ้า: ครัวเรือนและธุรกิจสามารถผลิตไฟฟ้าใช้เอง ลดภาระค่าใช้จ่ายรายเดือน

• ส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียนพลังงาน: ผู้ผลิตรายย่อยสามารถขายไฟกลับเข้าสู่ระบบได้ (ในกรณีมีโครงการรองรับ)

• เพิ่มความมั่นคงด้านพลังงาน: กระจายการผลิตไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานหมุนเวียน ลดการพึ่งพาไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงฟอสซิล

• ลดการปล่อยคาร์บอน: สนับสนุนเป้าหมาย Net Zero ของประเทศภายในปี 2065

 

เมื่อประชาชนมีบทบาทในระบบพลังงาน

ในอดีต การผลิตไฟฟ้าเคยเป็นเรื่องเฉพาะของหน่วยงานรัฐหรือบริษัทขนาดใหญ่ แต่การเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์ในครั้งนี้สะท้อนแนวคิดใหม่ที่ว่า “ทุกคนสามารถเป็นผู้ผลิตพลังงานได้” หรือที่เรียกว่า Prosumer (Producer + Consumer)

 

การเปิดทางให้โซลาร์รูฟท็อปและระบบผลิตพลังงานจากแสงอาทิตย์เข้าถึงได้ง่ายขึ้น ไม่เพียงเปลี่ยนโฉมตลาดพลังงานไทย แต่ยังเปลี่ยนบทบาทของประชาชนและภาคธุรกิจให้มีส่วนร่วมกับการพัฒนาอย่างยั่งยืนอย่างแท้จริง

 

ติดตามข้อมูลเพิ่มเติม:

เว็บไซต์สำนักงาน กกพ. www.erc.or.th

หรือช่องทางออนไลน์ของการไฟฟ้าฝ่ายจำหน่ายในพื้นที่ของท่าน

ข่าวล่าสุด

Smart Money 25 สถาบันฯ ลุย ขับเคลื่อน การลงทุนมั่นคง